ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมป่าไม้ รายงานว่าเนื้อที่ป่าไม้ของประเทศไทยในปี 2564 คิดเป็นสัดส่วน 31.59% ของพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของโลก แต่ยังถือว่าน้อยกว่าประเทศที่อยู่ใน 10 อันดับแรกที่มีสัดส่วนเนื้อที่ป่าไม้มากกว่า 80% ขึ้นไป ดังนั้นในขณะที่โลกเรากำลังเผชิญกับวิกฤตโลกร้อน "ป่าไม้" เป็นตัวช่วยที่จะหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ ด้วยเหตุนี้การเพิ่มเนื้อที่ป่าไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในผืนป่าสำคัญที่เป็นแหล่งต้นน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ในฐานะแหล่งกำเนิดของป่าต้นน้ำผืนใหญ่ ที่จะกลายเป็นบ้านของป่าไม้อีกอย่างน้อย 1 ล้านตารางเมตร นั้น เป็นเขตพื้นที่บริเวณเชิงเขา และเขตป่ารอยต่อ เมื่อบรรดาต้นไม้ที่ปลูกในโครงการนี้เติบใหญ่ขึ้น ก็จะเชื่อมต่อกับผืนป่าดั้งเดิมเป็นผืนเดียว
กระนั้น ลำพังเพียงความร่วมมือระหว่างสิงห์ ปาร์ค เชียงราย และสิงห์ เอสเตท ไม่อาจที่ทำให้โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี เพราะการปลูกป่าอย่างยั่งยืน จำเป็นจะต้องอาศัยพลังจากทุกภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานราชการภาครัฐ ทั้งกรมป่าไม้ และจังหวัดเชียงราย รวมถึงภาคเอกชนอื่นๆ ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแข็งขัน
ด้วยเหตุนี้โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วจึงมีพันธมิตรที่ใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของตนเพื่อรังสรรค์ให้ภารกิจนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดย "สยามคูโบต้า" ใช้นวัตกรรมทางเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาช่วยในการปรับสภาพพื้นที่และเตรียมหลุมให้เหมาะกับการปลูกต้นกล้า ช่วยให้การปลูกป่านับล้านตารางเมตรแล้วเสร็จได้โดยเร็วขึ้น รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายในการให้ปุ๋ย เพื่อเพิ่มธาตุอาหารที่ขาดแคลนด้วยการใช้โดรนการเกษตรแทนแรงงานคน
ด้าน "ไทยคม" ใช้เทคโนโลยีล่าสุดสำรวจและติดตามการเจริญเติบโตของต้นไม้ ตรวจวัด ปริมาณการดูดซับคาร์บอนในป่าได้อย่างแม่นยำ แทนการสำรวจด้วยคน โดยได้ประเมินว่าการปลูกป่าบนพื้นที่ 1 ล้านตร.ม.จะดูดซับคาร์บอนประมาณ 3,300 ตัน ในระยะเวลา 10 ปี
ขณะที่ "สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) กรมป่าไม้" ให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกป่า และอนุเคราะห์พรรณไม้พื้นเมืองนานาชนิดทั้งไม้ยืนต้น เช่น พะยูง ประดู่ มะค่า รวมถึงพืชเศรษฐกิจ และต้นไม้ที่ชาวบ้านในชุมชนใช้ในการดำรงชีวิต ส่วน "จังหวัดเชียงราย" ที่แม้จะมีผืนป่าอุดมสมบูรณ์อยู่แล้วด้วยพื้นที่ป่า 2,845,312.24 ไร่ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีเนื้อที่ป่ามากที่สุดในประเทศไทย แต่ก็มีความยินดีที่จะสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในแหล่งต้นน้ำลำธารของประเทศให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ก็ได้มุ่งพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้านธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สร้างเศรษฐกิจยั่งยืนให้กับชุมชน ส่วนชาวบ้านในชุมชนนอกจากจะพึ่งพาอาศัยประโยชน์จากป่าแล้ว ยังร่วมทำหน้าที่ในการดูแลให้กล้าไม้หยั่งรากลึกและเติบโตเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ทั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ในปัจจุบันมีองค์กรชั้นนำต่าง ๆ นำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (ESG; Environment, Social, และ Governance) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อพยายามแก้ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน พร้อมการกำกับดูแลหรือการมีธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงการปลูกป่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาวะโลกร้อน และการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ มักจะเอ่ยถึง "คาร์บอน เครดิต" ด้วย โดยคาร์บอน เครดิต หมายถึง การนำปริมาณการลดใช้ก๊าซเรือนกระจกที่ต่ำกว่าเป้าหมายในแต่ละประเทศหรือแต่ละหน่วยงานมาเปลี่ยนแปลงให้สามารถซื้อ-ขายได้ เปรียบเหมือนเป็นสินค้าประเภทหนึ่ง เพื่อจำหน่ายให้กับประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศอุตสาหกรรม หรือแม้แต่เอกชนบางราย โดยประเทศหรือบริษัทเหล่านี้จะซื้อคาร์บอน เครดิต เพื่อขยายขอบเขตในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองออกไป
ผลจากการกำหนดคาร์บอน เครดิต ทำให้ให้ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ จำเป็นต้องลดก๊าซเรือนกระจกไปในตัวหากไม่ต้องการเสียเงินเพิ่มเพราะราคาของคาร์บอน เครดิตจะแปรผันตามปัจจัยต่างๆ หากผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับก๊าซเรือนกระจกในปีนั้นเพิ่มสูงขึ้น ก็มีโอกาสที่ราคาของคาร์บอน เครดิตจะพุ่งขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ด้วยแรงกดดันนี้ ในที่สุดจะทำให้ประเทศ หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก จำเป็นต้องลดการปล่อยหรือเลิกการปล่อยก๊าซนี้ให้ได้
สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ สิงห์ เอสเตท วางแผนที่จะปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่อื่นของประเทศไทยต่อไป โดยคาดว่า เป็นพื้นที่ป่าในเมืองที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ป่าปลายน้ำ หรือป่าชายเลน ที่เกาะพีพี