'ธีรนันท์ กรศรีทิพา' Inspiring Everyday Experiences สูตรปั้นสามย่านมิตรทาวน์
10 Nov 2022

ศูนย์การค้าใจกลางเมืองอย่าง ‘สามย่านมิตรทาวน์’ ที่มีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ดักทางทั้ง ‘ปทุมวัน ราชประสงค์ ชิดลม สุขุมวิท’ แต่ ‘สามย่านมิตรทาวน์’ ก็สามารถผ่านบทพิสูจน์มามากมาย และก้าวผ่านได้อย่างแข็งแกร่งทุกครั้ง ธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) หรือ ‘FPCT’ ได้เปิดเผยถึงสูตรการปั้นศูนย์การค้าแห่งนี้ให้เป็น ‘พื้นที่ที่เป็นหัวใจของชุมชน’ และกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจรีเทลยุคใหม่ภายใต้แนวคิด Inspiring Everyday Experiences เพื่อฝ่าทะลวงความท้าทายทางเศรษฐกิจ และการดิสรัปต์ของพฤติกรรมผู้บริโภคตลอดช่วงที่ผ่านมา

 

สามย่าน มิตรทาวน์ ฝ่าด่าน 3 ปีนับแต่ก่อตั้งมาอย่างไร

หลังการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2562 สามย่านมิตรทาวน์ วางบทบาทตนเองเป็น ‘คลังอาหารและ การเรียนรู้’ ในทำเลใจกลางแหล่งการศึกษา คอมมูนิตี้ที่ขึ้นชื่อว่าอาหารอร่อย และเป็นย่านธุรกิจบนพระราม 4  ด้วยการใช้กลยุทธ์ Inspiring Everyday Experiences เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เราก้าวข้ามทุกความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เนื่องจากเรามีดีเอ็นเอที่แตกต่างและชัดเจน จากจุดยืนที่เป็น ‘มิตร’ เป็นเพื่อนที่ดีของ ‘ชุมชน - ร้านค้า - ลูกค้า’และทำให้ศูนย์การค้าฯ แห่งนี้เป็นมากกว่า ‘ห้างสรรพสินค้า’ แต่เป็น ‘พื้นที่ที่เป็นหัวใจของชุมชน’ ที่พร้อมสนับสนุนให้ชุมชนรอบข้างได้เติบโตไปด้วยกัน และรักษาความเป็นสามย่านที่อยู่คู่กรุงเทพฯ ตลอดมา

 

 

ในช่วง 3 ปีนับแต่ก่อตั้งที่เราเจอช่วงโควิดด้วย กล่าวได้ว่า ด้วย ดีเอ็นเอของเราที่เป็น ‘มิตร’ บวกกับมุ่งสร้างประสบการณ์ที่สดใหม่ให้แก่ลูกค้า ทำให้เราเติบโต ต่อยอด และสร้างความคึกคักให้พื้นที่รีเทลได้อยู่เสมอ จนปัจจุบันเราสามารถดึงดูดยอดทราฟฟิกผู้ใช้บริการสวิงกลับมาสูงถึง 135% ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจร้านค้าในสามย่านมิตรทาวน์ที่มียอด Occupancy Rate สูงถึง 98% พร้อมที่จะเติบโตต่อไปด้วยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ด้วยการเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีการผสมผสานระหว่างศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานไว้ในที่เดียวกัน  ยังทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย และมีทราฟฟิก (Traffic) สูงทุกวันตลอดสัปดาห์ เนื่องจากเราส่งแคมเปญและกิจกรรมสร้างสีสันที่การันตีความ ‘สดใหม่’ และ ‘การเป็นผู้นำเทรนด์เสมอ’ ด้วยกลยุทธ์ Fluid Approach ที่ทำให้ศูนย์การค้าสามารถสื่อสารการตลาดได้อย่างน่าสนใจทันทุกเทรนด์ตลอดทั้งปี​

 

สามย่านมิตรทาวน์ พบเทรนด์ที่เปลี่ยนไปหลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลายอะไรหรือไม่

ช่วงโควิดและแม้ผ่อนคลายแล้วตั้งแต่กรกฎาคม 2565 คนอาจจะคิดว่า คนจะช็อปออนไลน์มากกว่า คงมาที่รีเทลไม่เท่าไร แต่จริงๆ แล้วก็มีเทรนด์เกี่ยวกับการขยายตัวของรีเทลและแบรนด์ที่น่าสนใจ คือ

1) Expand with Caution รีเทลยังคงขยายตัว ไม่ว่าจะเชนร้านอาหาร เชนร้านเสื้อผ้า ฯลฯ แต่จะเป็นการขยายภายใต้การศึกษาความเป็นไปได้ที่มีความละเอียดมากขึ้น ส่วนขนาดของร้านจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ ดังนั้น เราจะยังคงได้เห็นร้านใหม่ๆ กันอยู่ เพียงแต่จะครีเอทีฟเพื่อสร้างผลตอบแทน (Yeild) กันมากขึ้น จากเดิมที่เราจะเห็นการขยายตัวของรีเทลที่คิดจากค่าเช่าแบบคงที่ และ GP ต่อไปเราก็จะได้เห็นหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น ค่าเช่า หรือ GP แบบเป็นขั้นๆ (Step) ที่รีเทลร่วมสู้ไปด้วยกันเติบโตไปด้วยกันกับผู้เช่า

2) Local Brand Flourish เราจะยังว่า Local Brand ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับที่ 2-3 ปีก่อนขายกันบนออนไลน์นั้นจะขยับออกมาช็อปและพื้นที่หน้าร้านกันมากขึ้น เช่นเดียวกับ Inter Brand ที่มอง Destination ใหญ่ๆ กันมากขึ้น

3) Retail Traffic Growth ทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในธุรกิจรีเทลต่างๆ มาจากสถานการณ์ที่น่าสนใจ นั่นคือ

กระแส Work from Home ที่พัฒนาเป็นแบบไฮบริด และ Work from Anywhere รวมทั้งการเรียนออนไซต์ (On Site) ของนักเรียนที่อาจมีการเรียนออนไลน์ผสมผสานอยู่บ้าง แต่ในทางปฏิบัติ เนื่องจากการอยู่บ้านช่วงโควิดทำให้คนอยากออกมาข้างนอกเพื่อพบปะกัน ดังนั้น จึงทำให้เราได้เห็นนักเรียนจับกลุ่มไปเรียนออนไลน์ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฟาสต์ฟู้ด หรือคนวัยทำงานที่ไปนั่งทำงานตามร้านต่างๆ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น คนละครึ่ง ฯลฯ ก็ส่งผลให้มู้ดการจับจ่ายของผู้คนหลากหลายมาก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อทราฟฟิกของรีเทลและการใช้ชีวิตนอกบ้าน

 

Key Success ของ สามย่านมิตรทาวน์ ในฐานะธุรกิจรีเทลยุคใหม่คืออะไร

ต้องเข้าใจว่า การทำรีเทลไม่ใช่แค่หาร้านเข้ามาเช่าพื้นที่แล้วปล่อยให้มีทราฟฟิกเดินมา

แต่การทำธุรกิจรีเทลเป็น ‘อะไร’ ที่เกี่ยวกับ ‘ไลฟ์สไตล์’ และต้องเริ่มตั้งแต่การหาผู้เช่าที่ดี, มีปฏิบัติการที่ดีที่จะดูแลผู้เช่าเราได้, ทำแคมปญทางการตลาดเพื่อที่จะดึงทราฟฟิกเข้ามาได้ จากการศึกษาของเราเองเกี่ยวกับทราฟฟิกของสามย่านมิตรทาวน์ที่มีเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องว่ามาจากสาเหตุอะไร เราพบว่ามาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่

1) โลเกชั่น ซึ่งเป็น Key Success ที่สำคัญ เนื่องจากศูนย์การค้าใกล้เคียงกับเราจะไม่มีผู้อยู่อาศัย ต่างจากโดยรอบ สามย่าน มิตรทาวน์ ที่เป็นชุมชนและมีผู้อยู่อาศัย ทำให้เราเป็นศูนย์การค้าในซอย หรือศูนย์การค้าข้างบ้าน นอกจากนี้ การขยายเส้นทางรถ MRT ก็ทำให้เพิ่มทราฟฟิกเข้ามาทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว และสถานีสามย่านติด Top 10 สถานีที่มีทราฟฟิกสูง โดยมีทราฟฟิกก่อนโควิดประมาณ 5 หมื่นคน/วัน หรือประมาณ 1.5 ล้านคน/เดือน และการเชื่อมอุโมงค์จากสถานี MRT และฝั่งตรงข้ามก็เท่ากับยิ่งเพิ่มทราฟฟิกของเรา ขณะเดียวกัน เราทำให้สามย่านมิตรทาวน์ให้ตอบโจทย์ทั้งนักเรียนนักศึกษา คนทำงาน และกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ ที่จะมาเข้าเยี่ยมเยียนในวันเสาร์อาทิตย์

2) ส่วนผสมของร้านค้า (Merchandizing Mix) โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีสัดส่วน 40% กระจายทั่วทั้งศูนย์การค้า

3) การเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed Use) โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานประมาณ 95% หรือกว่า 4 หมื่น ตร.ม.และในส่วนโรงแรมอัตราการเข้าพักค่อยๆ กลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีเทรนด์ Staycation ที่โรงแรมออกแคมเปญให้คนมานอนเล่นในกรุงเทพฯ แทนที่จะเป็นต่างประเทศ ขณะที่ในส่วนของคอนโดมิเนียมที่มีกว่า 500 ยูนิตนั้นขายหมดแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้สามย่าน มิตรทาวน์มีทราฟฟิกจากประชากรเหล่านี้ทันทีเป็น Instant Population

4) การทำแคมเปญทางการตลาดและอีเว้นท์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการถอดบทเรียนย้อนหลังว่า เราทำอะไรถูกหรือผิด หรืออะไรที่ทำแล้วดีหรือไม่ดี พร้อมเช็คเทรนด์ในแต่ละวัน และการทำแคมเปญจะต้องเกี่ยวข้องกับเทรนด์ตลอดเวลา เพราะคนเปลี่ยนตลอดเวลา และจับเทรนด์ Placemaking Space สามย่านมิตรทาวน์ เป็นพื้นที่ที่ทุกคนในชุมชนมาเยี่ยมเยียนและใช้ชีวิตประจำวันได้เสมอ ทั้ง ‘กิน – ดื่ม – เที่ยว’ เพราะเรามีพื้นที่ที่หลากหลายและยืดหยุ่น รองรับลูกค้าทุกกลุ่มทุกความต้องการ เรามีพื้นที่รีเทล 3.6 หมื่นตร.ม.รวมพื้นที่ฮอลล์ด้วย ดังนั้น ในการทำงานเราจะต้องดูสัดส่วนความหนาแน่นของห้างสรรพสินค้าด้วย และจากอีเว้นท์ที่จะจัดในไตรมาสสุดท้ายนี้เพื่อเฉลิมฉลองสามย่ายมิตรทาวน์ครบรอบ 3 ปี เราก็เชื่อว่าจะทำให้ทราฟฟิกเพิ่มจาก 5.5 หมื่นคน/วันในช่วงก่อนโควิดเป็น 8.1 หมื่นคน/วัน

 

 

สามย่าน มิตรทาวน์ มองทิศทางการก้าวเดินของตนเองนับจากนี้อย่างไร

ต้องบอกว่า นิยามของเจ้าของพื้นที่ (ผู้ให้เช่า) กับผู้เช่าเปลี่ยนไป จากเดิมที่ร่วมมือกันทำการตลาดบ้าง แต่ในยุคโควิด ความร่วมมือ (Collaboration) ที่เกิดขึ้นต้องเป็น ‘ความร่วมมือเพื่อความอยู่รอด’ ไปด้วยกันเสมือนเราเป็นพาร์ทเนอร์ซึ่งกันและกัน ด้วยว่า เราต่างก็ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมาระหว่างช่วงวิกฤติโควิด ดังนั้น ณ ปัจจุบัน เมื่อมองไปข้างหน้านับจากนี้ เราต้องการให้ที่นี่มีลูกค้าประจำและลูกค้าจรแวะเวียนมาเสมอ และเป็น Destination  ของคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีคิดแบบใหม่ หรือมีไลฟ์สไตล์แบบใหม่ๆ เพื่อที่จะค่อยๆ เพิ่มพื้นที่ที่สร้างแรงดึงดูดให้เพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิม ด้วยการทำอะไรที่เป็นมากกว่าการหาพื้นที่เพื่อโปรโมทเท่านั้น

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงโปรไฟล์ของกลุ่มคนที่เดินใน สามย่าน มิตรทาวน์ จะพบว่า มีโปรไฟล์ที่ค่อนข้างชัดเจน และส่วนใหญ่เป็น Digital Native ซึ่งจะมีพฤติกรรม ‘แชะ - โชว์’ ดังนั้น การทำให้ที่นี่เป็น Destination ของคนรุ่นใหม่ก็จะทำให้เราได้นักข่าวสายโซเชียลโดยอัตโนมัติ และจะทำให้เกิดการสร้าง Awareness อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน สามย่าน มิตรทาวน์ เองก็ต้องออกไปหาพาร์ทเนอร์ที่จะสามารถสร้างสรรค์ Awareness Experience เพราะการทำโฆษณา หรือการทำกาตลาดแบบยุคเดิมนั้น ‘ไม่ใช่’ แล้ว แต่ที่นี่เป็น Placemaking ดังนั้น พาร์ทเนอร์ก็ต้องสามารถที่จะแสดงศักยภาพของแบรนด์ตนเองได้อย่างเต็มที่ผ่านพื้นที่และสภาพแวดล้อม (Space & Ambient) ในสามย่านมิตรทาวน์

ที่สำคัญ ในช่วงนี้ที่เป็นช่วงต่อสัญญาหลังครบ 3 ปีก็มีผู้ไม่ต่อสัญญาเพียง 5% ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่เราพึงพอใจที่เราสามารถดูแลผู้เช่า และทำให้ผู้เช่าตัดสินใจว่าจะสู้กับเราต่อไป

ในส่วนของลิสซิ่ง ก็ยังคงมีอยู่เรือยๆ และต้องมองไปข้างหน้าว่า เราจะขยายพื้นที่ในศูนย์ออกไปอีก (Re-Expansion) ได้อย่างไร นอกจากนี้ ในส่วนของการเป็น ‘ศูนย์การค้าของชุมชน’ นั้นเราก็หน้าที่เป็นหัวใจให้กับของชุมชนที่อยู่โดยรอบ ด้วยการทำให้พื้นที่สามย่านมีความแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการผลักดันและส่งเสริมให้ย่านนี้เป็น Destination ทำให้มีลูกค้าประจำและลูกค้าจรแวะเวียนมาเสมอ อีกทั้งยังผลักดันให้ธุรกิจรายย่อยและคนในชุมชนได้รับโอกาสด้านธุรกิจเสมอ

นอกจากนี้ ในระดับสังคม สิ่งที่ สามย่าน มิตรทาวน์ริ เริ่มและนำหน้าพื้นที่รีเทลอื่นๆมาโดยตลอด คือ การสนับสนุนให้กรุงเทพฯมีพื้นที่สร้างสรรค์คุณภาพตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยให้บริการพื้นที่กิจกรรม/พื้นที่การเรียนรู้สำหรับนักเรียนและชุมชน​ บริการ Co-Working Space พื้นที่เวทีแห่งดนตรีและศิลปะการแสดง​ ตลอดจน​พื้นที่อเนกประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของชุมชน

[อ่าน 1,375]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คุยกับ 2 ผู้บริหารแห่ง “รวยไม่หยุด กรุ๊ป” กับการรุกขยายพอร์ตฯ พร้อมเปิด 8 แบรนด์ใหม่
สรุปความสำเร็จของ ‘แมคโดนัลด์’ ผ่านมุมมองของ ‘คุณกิตติวรรณ อนุเวชสกุล’
ทำความรู้จัก “ปิ่นเพชร โกลบอล” ผู้อยู่เบื้องหลัง “ฮากุ” แบรนด์ทิชชู่เปียกของคนไทย
ดิษทัต ปันยารชุน วางรากฐาน OR เตรียมส่งไม้ต่อให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
วีรพล สวรรค์พิทักษ์ ยุทธศาสตร์ Eminent Air สู่ทศวรรษที่ 5
บทพิสูจน์ MAZDA เพื่อก้าวสู่ การเติบโตที่ยั่งยืน
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved