‘อีลอน มัสก์' กำลังบดขยี้ภาพลักษณ์ของ Tesla จากข่าวฉาวที่ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน
22 Dec 2022

ข่าวฉาวที่ออกมาไม่เว้นแต่ละวันจากการที่  'อีลอน มัสก์' ตัดสินใจทุ่มเงินมหาศาลในการเข้าซื้อ Twitter นอกจากจะต้องปวดหัวในการรื้อโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้ทำกำไร แต่ในอีกด้านหนึ่งข่าวฉาวก็กำลังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ 'Tesla' ที่เขาปลุกปั้นด้วยตัวเอง

 

เคยเป็น  'ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้'

รายงานจาก Forbes ชี้ว่า Tesla กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่โดดเด่น จากการเป็น  'ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้'

ชื่อเสียงอันดีงามนี้เกิดขึ้นในตอนที่มัสก์ลั่นวาจาว่า เปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์จากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทำให้โลกร้อนเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ผู้คนต่างชื่นชมเป็นจำนวนมาก

แต่ความด่างพร้อยกำลังเกิดขึ้นหลังจากที่มัสก์เข้าซื้อ  Twitter ซึ่งเป็นที่มาของข่าวฉาวไม่ว่าจะเป็นการปลดพนักงานจำนวนมาก ทัศนคติที่ผ่อนปรนมากขึ้นต่อข้อมูลที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือข้อมูลเท็จ และยินดีต้อนรับบุคคลที่มีความขัดแย้งให้กลับเข้าสู่แพลตฟอร์มซึ่งถูกแบนเนื่องจากการโพสต์ของพวกหัวรุนแรง เหยียดผิว หรือเป็นอันตราย

สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือมัสก์นั้นถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับ Tesla ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรผู้คนก็มักจะนึกถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อก้องโลก แน่นอนความฉาวนี่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อ Tesla

 

 

ชาวอเมริกันชื่นชอบ Tesla น้อยลง รวมถึงมัสก์ด้วย

จากการวิจัยของ Morning Consult พบว่า ตั้งแต่มัสก์ซื้อ Twitter เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ความชื่นชอบโดยรวมของ Tesla ลดลง 6.2 คะแนนในหมู่ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

“พฤติกรรมของมัสก์กำลังทำลายโอกาสในอนาคตของ Tesla ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์” รายงานระบุ

มัสก์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นซีอีโอที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเป็นอันดับสองของสหรัฐฯ รองจาก มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แห่ง Facebook เท่านั้น

แต่ในรายงานล่าสุด  ‘สิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังจากซีอีโอ' พบว่า ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาประมาณ 44% มองว่ามัสก์อยู่ในเกณฑ์ดี ในขณะที่ 50% มองว่ามัสก์ไม่ดีหรือไม่มีความคิดเห็น

อย่างไรก็ตาม ความชื่นชอบส่วนตัวของเขากำลังลดลง โดยลดลงจาก +22 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เป็น +16 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 เป็น +9 เปอร์เซ็นต์ในเดือนพฤศจิกายน 2022

นอกจากนี้รายงานแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำปีของ Interbrand จัดอันดับให้ Tesla อยู่ในอันดับที่ 12 ของแบรนด์ระดับโลกทั้งหมด รองจากToyota และ Mercedes-Benz ในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ โดยอิงตามข้อมูลที่รวบรวมจนถึงเดือนพฤษภาคม 2022

โดยการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับแบรนด์ Tesla จะไม่ชัดเจนจนกว่าจะถึงการสำรวจครั้งต่อไป ซึ่งผู้คนต่างเชื่อว่า มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ๆ

 

 

Tesla กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

แม้ผลกระทบทั้งหมดของการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในมุมมองของผู้บริโภคเกี่ยวกับมัสก์และแบรนด์ Tesla จะใช้เวลาหลายเดือนในการค้นหาผลกระทบที่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ Tesla กำลังเริ่มสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่งรายใหม่และผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก่า เช่น Ford, General Motors, Hyundai และ Kia

ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2022 ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐของ Tesla อยู่ที่ 65% แม้จะเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจตามข้อมูลที่รวบรวมโดย S&P Global Mobility แต่นั่นก็ลดลงจากส่วนแบ่ง 79% ในปี 2020

ด้วยการแข่งขันของ EV ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการที่ Tesla มีจำนวนที่ผลิตได้น้อยและการปฏิเสธที่จะขายรุ่นที่มีราคาต่ำกว่า จึงมีแนวโน้มที่จะทำให้ส่วแบ่งลดลงต่ำกว่า 20% ภายในปี 2025

“เนื่องจากทางเลือกของผู้บริโภคและความสนใจของผู้บริโภคในรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้น ความสามารถของ Tesla ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดที่โดดเด่นจะถูกท้าทายในอนาคต” S&P กล่าวในรายงาน

แม้ว่ายอดขายของ Tesla ในสหรัฐฯจะไม่ลดลง แต่การที่บริษัทไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้สร้างโอกาสในการเติบโตสำหรับคู่แข่งที่ทำเช่นนั้น เช่น Hyundai, Kia, Volkswagen, Ford และ General Motors นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อรถยนต์หรูหราอย่าง Porsche, Mercedes-Benz, Lucid, Rivian, Audi และ BMW ขยายการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง

 

 

รถที่พัฒนาช้ากว่าคู่แข่ง

แม้ Tesla คาดว่าจะส่งมอบรถได้ 1 ล้านคันในปี 2022 แต่ความท้าทายครั้งใหญ่ที่ต้องจับตาและปฏิเสธไม่ได้คือ นวัตกรรมรถยนต์ของ Tesla เป็นรองแบรนด์อื่นๆ ในตลาดที่เพิ่งเปิดตัวใหม่อย่างมาก

ผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ 4 รุ่นในปัจจุบันของ Tesla ยังห่างไกลจากผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ที่สุดในตลาด

รถที่ขายดีที่สุดและรุ่นใหม่ล่าสุดคือรถครอสโอเวอร์ Model Y ออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 ในขณะที่รถซีดานรุ่น 3 ออกจำหน่ายในช่วงปลายปี 2017 ทั้งสองรุ่นดูค่อนข้างเหมือนกันตั้งแต่เปิดตัว Model S รุ่นเรือธงของ Tesla เปิดตัวในปี 2012 และแม้ว่าจะมีการพัฒนาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังดูเหมือนว่าจะไม่ได้พัฒนามากนัก เช่นเดียวกับ Model X SUV ที่มีราคาแพงซึ่งเริ่มต้นที่ 121,000 ดอลลาร์ซึ่งเปิดตัวในปี 2016

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากพฤติกรรมและภาพลักษณ์ของมัสก์ที่ต้องปรับปรุงแล้ว Tesla ยังมีงานที่ต้องทำในแง่ของการปรับปรุงชื่อเสียงในด้านคุณภาพ เนื่องจากรั้งท้ายตารางจากการสำรวจคุณภาพเบื้องต้นล่าสุดของ J.D. Power โดยมีปัญหา 226 รายการต่อรถ 100 คัน ซึ่งแย่กว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 26%

[อ่าน 2,415]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved