วันนี้เรามีนัดพูดคุยกับผู้หญิงเก่ง “วีรินทร์ อรวัฒนพันธุ์” ผู้กุมบังเหียนงานด้านสื่อสารทั้งหมด ของบริษัทน้องใหม่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อ “เคหะสุขประชา”

วันที่มารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ของบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เป้าหมายแรกที่วางไว้ คือทำให้ชื่อของบริษัทเป็นที่รู้จัก และเธอก็ทำได้สำเร็จ ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงปี และนอกจากตำแหน่งหลัก เธอยังเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญกับตำแหน่ง เลขานุการ คณะกรรมการดูแลกิจการที่ดีและส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม ของบริษัทฯ อีกด้วย

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ วีรินทร์ ยอมรับว่า ไม่ง่ายเลย แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอด 30 ปี ทำให้ผลงานที่เธอสร้างขึ้น ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเธอทำได้ และทำได้ดีด้วย

หากย้อนระยะเวลาที่ผ่านมา ความรู้ความสามารถที่ได้มา ก็มาจากการได้มีโอกาสร่วมงานกับตัวจริงในแวดวงสื่อที่ถือว่าเป็นระดับบรมครูของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางด้านวิทยุและโทรทัศน์ กับ วิโรจน์ ควันธรรม, วาสนา วีระชาติพลี, สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา, ยุทธนา บุญอ้อม, สถาพร พานิชรักษาพงศ์ รวมถึงในวงการเพลง กับ นิติพงษ์  ห่อนาค และผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ อย่างเขมทัตต์  พลเดช และอีกมากมาย รวมถึงการได้ไปทำงานในระดับสากล

อาทิ สถานีโทรทัศน์ Thai Oversea Television ลอสแองเจอลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งหมดล้วนเป็นใบเบิกทางที่ทำให้เธอมีประสบการณ์ในแวดวงสื่ออย่างเต็มตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์  Thai CCTV ของจีน เธอคือผู้ปลุกปั้นโปรเจกต์ “ได้โปรดเข้าใจคนจีน” สื่อการ์ตูนที่รณรงค์ให้คนไทยเข้าใจความเป็นมา และวัฒนธรรมของคนจีน จนกลายเป็นกระแสที่สร้างปรากฎการณ์ในโลกออนไลน์ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน ได้อย่างท่วมท้น

การผ่านงานในวงการสื่อมาอย่างโชกโชน ทำให้วีรินทร์ มีความรู้ความเข้าใจงานด้านสื่อและงานประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ว่าทำอย่างไร สิ่งที่สื่อสารออกไปจึงจะเป็นที่รับรู้ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และยังมีความเข้าใจในธรรมชาติของสื่อว่า เขาต้องการอะไร เขาต้องการข่าว คนรับก็ต้องการรู้เรื่องจริง สองอย่างนี้มันต้องไปด้วยกัน และประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่าครึ่งชีวิต ทำให้เธอสามารถ balance ทั้งสองสิ่งนี้ได้อย่างดี

---

“ด้วยความที่เราอยู่ในวงการสื่อ มีพี่น้องในสายนี้เยอะมาก ความสัมพันธ์ของเราก็มีความแน่นแฟ้น แต่ถึงอย่างนั้นข่าวของเราต้องไม่เป็น fake news มันต้องเชื่อถือได้ ”

---

 

“โจทย์แรกที่เราต้องตอบทุกคนได้คือ เราเป็นใคร แตกต่างอย่างไรกับการเคหะแห่งชาติ  ที่เคหะสุขประชา ทำยังไงให้คนเข้าใจว่า เราเป็นใคร ทำอะไร ช่วงแรกเราเดินสายเลย เข้าไปที่กคช.ไปพูดคุย ไปแนะนำตัว  ถือว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ เราเป็นน้องเล็ก ทำการบ้านหนักมาก แต่มาถึงวันนี้ คำว่าบ้านเช่าพร้อมอาชีพ คนส่วนใหญ่จะรู้จักแล้ว ได้ยินชื่อเคหะสุขประชา รู้จักผู้บริหารของเรา เห็นโลโก้แล้วจำเราได้ เข้าใจคอนเสปท์ของเราว่าคืออะไร”

“นอกจากคนภายนอก การสื่อสารภายในก็สำคัญ เราทำ Internal News ทำ Digital PR ให้พนักงานได้เห็นความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ตลอดเวลา เพราะเราเชื่อว่า ก่อนที่จะสื่อสารไปให้คนข้างนอก คนรับสารข้างในต้องมีความรู้และเข้าใจในตัวบริษัทฯ  ทุกคนมาที่นี่บางคนยังไม่รู้จักเราดีด้วยซ้ำ history ของบริษัทฯ ยังไม่เกิด ทุกอย่างแทบจะเป็นศูนย์ เราต้องให้ทุกคนมาเรียนรู้ไปด้วยกัน และเติบโตไปพร้อมๆ  กัน”

“ความเหลื่อมล้ำในสังคมยังมีอยู่ ปัจจัยที่สำคัญที่สุด อย่างเรื่องของการมีบ้าน ยังไม่สามารถครอบคลุมถึงคนทั้งประเทศ  เคหะสุขประชาของเรา จัดตั้งขึ้น เพื่ออยากให้คนทุกคนได้มีบ้าน มีความมั่นคงในชีวิต และที่สำคัญพวกเขาต้องมีอาชีพไปพร้อม ๆ กัน นี่คือสารแรกที่ทางเคหะสุขประชาได้บอกออกไป และทันทีที่สารตั้งต้นถูกกระจายไปทั้งประเทศ ทุกความสนใจก็พุ่งมาที่บริษัทในแบบที่เกือบจะตั้งรับแทบไม่ทัน”

 

---

“เวลาเราลงข่าวอะไรออกไป feedback ที่กลับมา ทำให้รู้ว่า สิ่งที่เราสื่อออกไปมันสำเร็จ มีคนได้รับและเข้าใจสิ่งที่เราบอก”

---

 

เคหะสุขประชาใช้หลักการอะไรในการสื่อสารที่สำคัญ นี่คงเป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้

“ความจริงค่ะ”  วีรินทร์ตอบแทบไม่ต้องใช้เวลาคิด แต่เธอก็ยอมรับว่าปัญหาที่หนักหนาที่สุด และเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ไปเรื่อยๆ คือความไม่แน่นอน และผันผวนต่างๆ จากปัจจัยภายนอกที่บางครั้งก็ไม่สามารถควบคุมได้

“ด้วยความที่ยังมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ การวางแผนงานหรือกลยุทธ์ต่างๆ ต้องอัพเดทตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบัน แต่สุดท้ายสิ่งที่สื่อออกไปคือข้อเท็จจริง เราบอกในสิ่งที่เป็นความจริงให้กับประชาชนได้รู้และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับสารให้มากที่สุด”

เป้าหมายจากนี้ ในฐานะของผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ตั้งใจไว้ว่า จะทำให้คนที่อยากมีบ้าน มีโอกาสได้บ้าน มีอาชีพ เพื่อเลี้ยงดูตัวเองได้ มีความสุข เพียงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเคหะสุขประชาเท่านั้น

---

“เราเปลี่ยนภาพให้มีความทันสมัย มีการทำงานที่คล่องตัวขึ้น และการทำชุมชนให้น่าอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ เชื่อว่าเกิดขึ้นได้จริงๆ”

---

 

ความท้าทายที่เจ้าตัวก็ยอมรับว่า งานนี้หินสุดและหนักสุดในชีวิต แต่เป็นงานที่ภูมิใจมากที่สุดในชีวิต

“เรื่องของคนเป็นส่วนที่ยากที่สุด การสื่อสารกับมนุษย์ ต้องมี logic มีวิธี ทำยังให้เขาเข้าใจ ทำยังไงให้ message ที่สื่อไปไปถึงเขา เข้าใจและยอมรับเรา”  

ภาพของงานสื่อสารองค์กรที่สะท้อนออกมาจึงไม่ได้มีแค่มิติเดียว หากแต่ยังมีอีกหลายแง่มุมที่คน ภายนอกอาจคาดไม่ถึง แต่เธอเข้าใจและซึมซับธรรมชาติของสิ่งนี้ จนได้ตกผลึกทางความคิด และยึดถือเป็นแนวทางการทำางานมาตลอด
 

---

“งานสื่อสารองค์กร ต้องคำนึงทั้งผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ อย่างสุดท้ายนี่แหละที่สำคัญที่สุด เพราะจะบอกเราว่า "การไม่ทำอะไรในจังหวะที่ถูกต้อง คือการทำที่ดีที่สุด"

---

 

ปัจจุบัน “เคหะสุขประชา” อยู่ในขั้นตอนที่กำลังเดินหน้าโครงการต่างๆ  ซึ่งเราจะเห็นได้จากข่าวสารต่างๆ ที่เผยแพร่มาโดยตลอด นอกจากนี้ประสบการณ์ทำงานก็ยังช่วยหล่อหลอมให้เข้าใจบริบทอื่นๆ ได้มากขึ้น เมื่อครั้งเป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ ช่อง GMM 25  ก็ได้เรียนรู้ธรรมชาติของมนุษย์ประกอบกับการได้เข้าอบรมในหลักสูตรธรรมาภิบาลกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศสำหรับผู้บริหาร สถาบันพระปกเกล้า ก็ยิ่งทำให้เธอเข้าใจและตระหนักถึงความหลากหลายของผู้คนมากขึ้น

“กลุ่มที่มาอยู่แน่นอนว่าเป็นครัวเรือนเปราะบาง คนชรา คนพิการ คนที่อยากมีบ้าน ในอนาคตเราก็จะมีการสนับสนุนคนเหล่านั้นและ support ให้การมาอยู่ที่นี่ อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข สนับสนุนให้พวกเขามีอาชีพที่มั่นคง ได้รับการยอมรับ”

 

---

“นอกจากนี้ในโครงการของเรา ต้องปลอดยาเสพติดและอบายมุขทั้งหมด  จะต้องไม่มีเรื่องพวกนี้มาเกี่ยวข้อง หน้าที่ของเราต้องประชาสัมพันธ์ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

---

 

ในส่วนของชีวิตส่วนตัว ถึงงานจะหนักหนา แต่เธอก็ยังมีแนวคิดของการสร้างสมดุลย์ชีวิต ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอมาบ้าง เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นศิลปินหน้าใหม่มาก่อนในนามของวงดนตรีผู้หญิงที่ชื่อ “ซับใน”

“การทำงานเป็นทีมก็เหมือนการเล่นดนตรี จะเล่นกลองอย่างเดียว หรือเล่นกีตาร์อย่างเดียว ไม่เพราะหรอก ทุกคนต้องรู้หน้าที่ตัวเอง ที่นี่เราทำงานเป็นทีม มีการ support กัน ฝ่ายก่อสร้าง บัญชี บริหารชุมชน ทุกฝ่ายต้องเอื้อกัน เราจะเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ทุกวันนี้หากมีเวลาก็ยังคงเล่นอยู่ เป็นการพักผ่อนสมองวิธีหนึ่งที่ใช้อยู่ประจำค่ะ”

ปัจจุบัน วีรินทร์ยังคงสวมหมวกของการทำงานอีกหลายใบ ไม่ว่าจะเป็น อนุกรรมการและเลขานุการ คณะอนุกรรมการด้านส่งเสริมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นที่ปรึกษาของ สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และ สมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) และเป็น อาจารย์พิเศษ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

นอกจากนี้เธอยังกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก โครงการปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งทุกอย่างที่ทำนั้น วีรินทร์ย้ำว่า สามารถเอามาปรับใช้กับการทำงานในปัจจุบันได้หมดทั้งสิ้น และเธอยอมรับว่า อาจจะหนักหนาสาหัสไปสักหน่อย แต่มันก็มีความสุข ที่ได้ทำประโยชน์ให้กับตัวเอง และสังคม

มองอย่างไรถึงอนาคตของเคหะสุขประชา วีรินทร์นิ่งใช้ความคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามสุดท้าย

“เราบอกเสมอว่า การได้ทำงานที่นี่มันคือโอกาส โอกาสที่ได้ทำเพื่อคนอื่น นอกจากค่าตอบแทนต่างๆ ที่เราได้รับ เราได้คืนกลับออกไปด้วย”

---

“ภายใน 4 ปีข้างหน้า ตามแผน เราจะสร้างบ้านเช่าพร้อมอาชีพให้ได้ครบ 1 แสนหน่วย เป็นบ้านเช่าพร้อมอาชีพเพื่อคนที่ต้องการโอกาสอย่างแท้จริง  นี่คือเป้าหมายของพวกเราทุกคนที่เคหะสุขประชา”

---

 

เร็วๆ นี้ ยังมีบทพิสูจน์ฝีมืออีกมากมายที่รออยู่

เราจะได้เห็นการเติบโตของ “เคหะสุขประชา”ผ่านการสื่อสารอันแยบยลได้อีกในแง่มุมไหน

ต้องติดตามกันต่อไป