ดูเหมือนว่า ‘Luckin Coffee’ เชนกาแฟยังใหญ่ของจีนกำลังจะ ‘ฟื้นจากความตาย’ หลังต้องผจญกับเรื่องอื้อฉาวทางบัญชีและถูกถอดนามสกุล ‘มหาชน’
รายได้กลับมาโต 90%
Luckin Coffee เพิ่งประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกที่มีรายได้ที่เติบโตเกือบ 90% และพลิกกลับมามี ‘กำไร’ เป็นครั้งแรก แม้จะถูกท้าทายจากการล็อกดาวน์ด้วยสถานการณ์โควิดในจีนก็ตาม
เชนกาแฟยังใหญ่ยังเผยด้วยว่า ตัวเองนั้นสิ้นสุดไตรมาสด้วยร้านค้ากว่า 6,580 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมากกว่า Starbucks ซึ่งมีสาขาเพียง 5,650 แห่งในจีนเท่านั้น
นั้นเองทำให้ Luckin Coffee เรียกตัวเองว่า ‘ข่ายกาแฟที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ’ โดยร้านค้าบางแห่งถูกดำเนินการโดยบริษัทเอง และบางแห่งเป็นแฟรนไชส์ ในขณะที่ Starbucks นั้นถูกดำเนินการโดยบริษัทแม่เองทั้งหมด
ผลประกอบการเป็นของจริง
ด้วยความที่ Luckin Coffee เคยมีปัญหาเรื่องการตกแต่งทางบัญชีมาก่อน ‘Jinyi Guo’ ซึ่งได้เลื่อนจากรองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ มาเป็นเป็นประธานและซีอีโอในช่วงวิกฤติยอมรับว่า นักวิเคราะห์หลายคนอาจยังคงสงสัยเกี่ยวกับการเงินของ Luckin Coffee
ตั้งแต่ปี 2020 ‘เราได้ดำเนินมาตรการมากมายในการทำความสะอาดบ้านของเราเอง’ เขากล่าว โดยสังเกตว่าได้นำทนายความจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานและจัดระเบียบทีมใหม่
“เนื่องจากการแพร่ระบาด ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปจีน เพื่อดูว่าร้านค้าของเราเป็นอย่างไร” เขากล่าวเสริม
“หากพวกเขาสามารถเห็นได้ด้วยตนเองว่าเราดำเนินการอย่างไร พวกเขาจะรู้ว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นความจริง และพวกเขาไม่ควรสงสัยในเรื่องนี้”
(เคย) เป็น ‘ยูนิคอร์น’ ที่มีชื่อเสียง
Luckin Coffee ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 เพื่อเป็นทางเลือกที่ทันสมัยสำหรับร้านกาแฟแบบดั้งเดิม โดยเน้นฐานลูกค้ากลุ่มหนุ่มสาวผ่านการซื้อกลับบ้านและการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด
ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง บริษัทมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหนึ่งใน ‘ยูนิคอร์น’ หรือบริษัทเอกชนชั้นนำของจีนที่มีมูลค่าอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์อย่างรวดเร็ว มีอยู่ช่วงหนึ่ง Luckin Coffee เปิดร้านค้าประมาณ 2,000 แห่งในเวลาเพียง 12 เดือนเท่านั้น
ในปี 2019 Luckin Coffee จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ซึ่งได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนที่เชื่อว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญของ Starbucks โดยใช้เวลาเพียง 19 เดือน นับจากเปิดร้านกาแฟแห่งแรกไปจนถึงการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)
แต่ด้วยเรื่องอื้อฉาวทางบัญชีด้วยการตกแตกตัวเลขยอดขายเกินจริงกว่า ‘หมื่นล้านบาท’ ทำให้ Luckin Coffee ถูกบีบออกจากตลาดหลักทรัพย์ ในเดือนมิถุนายนปี 2020 หรือก็คือ 13 เดือนหลังติดนามสกุลมหาชน
วิกฤตในครั้งนั้นทำให้ ประธานและซีอีโอของบริษัทก็ถูกไล่ออก นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ยังได้ปรับ Luckin Coffee ด้วยมูลค่า 180 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
‘ไอลีน กู’ เข้ามาช่วยชีวิต
อย่างไรก็ตาม Luckin Coffee ยอมรับว่า ‘ไอลีน กู’ ซูเปอร์สตาร์โอลิมปิกคว้าเหรียญรางวัลกลับบ้านได้มากกว่านักกีฬาชาวจีนคนอื่นๆ ในโอลิมปิกฤดูหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ช่วยชุปชีวิต หลังจาก Luckin Coffee ได้ดึงเธอมาปรากฏตัวในโฆษณา
ในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว บริษัทเปิดสาขา 360 แห่ง ซึ่ง ‘เร็วกว่า’ มากเมื่อเทียบกับอัตราปกติ และซีอีโอกล่าวยังกล่าวว่า “ภายในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ เรามีความคิดว่าเธอจะคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก”
เช่นเดียวกับธุรกิจส่วนใหญ่ Luckin Coffee ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้
โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมี ‘การปิดร้านชั่วคราวโดยเฉลี่ยประมาณ 700 แห่งต่อวัน’ ในเดือนมีนาคม และประมาณ 950 แห่งตั้งแต่เดือนเมษายน
แต่โดยรวมแล้ว Luckin Coffee ไม่ได้รับผลกระทบที่มากนักเพราะที่ตั้งหลายแห่งอยู่ในอาคารสำนักงานหรือมหาวิทยาลัยซึ่งหมายความว่า
"เราสามารถดำเนินการได้ตามปกติในสถานที่ที่ค่อนข้างปิดเหล่านี้"
กระนั้นนี่กลับเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีสำหรับ Starbucks สักเท่าไร เพราะยอดขายในร้านที่เปิดอย่างน้อย 1 ปีในประเทศจีนลดลง 23% ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนเมษายน 2022 โดยซีอีโอของบริษัท เรียกสถานการณ์ในจีนว่า ‘ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’ และเสริมว่า ‘เกิดความไม่แน่นอนในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง’