กรุงศรี จัดงานสัมมนาเพื่อลูกค้าธุรกิจ อัพเดทโอกาสธุรกิจปี 2023 เผย 8 เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลก แนะเสริมการลงทุนใน EEC
03 May 2023

กรุงศรี จัดงานสัมมนา Krungsri Business Exclusive Talk : 2023 Thailand Vision สำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจากวิจัยกรุงศรีที่มาอัพเดทสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค แนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยในปี 2566 ร่วมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางและแผนการลงทุนใน EEC รวมทั้งแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของธุรกิจในปีนี้

 

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน

 

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและชี้ให้เห็นถึงทิศทางการดำเนินงานของกรุงศรีในการขับเคลื่อนการเติบโตของพันธมิตรธุรกิจในปีนี้ว่า กรุงศรียังคงมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมปี 2564 – 2566 ปีนี้จึงเป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจฉบับนี้ โดยปีนี้กรุงศรีเน้นให้ความสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ผ่านกลยุทธ์สามด้าน ได้แก่

การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG (ESG-Linked Business) และการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation) และด้วยเป้าหมายในการเป็น Trusted Partner หรือ ธนาคารพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ กรุงศรีได้ประสานความร่วมมือกับเครือข่าย MUFG และทำงานร่วมกับธนาคารพันธมิตรในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงิน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า เพื่อช่วยส่งเสริมและขับเคลื่อนให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนไปพร้อมกัน

 

ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ ผู้บริหารฝ่ายวิจัยธุรกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน

 

ด้าน ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ ผู้บริหารฝ่ายวิจัยธุรกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด)มหาชน ได้ให้มุมมองเรื่อง Global Megatrends สำหรับปี 2566 ว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ประกอบไปด้วย

1. Deglobalization – หลายประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะ Regionalization นั่นคือการเชื่อมโยงกันเองในภูมิภาค สินค้าอุตสาหกรรมหลายประเภทหันมาพึ่งพาวัตถุดิบภายในภูมิภาคมากขึ้น

2. Shifting Economic Power and Polarization เริ่มมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจโดยประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่อย่างจีนและอินเดียเริ่มมีความสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ขณะเดียวกันโลกต้องเผชิญกับความตึงเครียดในเชิงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นและเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าติดตาม ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงฐานการผลิต

3. Demographic Change การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร โดยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทั่วโลก

4. Urbanization การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เขตเมือง รวมถึงไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตเป็นแบบสังคมเมืองมากขึ้น

5. Individualism คนจะมองหาความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ต้องการสินค้าที่ทำมาเพื่อตัวเองโดยเฉพาะมากขึ้น

6. Health and Wellness คนให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น

7. Environment เรื่องของสิ่งแวดล้อมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันและในระดับประเทศ

8. Technology เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ จะเข้ามา Disrupt ธุรกิจและชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งหมดนี้ นับเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องตระหนักและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกระแสหรือโอกาสที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย

 

“จากกระแสของ Global Megatrends ดังกล่าวเป็นแรงผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-Curve) ที่มีอัตราการเติบโตสูง และมีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจไทยในอนาคต อันได้แก่

1. Intelligent Electronics อุตสาหกรรมที่มีการใช้ชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI Chip) ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในยานยนต์ อุปกรณ์โทรคมนาคม หรือที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้

2. Next – Generation Automotive อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ยานยนต์แบบไร้คนขับ รวมไปถึงระบบนิเวศการคมนาคมขนส่ง

3. Biofuels and Biochemicals อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ

4. Food for the Future อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร การเพิ่มมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับด้านความปลอดภัยอาหาร การวิจัยและผลิตโภชนาเพื่อสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่ใช้โปรตีนทางเลือก

5. Medical and Comprehensive Healthcare อุตสาหกรรมการแพทย์แบบครบวงจร รวมไปถึงการรักษาโรคทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต/สมาร์ทโฟน” ดร.พิมพ์นารา กล่าวเสริม

 


ดร.ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

 

ด้าน ดร.ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานคณะกรรมการ
นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เปิดเผยถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในโครงการศูนย์ธุรกิจ EEC และเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะว่า การลงทุนในโครงการ EEC ระยะแรก รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 1.7 ล้านล้านบาท เน้นการพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น โ

ดยได้ผลักดันให้เกิดการร่วมทุนสำเร็จครบทั้ง 4 โครงการแล้ว ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 โดยปัจจุบันทั้ง 4 โครงการกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568-2569 และจากนี้จะเริ่มดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนแผนลงทุนระยะที่ 2 ภายใต้ EEC Vision 2570 โดยกำหนดเป้าหมายการลงทุนเป็นจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท เน้นที่การดึงดูด

 

12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ใน 5 แกนธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูง

ได้แก่ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องยานยนต์สมัยใหม่หรือ EV และเทคโนโลยี Smart Mobility อุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งล้วนเป็นกลไกหลักที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพ ทั้งนี้ EEC ได้ประกาศเขตส่งเสริมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าวครอบคลุม

7 เขตพัฒนาพิเศษ

ได้แก่ เขตส่งเสริมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (EECh) เขตส่งเสริมการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน (EECg) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เขตส่งเสริมศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา (EECmd) เขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) และเขตส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง (EECtp) โดยนักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทาง ภาษีและสิทธิประโยชน์ด้านอื่นๆ รวมถึง การอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอีกด้วย

 

งานสัมมนาครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านธุรกิจของลูกค้าธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่ออัพเดทสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงแบ่งปันข้อมูลความรู้ให้ลูกค้าธุรกิจได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากวิทยากรชั้นแนวหน้า พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้กับลูกค้า

 


จากซ้ายไปขวา

  • ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ ผู้บริหารฝ่ายวิจัยธุรกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัดมหาชน 
  • นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ 
  • นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน
  • ดร.ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
[อ่าน 1,183]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“BVAX Master” โดย “หอแว่น Better Vision” ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาของคนทุก Generation
แอสเซนด์ มันนี่ ปักธง Virtual Bank อย่างเป็นทางการ! พร้อมเปิดมิติใหม่การเงินเพื่อคนไทยทุกคน
ไมเนอร์ โฮเทลส์ คว้า 26 รางวัลทรงเกียรติ จาก T+L Luxury Awards Asia Pacific ประจำปี 2025
ทรู หนุนสร้างที่ทำงานปลอดภัย เปิดกว้างทุกความหลากหลาย ผ่านคลับ “Bring Your Best” ในงาน “True Colors”
กรุงเทพประกันภัยเร่งจ่ายเคลมสินไหมจากเหตุแผ่นดินไหว สร้างความเชื่อมั่นด้วยการดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่
เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 เชิดชูโรงเรียนทั่วประเทศ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved