'Tencent' ชวนฝ่าล็อกดาวน์ เลาะรั้วชมวัง สำรวจถ้ำ แบบเสมือนจริง ผ่านสมาร์ทโฟน

11 May 2023

Vincent Li รองประธานฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์องค์กรของ Tencent บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีน ฉายภาพถึงแนวคิดเบื้องหลังของการใช้ความคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิดผนวกเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล

 

เพื่อขับเคลื่อนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของจีนให้แพร่หลาย ทลายอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของจีนต้องปิดให้บริการ

 

ซึ่งเป็นการช่วยให้วัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศไม่ถูกล็อกดาวน์ ด้วยการ เข้าชมได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายผ่านสมาร์ทโฟนได้จากทั่วทุกมุมโลก ทำให้นอกจากจะทำให้คนรักประวัติศาสตร์ปลื้มปริ่มแลว ยังเป็นกุศโลบายชั้นดีที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่หันมาตกหลุมรักมรดกจากบรรพชนด้วย

 

 

เขาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่ Tencent ทำงานในฐานะผู้ช่วยดิจิทัลที่สนับสนุนและเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม รวมถึงทำให้วัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนเป็นที่นิยมแพร่หลาย

 

"เราเน้นการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่สมจริงซึ่งหลอมรวมโลกจริงและโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน ในรูปแบบ Immersive Virtual Tour ผ่านการสร้างแบบจำลองด้วยการสแกนภาพถ่าย ตลอดจนเกมเอนจิ้น (ซอฟต์แวร์เพื่อใช้สร้างวิดีโอเกม) และเทคโนโลยีการเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ ในขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงคนหนุ่มสาวเข้ากับสมบัติทางวัฒนธรรมอันเป็นมรดกตกทอดอันล้ำค่าจากความรุ่งเรืองในอดีตของจีน"

 

 

ด้วยความร่วมมือกับพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) และถ้ำมั่วเกา (Mogao Caves Vincent) ได้เปิดตัวโครงการส่งเสริมวัฒนธรรมต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือ เช่น Digital Forbidden City, Mogao Caves Cloud Museum, Digital Grotto และ Digital Library Cave of Dunhuang

 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืนและส่งต่อสู่สายตาประชาคมโลกได้โดยไม่ต้องเดินทางมาเยือนถึงที่ พิพิธภัณฑ์พระราชวังหรือที่รู้จักในชื่อพระราชวังต้องห้าม มีสิ่งล้ำค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย เป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในจีน

 

ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของแผ่นดินใหญ่ สำหรับใครก็ตามที่เดินทางไปปักกิ่ง นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญที่ต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชมให้ได้ เฉพาะในปี 2562 เพียงปีเดียว มีนักท่องเที่ยวมากถึง 19 ล้านคน

 

 

จากนั้นพระราชวังต้องห้ามก็ตกอยู่ในความเงียบงัน เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางของโควิด-19 แหล่งมรดกโลกแห่งนี้จึงต้องปิดให้บริการโดยปริยาย

 

ขณะเดียวกันก็เพื่อปกป้องโบราณสถานแห่งนี้จากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทำให้ Tencent และพระราชวังต้องห้าม แปลงคอลเลกชั่นงานศิลปะและโบราณวัตถุที่จัดแสดงต่างๆ ให้เป็นดิจิทัลและมอบประสบการณ์เสมือนจริงให้กับผู้เยี่ยมชมผ่าน VR, AR และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ เช่น 5G

 

ที่เผยให้เห็นลวดลายอันวิจิตรบนผนัง เครื่องเซรามิก เครื่องเรือน และสิ่งทอจากพระราชวังต้องห้าม ด้วยความละเอียดสูง ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันและความน่าตื่นตาตื่นใจกว่าการเที่ยวชมแบบเดิมๆ

โปรเจกต์สำคัญที่น่าสนใจ และเพิ่มมุมมองใหม่ในการเยี่ยมชมโบราณสถานแห่งนี้ คือ Glory of the Forbidden City ซีรีส์ออนไลน์แบบอินเทอร์แอคทีฟที่นำเสนอวิธีการสร้างพระราชวังต้องห้าม โดยใช้ประโยชน์จากการประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วและเวลาแฝงต่ำของ 5G เพื่อสร้างภาพความละเอียดสูงพิเศษ และประสบการณ์การรับชมแบบโต้ตอบ

 

(เวลาแฝง คือ ความล่าช้าระหว่างการส่งและรับข้อมูล เครือข่าย 4G สามารถทำเวลาแฝงได้ต่ำถึงประมาณ 200 มิลลิวินาที แต่จะลดลงเหลือเพียงหนึ่งมิลลิวินาทีเท่านั้นสำหรับ 5G ช่วยเปิดโอกาสในการสื่อสารแบบสองทิศทางมากได้ดีขึ้น)

 

ขณะเดียวกันยังบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนที่ปกครอง อาศัย และทำงานในพระราชวังต้องห้าม ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการสร้างเกมออนไลน์ การ์ตูน และดนตรี เพื่อทำให้พิพิธภัณฑ์ที่มักถูกมองว่าคร่ำครึน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่

 

 

ขณะที่ผลงานจัดแสดงที่สะดุดตาอีกชุดหนึ่งคือชุดภาพดิจิทัล 3 มิติขนาดใหญ่ของโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ซึ่งขยายได้ถึง 22 เท่า กลายเป็นวัตถุที่สูงตระหง่านกว่า 5 เมตร ทำให้ผู้ชมสามารถสังเกตรายละเอียดของการออกแบบได้ชัดเจนกว่าการเยี่ยมชมในสถานที่จริง 

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเสียงเซอร์ราวด์คุณภาพล่าสุดระดับโรงภาพยนตร์ชั้นนำ เพื่อเพิ่มอรรถรสและยกระดับการเยี่ยมชมให้สมจริงขึ้นไปอีกขั้น

 

อีกหนึ่งแนวทางที่น่าเอาแบบอย่างเพราะแสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมแบบดิจิทัลสำหรับคนรุ่นหลัง คือการสร้างแค็ตตาล็อกดิจิทัลและสร้างภัณฑารักษ์ที่มีความชำนาญด้านเทคโนโลยี

 

 

โดย Tencent ใช้ AI และบริการคลาวด์เพื่อรวบรวม จัดเก็บ และแสดงภาพโบราณวัตถุประมาณ 100,000 ภาพ ในรูปแบบดิจิทัล

 

ส่วน Tencent Cloud ก็ให้บริการแพลตฟอร์มแบบเปิดเพื่อช่วยภัณฑารักษ์ของพระราชวังต้องห้ามในการจัดการและอัปเกรดแค็ตตาล็อกดิจิทัล ซึ่งช่วยปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหา การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการสร้างมาตรฐานดิจิทัลสำหรับพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ตลอดจนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง

 

ด้านโครงการ Digital Grotto ที่ ใช้การสแกนภาพถ่ายดิจิทัลความละเอียดสูง การเรนเดอร์เอ็นจิ้นเกม เพื่อสร้างฉากประวัติศาสตร์ของถ้ำที่จัดเก็บโบราณวัตถุล้ำค่าทางวัฒนธรรมมากกว่า 60,000 ชิ้น ด้วยคุณภาพของภาพระดับภาพยนตร์ 4K และโหมดอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยรูปแบบ 3 มิติ ที่มีความละเอียดสูงได้

 

ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปในถ้ำ และจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางผ่านเวลา เพื่อโต้ตอบกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เรื่องราว และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับถ้ำนี้ในช่วงเวลาต่างๆ ขณะเดียวกันยังสามารถตรวจดูต้นฉบับ เอกสาร และภาพวาดผ้าไหมกว่า 21 ชิ้นอย่างใกล้ชิด

 

 

ส่วนอีกหนึ่งโครงการที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ โครงการที่ ‘ตุนหวง’ เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นจุดแวะพักอันห่างไกล แต่มีความสำคัญตลอดเส้นทางสายไหมโบราณ รวมถึงมีถ้ำและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงระดับโลก

 

โดยในช่วงการระบาดของโควิด-19 Tencent และ Dunhuang Academy China ได้เปิดตัวโครงการ The Mogao Caves Cloud Museum ผ่าน WeChat และ QQ แอปโซเชียลมีเดียที่ยอดนิยมของชาวจีนที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.2 พันล้านคน และ 647 ล้านคนต่อวัน ตามลำดับ

 

เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้โดยไม่ต้องย่างกรายออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว 

 

ทั้งนี้ The Mogao Caves Cloud Museum เป็นมากกว่าพิพิธภัณฑ์ดิจิทัล เพราะพยายามที่จะผนวกตัวตนของตุนหวงเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คนผ่านปฏิทินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะส่งภาพจิตรกรรมฝาผนังดิจิทัลและนิทานพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ใช้เป็นประจำทุกวัน

 

 

‘ตุนหวง แอนิเมชัน’ ซึ่งเป็นฟังก์ชันหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ไฮเทคนี้ใช้ตัวละครจากภาพที่พบในถ้ำตุนหวง เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเลือกเรื่องราวและตัวละครที่ชื่นชอบ พากย์เสียงด้วยตนเองหรือร่วมกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ จากนั้นบันทึกและแบ่งปันบทบาทของการเป็นนักเล่าเรื่องผ่านโซเชียลมีเดีย

 

 

“ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนเราไปสู่อนาคตด้วยความเร็วสูง แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชี่ยวชาญด้านการรังสรรค์เกมเพื่อสร้างโลกเสมือนจริงที่เหมือนมีชีวิตและการโต้ตอบที่สมจริง

 

ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเดินทางย้อนเวลาไปสู่เหตุการณ์และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ตั้งแต่การทำสำเนาโบราณวัตถุ และภาพวาด ที่มีความละเอียดสูงไปจนถึงโถงนิทรรศการเสมือนจริงและแอนิเมชั่น จากโครงการต่างๆ ของ Tencent ที่กล่าวมา

 

จะเห็นได้ชัดเจนว่าเทคโนโลยีกำลังสร้างและฟื้นฟูสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โบราณวัตถุ และงานศิลปะให้กลับมารุ่งเรืองดังเดิม รวมถึงดึงดูดให้ชาวจีนรุ่นใหม่หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับรากเหง้าของตัวเอง” Vincent Li กล่าว

 

สำหรับ Vincent Li เขาร่วมงานกับ Tencent ตั้งแต่ปี 2558 รับผิดชอบด้านการตลาดองค์กรและการประชาสัมพันธ์ รวมถึงหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินของบริษัทฯ

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus Magazine Issue 156 May 2023 


 

[อ่าน 1,395]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved