ไซมอน เดล รองประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) และเกาหลีของอะโดบี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับอะโดบีมาโดยตลอด และบริษัทมีแผนที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทด้วยการเปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่นี่ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ และการมีสำนักงานในไทยนับเป็นก้าวที่สำคัญที่ช่วยให้บริษัทสนับสนุนลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับทีมของอะโดบี
ทั้งนี้สำนักงานแห่งใหม่ในไทยตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ภายในอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรอง LEED Platinum โดยเป็นสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันและติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างสะดวก โดยพื้นที่ทำงานร่วมกันมีสิ่งอำนวยความสะดวกล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประชุมของทีม และการประชุมกับลูกค้า ตลอดจนโต๊ะทำงานและห้องประชุมที่สามารถใช้งานได้ทันที เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารอย่างราบรื่น
อีกทั้งสำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทยจะมีบทบาทสำคัญในการทำให้ความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์และลูกค้าของอะโดบีแข็งแกร่งขึ้น รวมถึง เซ็นทรัล รีเทล และสยามพิวรรธน์ รองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
“อะโดบีมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การทำงานที่ดีเยี่ยมให้กับพนักงานของบริษัท โดยสอดรับกับบุคลิกเฉพาะตัวของพนักงานและช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานในการนำเสนอประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้า เราเชื่อว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการเติบโต โดยเราทุ่มเทให้กับการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ไม่หยุดนิ่ง และเปิดกว้างสำหรับทุกคน”
อะโดบี มีการพัฒนาสินค้าและบริการต่อเนื่องล่าสุดเปิดตัว Adobe PDF Accessibility Auto-Tag API ฟีเจอร์ AI รองรับการเข้าถึงเอกสารดิจิทัลแบบอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ปัจจุบันพบว่าความท้าทายในการเข้าถึงเอกสาร PDF โดยกว่า 90% ของเอกสาร PDF ทั่วโลกไม่รองรับการใช้งานสำหรับบุคคลที่มีความทุพพลภาพ
อีกทั้งยังพบปัญหาอื่นๆ เช่น หน้าเปล่า ข้อความไม่ชัด บรรทัดบิดเบี้ยว หรือแม้แต่ตำแหน่งของตัวอักษร สระ วรรณยุกต์ นอกจากนี้ยังมีกรอบการใช้งานที่องค์กรและผู้ใช้ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐบาลและความคาดหวังของผู้ใช้ โดยการอัปเดตครั้งนี้ รองรับการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใช้งานและกฎระเบียบได้ดียิ่งขึ้น
Adobe PDF Accessibility Auto-Tag API: Adobe ได้เปิดตัว API ใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย Adobe Sensei ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์ก AI และแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อลดความซับซ้อนและเร่งกระบวนการแปลงเนื้อหา PDF API มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้เอกสาร PDF สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ประหยัดเวลา ปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎหมาย และเพิ่มประสบการณ์ของพนักงานและลูกค้าอัตโนมัติและประหยัดเวลามากขึ้น
ทั้งนี้ในอดีต การทำให้เอกสาร PDF สามารถเข้าถึงได้นั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำด้วยตนเองและใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม ผู้ทดลองใช้กลุ่มแรก ๆ ของ Adobe PDF Accessibility Auto-Tag API สามารถดำเนินการโดยอัตโนมัติได้เร็วขึ้น 70% ซึ่งช่วยลดเวลาที่จำเป็นในการทำให้แต่ละไฟล์สามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ถึง 100% โดย API มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเอกสารที่ซับซ้อน ลดเวลาที่จำเป็นสำหรับงานต่าง ๆ เช่น การเข้าถึงชุดสไลด์การนำเสนอได้อย่างมาก
อีกทั้งการใช้ประโยชน์จาก AI: API ของ Adobe ได้ใช้ AI เพื่อทำให้การแท็กโครงสร้างเนื้อหา PDF แบบอัตโนมัติ เช่น หัวเรื่อง ย่อหน้า รายการ และตาราง การติดแท็กนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะสามารถจัดลำดับการอ่านบนเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม เช่น โปรแกรมอ่านหน้าจอ ที่รองรับการใช้งานสำหรับบุคคลทุพพลภาพ นอกจากนี้นักพัฒนาสามารถใช้ API จัดการกับเอกสาร PDF ที่มีอยู่จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งช่วยให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงมีคุณสมบัติเพิ่มเติมและความก้าวหน้าของความสามารถในการเข้าถึง โดยมีตัวตรวจสอบการเข้าถึง PDF ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ ประเมินการเข้าถึง PDF ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแท็กอัตโนมัติใน Acrobat Reader ซึ่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่เข้าถึงได้มากขึ้นภายในแอปพลิเคชัน เป็นสองฟีเจอร์ใหม่ที่ Adobe วางแผนที่จะเปิดให้บริการ