Maybank ชี้ Fixed Income มาแรง หุ้น Quality Growth ยังครองแชมป์ตลาดทุน
03 May 2023

เมย์แบงก์ ส่งสัญญาณทิศทางการลงทุนทรงตัว อัตราดอกเบี้ยที่ใกล้พีค จีนเปิดประเทศ และเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยว แนะนำนักลงทุนเน้นธีมคุณภาพและแบ่งสัดส่วนลงทุนครึ่งหนึ่งไปที่ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล 


สถานการณ์การลงทุนปี 66 ทรงตัว

คาร์เรน ชาง Head of Asia ex Japan Client Solutions แห่ง BNY Mellon กล่าวว่า จากประสบการณ์ดูแลนักลงทุนทั่วโลกในมูลค่าสินทรัพย์กว่า 2.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐในมือ มองว่าสถานการณ์การลงทุนในปีนี้ยังทรงตัว โดยคาดการณ์ว่าแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของ FED น่าจะใกล้หยุดแล้ว และยังพบว่าที่ผ่านมานักลงทุนหันมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้นและได้กำไรจากการลงทุน ส่วนภาพรวมของการลงทุนในหุ้นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยปรับฐานอยู่ในทิศทางเดียวกันในหลายประเทศในโลก ในขณะที่การลงทุนในค่าเงินนั้น พบว่าส่วนต่างของสกุลเงินต่างๆ มีความใกล้เคียงกัน แต่พบว่าสกุลเงินยุโรปถูกกว่า จึงทำให้เห็นโอกาสลงทุนมากกว่า

สำหรับความเสี่ยงหรือปัจจัยที่อาจกระทบกับการลงทุนนั้น ผู้เชี่ยวชาญจาก BNY Mellon เปิดเผยว่า ปัจจัยภายนอกในต่างประเทศ อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจมีผลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและรับมือได้อยู่แล้ว แต่อยากให้นักลงทุนจับตาการประกาศอัตราเงินเฟ้อของ FED ตลอดจนคว้าโอกาสจากตลาดจีน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อจีนเปิดประเทศ จะมีอิทธิพลและเอื้อประโยชน์ต่อเอเชียทั้งหมด ซึ่งพิจารณาได้จากการปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่ออกเดินทางนอกประเทศมากขึ้น ตลอดจนพฤติกรรมคนจีนมีเงินออมสูง จึงมีกำลังซื้อสูงด้วยเช่นกัน บวกกับการสานต่ออำนาจบริหารประเทศของสีจิ้นผิง ทำให้นโยบายต่างๆ ของจีนจะมีความต่อเนื่อง เกิดเสถียรภาพในการลงทุน

ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนจะมีโอกาสทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยหรือการลงทุนแบบไม่เสี่ยงมากนัก อย่าง Fixed Income ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ยกตัวอย่าง พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยแนะนำนักลงทุนควรถือครองในระยะยาวเพื่อกระจายความเสี่ยง ตลอดจนหุ้นมี Quality Growth หรือเป็นบริษัทใหญ่ที่มีคุณภาพ สถานะการเงินที่แข็งแรง และยังมีความสามารถในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพวกกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (Tech) แต่ไม่แนะนำหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร เพราะมีความเสี่ยงสูงเกินไป
 


โดยแนะนำสัดส่วนในการลงทุนที่เหมาะสมนั้นควรอยู่ที่ Fixed Income 50-60 % และหุ้น 40-50% ซึ่งควรบริหารพอร์ตด้วยการใช้โอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด พร้อมเฝ้าระวังและคอยอัพเดทสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Event Risk) เพื่อปรับเปลี่ยนพอร์ตของนักลงทุนให้เหมาะสม

ด้านการลงทุนต่างประเทศนั้น กูรูจากบีเอ็นวาย เมลลอน มองว่าตลาดสหรัฐและญี่ปุ่น มีความน่าสนใจ แต่ไม่แนะนำให้พิจารณาที่ประเทศเท่านั้น เพราะนักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนจาก Core Business เป็นหลักมากกว่า ส่วนตลาดยุโรปยังมีความผันผวน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารยุโรปที่ไม่แข็งแรงเท่าใดนัก ตลอดจนนโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆ ไม่เอื้อให้นักลงทุนมั่นใจ  

กรณีการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ยังมีความผันผวนและกฎหมายไม่แน่นอน ไม่มีงบกระแสเงินสดให้วิเคราะห์อย่างชัดเจน แต่ก็ยังสามารถลงทุนได้ในสัดส่วนที่ไม่มากนัก ส่วนการลงทุนในทองคำอาจจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้ ในขณะเดียวกันการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจในเงื่อนไขและตัวแปรต่างๆ พร้อมพิจารณาจากระยะเวลาในการถือครอง และเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง ตลอดจนรับมือกับมุมมองทางการเงินอย่างรอบด้านด้วย

พฤติกรรมของนักลงทุนปัจจุบัน

อภิญญา องค์คุณารักษ์ CFA CAIA  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของนักลงทุนในปัจจุบัน  นักลงทุนมักเลือกลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการวางแผนการลงทุนเข้ามาช่วยจัดพอร์ตลงทุนในระยะยาว รวมทั้งมองหาเครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และตอบสนองความต้องการลงทุนในตลาดทุนต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนผ่านทีมที่ปรึกษานักลงทุนระดับมืออาชีพที่เข้าใจในตลาดแต่ละประเทศจึงมีความสำคัญอย่างมาก 


อีกทั้งเพื่อให้นักลงทุนสามารถทำกำไรและบรรลุเป้าหมายทางการเงินอย่างที่ต้องการ เมย์แบงก์จึงอาศัยประสบการณ์กว่า 50 ปี ในการดูแลพอร์ตลงทุนรวมสินทรัพย์กว่า 1.7-1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สร้างผลตอบแทนไปแล้วกว่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 9.9 แสนล้านบาทของ BNY Mellon  โดยมุ่งหวังสร้างทางเลือกการลงทุนทั่วโลกผ่านโมเดลพอร์ตการลงทุนที่เหมาะกับคนที่ต้องการลงทุนระยะยาวรวมทั้งหมด 10 พอร์ต แบ่งเป็นพอร์ตลงทุนที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน 5 พอร์ต และพอร์ตลงทุนที่วางแผนตามเป้าหมายของนักลงทุนอีก 5 พอร์ต เริ่มต้นเงินลงทุนที่ 1 ล้านบาทขึ้นไป

อย่างไรก็ตามเมย์แบงก์และบีเอ็นวาย เมลลอน พร้อมใช้เครื่องมือที่หลากหลายเพื่อสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนไทย เลือกลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ทั้งหุ้น และตราสารหนี้ บนพื้นฐานความเสี่ยงที่รับได้และให้เป็นไปตามเป้าหมายทางการเงิน ซึ่งการจับมือกันนอกจากจะเสิร์ฟลูกค้าได้อย่างตรงจุด และช่วยแนะนำแผนการลงทุนที่หลากหลายให้กับลูกค้านักลงทุนแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเมย์แบงก์ในการเป็น Investment Firm ที่สามารถตอบโจทย์ครบจบในที่เดียว ตอกย้ำศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้น และรวมถึงการให้บริการบริหารกองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Fund ภายในสิ้นปี 2566 อีกด้วย

[อ่าน 1,336]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“BVAX Master” โดย “หอแว่น Better Vision” ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาของคนทุก Generation
แอสเซนด์ มันนี่ ปักธง Virtual Bank อย่างเป็นทางการ! พร้อมเปิดมิติใหม่การเงินเพื่อคนไทยทุกคน
ไมเนอร์ โฮเทลส์ คว้า 26 รางวัลทรงเกียรติ จาก T+L Luxury Awards Asia Pacific ประจำปี 2025
ทรู หนุนสร้างที่ทำงานปลอดภัย เปิดกว้างทุกความหลากหลาย ผ่านคลับ “Bring Your Best” ในงาน “True Colors”
กรุงเทพประกันภัยเร่งจ่ายเคลมสินไหมจากเหตุแผ่นดินไหว สร้างความเชื่อมั่นด้วยการดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่
เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 เชิดชูโรงเรียนทั่วประเทศ
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved