เรียกว่าเป็นปีที่โชคร้ายจริงๆ สำหรับ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ เพราะธุรกิจที่เขาปั้นมากับมืออย่าง Facebook (ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น Meta Platforms Inc. หวังสะท้อนหนึ่งเป้าหมายธุรกิจใหม่ ที่คิดว่าจะสดใจอย่าง Metaverse) กำลังอยู่ใน ‘ปากเหว’ ที่ถูกมองว่า ล้วนมีต้นเหตุมาจากเขาเอง
Facebook กำลัง ‘ตกราง’
บิล จอร์จ ผู้เชี่ยวชาญจาก Harvard Business School และ อดีตซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีทางการแพทย์ Medtronic บอกว่า ข้อบกพร่องของซักเคอร์เบิร์กกำลังทำให้ Facebook อยู่ในภาวะ ‘ตกราง’
“ฉันคิดว่า Facebook จะยังมีผลงานที่ไม่ดีตราบเท่าที่มีซักเคอร์เบิร์กอยู่” จอร์จบอก CNBC Make It “เขาน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากหันหลังให้กับ Facebook ซึ่งตอนนี้เขากำลังหลงทางจริงๆ”
จอร์จใช้เวลา 20 ปีที่ผ่านมาศึกษาความล้มเหลวในการเป็นผู้นำในที่ทำงาน โดยเขากล่าวว่า ผู้นำที่มองไม่เห็นความเชื่อ ค่านิยม และกำลังหลงอยู่ในเงินทอง ชื่อเสียง หรืออำนาจ จะเป็นจุดที่ทำให้องค์กรอยู่ในภาวะล้มเหลว
และจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลการล่มสลายของบริษัทที่มีชื่อเสียงมาหลายทศวรรษ จอร์จบอกว่า เห็นความคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่งระหว่าง ซักเคอร์เบิร์ก และ Meta ในปัจจุบัน
ซักเคอร์เบิร์ก ได้เปลี่ยนบริษัทที่เขาร่วมก่อตั้งในปี2004 ให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาด 450.46 พันล้านดอลลาร์ และตอนนี้เขากำลังเดิมพันอีกครั้ง ด้วยการบุกเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่าง Metaverse
กระนั้น จอร์จ กล่าวว่า Meta จะต้องล้มเหลวตราบเท่าที่ซักเคอร์เบิร์กยังคงกุมหางเสือ ซึ่งนี่คือเหตุผล
หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
อย่างแรก ซักเคอร์เบิร์กเป็นคนที่หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง เขาเป็นเจ้านายประเภทที่ไม่เต็มใจที่จะรับรู้หรือเรียนรู้จากความผิดพลาดและโยนความผิดนั้นให้ผู้อื่น
ในเดือนกุมภาพันธ์ Meta สูญเสียมูลค่าตลาดกว่า 232 พันล้านดอลลาร์ นับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดของหุ้นสหรัฐในหนึ่งวัน แต่ซักเคอร์เบิร์กและผู้บริหารของเขาตำหนิผลลัพธ์นั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความเป็นส่วนตัวของ Apple ในปี 2021 ซึ่งทำให้ยากต่อการกำหนดเป้าหมายโฆษณาไปยังผู้ใช้สมาร์ทโฟน รวมถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งอย่าง TikTok
ปัจจัยเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้อง แต่อย่าลืมว่า Meta เองใช้จ่ายจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนา Metaverse ซึ่งมีการรายงานตัวเลขการขาดทุน 10 พันล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพียงปีเดียว และ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2022
ไม่ฟังคำแนะนำ
อย่างที่ 2 ซักเคอร์เบิร์กหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและผลักไสผู้อื่นออกไป ซึ่งทำให้เขามีแนวโน้มเป็นเจ้านายที่มักไม่ยอมรับความช่วยเหลือ คำแนะนำ หรือคำติชม ซึ่งทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะผิดพลาด
แม้ช่วงแรกซักเคอร์เบิร์กจะยอมรับคำแนะนำจากผู้ร่วมก่อตั้ง Elevation Partners บริษัทไพรเวทอิควิตี้ และนักลงทุนรายแรกใน Facebook ซึ่งแนะนำให้เขาปฏิเสธข้อเสนอของ Yahoo ในการซื้อ Facebook ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ ต่อมาสนับสนุนให้จ้าง ‘เชอริล แซนด์เบิร์ก' ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างธุรกิจโฆษณา และการดำเนินงานภายในของบริษัท
แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่สนใจฟังคำแนะนำ ซึ่งหนึ่งในความผิดพลาดที่ชัดเจน คือ การถูกเกี่ยวกับผลกระทบของการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์มของ Facebook ซึ่งที่สุดแล้ว หน่วยข่าวกรองของสหรัฐได้สรุปว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มหลักที่ถูกรัสเซียแทรกแซงจนทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง
ให้ความสำคัญกับกำไรมาเป็นเรื่องแรก
ข้อสุดท้าย ซักเคอร์เบิร์กคือผู้แสวงหาความรุ่งโรจน์ที่ทำให้ชื่อเสียงและความมั่งคั่ง จอร์จบอกว่าผู้บริหารประเภทนี้ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่พวกเขามีอยู่ แต่ต้องการเพิ่มพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เรื่องนี้เห็นได้ชัดเจนจากที่ซักเคอร์เบิร์กให้ความสำคัญกับผลกำไรและการเติบโตของ Meta แม้จะเสียผู้ใช้หลายพันล้านคนของบริษัทก็ตาม ซึ่งซักเคอร์เบิร์กนั้นส่วนเกี่ยวข้องกับการโต้เถียงกันในเรื่องความเป็นส่วนตัวและสุขภาพของผู้ใช้มาเป็นเวลานาน
ในกรณีหนึ่ง การสืบสวนของ Wall Street Journal เมื่อปีที่แล้วพบว่าแพลตฟอร์ม Instagram ที่ Meta เป็นเจ้าของนั้นมีส่วนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้หญิงวัยรุ่น การตรวจสอบพบว่าซักเคอร์เบิร์กเลือกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาดังกล่าว
จอร์จ ย้ำว่า การที่ Facebook จะกลับมาเข้าร่องเข้าร่อยอีกครั้ง ผู้นำอย่างซักเคอร์เบิร์กต้องกลับมาปรับความคิดของตัวเองเสียใหม่ เพื่อไม่ให้หลงทางไปมากกว่านี้
บทความลงตีพิมพ์ MarketPlus Magazine Issue 150