ทราบหรือไม่ว่าจากในตอนแรกอุตสาหกรรมของเล่นปฏิเสธบาร์บี้ เพราะนำเสนอในสิ่งที่แปลกแหวกแนวไปจากธรรมเนียมปฏิบัติในยุคนั้น แต่ปัจจุบัน บาร์บี้กลับกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดและมีผู้คนชื่นชอบมากที่สุดทั่วโลก ‘ตุ๊กตาผมบลอนด์ขนาด 11.5 นิ้ว และบุคลิกอันโดดเด่นและน่าหลงใหลของแบรนด์’ สร้างยอดขายทั่วโลกประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 และมีมูลค่าแบรนด์สูงถึง 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เลยทีเดียว
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น บาร์บี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 1959 ที่งาน New York International Toy Fair ในฐานะนางแบบแฟชั่นวัยรุ่น
กาลผ่านวันเปลี่ยน กระทั่ง 64 ปีต่อมา บาร์บี้ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจทางวัฒนธรรม สังคมวิทยา จิตวิทยา และการตลาด ด้วยการสร้างแบรนด์สัญลักษณ์ที่มีความหมายพิเศษสำหรับแฟนๆ ทุกเพศทุกวัย (ตุ๊กตาบาร์บี้ทำตลาดสำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป)
Mattel บริษัทของเล่นเจ้าของบาร์บี้ ประสบความสำเร็จในการขยายวงจรชีวิตของแบรนด์บาร์บี้มานานกว่าครึ่งศตวรรษ
กระนั้นด้วยความงดงามและเพียบพร้อม เปรียบเสมือนดาบสองคมที่ทำให้บาร์บี้ได้รับทั้งคำชมและคำติในเวลาเดียวกัน โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกตำหนิว่าสร้างความคาดหวังที่ไม่สมจริงเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของผู้หญิง ซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวก็ทำให้ Mattel นำเสนอตุ๊กตาบาร์บี้ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น
ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากคือ ในขณะที่ของเล่นส่วนใหญ่ได้รับความนิยมเพียงสองหรือสามปี
แต่ความสำเร็จในระยะยาวของตุ๊กตาบาร์บี้ที่ก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 ได้สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองและความสามารถในการปรับตัวของ Mattel ต่อวาทกรรมทางค่านิยม วัฒนธรรม และการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคม
แล้วเหตุใด ทำไม ‘บาร์บี้’ (Barbie) ถึงเป็นตัวอย่างที่ดีของ Creative Economy?
ตุ๊กตาบาร์บี้มักถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ ดังนี้
บาร์บี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ของ Ruth Handler และนำสู่ตลาดโดย Mattel ในปี 1959 นับเป็นหนึ่งในตุ๊กตาแฟชั่นตัวแรกๆ ที่มุ่งเป้าไปที่เด็กๆ
นับเป็นการปฏิวัติวงการตุ๊กตาในเวลานั้น เนื่องจากเปิดโอกาสให้เด็กผู้หญิงได้เล่นและจินตนาการถึงบทบาทและอาชีพต่างๆ ผ่านชุดและเครื่องประดับที่หลากหลายของบาร์บี้
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา บาร์บี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นตัวแทนของความงาม แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
ตุ๊กตาระดับไอคอนนี้ได้ปรับตัวให้เข้ากับบรรทัดฐานทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่หลากหลาย และส่งเสริมให้ผู้คนยอมรับความแตกต่างและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
บาร์บี้มีวิวัฒนาการและเพิ่มความหลากหลายไปตามกาลเวลา โดยปรับให้เข้ากับรสนิยมและความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป
Mattel เปิดตัวบาร์บี้รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องโดยมีอาชีพ สไตล์ ภูมิหลัง เชื้อชาติ สีผิว สีผม สีตา รูปร่างที่แตกต่างกัน และอื่นๆ อีกมากมายที่สะท้อนถึงชีวิตของผู้คนในโลกแห่งความจริง ทำให้แบรนด์บาร์บี้มีความเกี่ยวข้องและดึงดูดเด็กรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา
ความนิยมของบาร์บี้นำไปสู่โอกาสในการออกใบอนุญาตและการจำหน่ายสินค้ามากมาย ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์ รายการทีวี หนังสือ วิดีโอเกม แฟชั่น และการร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ขยายอิทธิพลของบาร์บี้และสร้างรายได้ให้กับ Mattel เป็นกอบเป็นกำ
บาร์บี้เป็นหนึ่งในของสะสมที่มีคุณค่าและเฟื่องฟู มีผู้ที่ชื่นชอบและบรรดานักสะสมต่างแสวงหารุ่นที่ผลิตและจำหน่ายแบบจำกัด (Limited Edition) รุ่นวินเทจ และรุ่นที่หายาก
เสน่ห์ของตุ๊กตาบาร์บี้ในแง่มุมนี้ ทำให้บาร์บี้ไม่ใช่แค่ตุ๊กตาหรือของเล่น แต่ทว่ามีความยั่งยืนและส่งผลทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ความสำเร็จของบาร์บี้ยังกระตุ้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บ้านในฝันของบาร์บี้ ไลน์เสื้อผ้าในธีมบาร์บี้ และเครื่องประดับอื่นๆ
ผลิตภัณฑ์ที่แยกออกมาเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยรวมโดยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และกระตุ้นให้เกิดความคิดใหม่ๆ ในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์
บทบาทของบาร์บี้ในการส่งเสริมการเล่นที่สร้างสรรค์และกระตุ้นให้เด็กๆ สำรวจเส้นทางอาชีพต่างๆ มีผลกระทบเชิงบวกทางสังคมและการศึกษา ผ่านการเล่น
เด็กๆ จะพัฒนาทักษะที่สำคัญ เข้าสังคม และเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการโดยรวม
ความนิยมที่ยาวนานกว่า 6 ทศวรรษของบาร์บี้ แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวของแบรนด์นี้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ความสามารถในการรักษาความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง และการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภครุ่นใหม่เป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สาย Creative Economy ที่ประสบความสำเร็จ
เหล่านี้คือคำตอบที่มีให้กับคำถามที่ว่าทำไมตุ๊กตาแฟชั่นในตำนานอายุอานามก็ปาเข้าไป 64 ปี เป็นวัยคุณย่า คุณยายแล้ว แต่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวๆ จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของบาร์บี้กับการโลดแล่นบนโลกภาพยนตร์โดยใช้คนแสดง ทำให้เกิดความคลั่งไคล้ในหลายๆ ทาง ด้วยการสนับสนุนงบประมาณการตลาดของฮอลลีวูด
แม้การใช้จ่ายด้านการตลาดทั้งหมดของบาร์บี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สตูดิโอขนาดใหญ่จะจ่ายเงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปสำหรับการเปิดตัวครั้งสำคัญ
(งบการตลาดทั่วโลกสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Little Mermaid มีค่าใช้จ่ายประมาณ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระแสบาร์บี้กลับมาอีกครั้ง ทุกวันนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะหาสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยมจากพลัง ‘คลื่นสีชมพู’ ของบาร์บี้
ตั้งแต่แบรนด์ไฮสตรีทไปจนถึงไฮแฟชั่น น้ำมะนาวไปจนถึงชุดลำลอง พรมขนหนานุ่ม เคสโทรศัพท์ เมนูอาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งที่พักตากอากาศ
ทั้งนี้สิ่งที่บาร์บี้ทำได้ดีมากและน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่งคือในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ที่สอดคล้องกับการพัฒนาทางเทคโนโลยี สังคม และวัฒนธรรม
เนื่องจาก Mattel ตระหนักดีว่าไม่เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงบทบาทของการเล่น จากความบันเทิงไปสู่การศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริบทของวัฒนธรรมด้วย
โดยชี้ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเห็นถึงความฝันหรือเป้าหมายในอนาคตที่เปลี่ยนจากการแสวงหาความสมบูรณ์แบบไปสู่การเติมเต็มศักยภาพของตัวเอง
สำหรับภาพยนตร์บาร์บี้ ถือเป็นพัฒนาการล่าสุดของแบรนด์นี้ที่น่าประทับใจเป็นอย่ามาก เพราะค่านิยมและวัฒนธรรมในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เรื่องราวของบาร์บี้แสดงให้เห็นว่าในโลกที่เปลี่ยนแปลงและพลิกผันอย่างรวดเร็วนี้ แบรนด์ต่างๆ ต้องแสดงสองบทบาทที่ดูเหมือนขัดแย้งกันอย่างไร ในฐานะที่เป็นเครื่องมือทางธุรกิจ
แบรนด์จำเป็นต้องเป็นไอคอนที่สร้างการจดจำได้ทันทีผ่านดีเอ็นเอและตัวตนที่ชัดเจนของแบรนด์ แต่ในฐานะที่เป็นวัตถุทางวัฒนธรรม ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงยุคสมัย พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันที ภายใต้กระแสธารแห่งวัฒนธรรมที่ไม่หยุดนิ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จำเป็นต้องพัฒนาควบคู่กับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ผันผ่านไปตามกาลเวลา แต่ยังต้องคงความโดดเด่นและเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของตัวเองไว้ให้ได้
แบรนด์ที่จะโบยบินได้ไกลคือแบรนด์ที่เปิดโอกาสในการเติบโตอย่างไม่จำกัด ต้องสร้างแพลตฟอร์มแบรนด์ที่ไม่ขึ้นกับผลิตภัณฑ์และหมวดหมู่สินค้า
เพราะไม่เพียงแต่จะปลดล็อกแหล่งรายได้ใหม่ผ่านนวัตกรรมและการออกใบอนุญาตให้คู่ค้าผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถปรับตัวและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
กรณีของบาร์บี้ Mattel ตระหนักดีว่า พลังที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตุ๊กตา แต่อยู่ในแบรนด์ ตุ๊กตาเป็นเพียงเครื่องมือทางการตลาดที่ดีที่สุดของแบรนด์เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือของบาร์บี้กับ Balmain เมื่อปีที่แล้ว มีการเปิดตัวคอลเลกชั่นแฟชั่นสุดพิเศษพร้อมกับ NFT จำนวน 3 ชุดที่มีอวตารของบาร์บี้และเคน
สีและแบบอักษรอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ถูกนำมาใช้ทั้งในเสื้อผ้าและตัวอักษรของ Balmain ทำให้ความร่วมมือนี้โดดเด่นแบบตะโกน!
นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมชุมชนที่มีความจงรักภักดี เพราะกลุ่มแฟนตัวยงจะสนับสนุนแบรนด์ผ่านการวิจารณ์หรือการโต้เถียงแทนแบรนด์ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
แบรนด์ต่างๆ ต้องมีจุดยืนในประเด็นทางสังคม ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองใจ ดังนั้นการมีผู้คนที่สนใจเรื่องราวของแบรนด์จึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพยนตร์บาร์บี้ ดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาจไม่ใช่ มาร์กอต ร็อบบี้ ในบทบาร์บี้ และ ไรอัน กอสลิง ในบทเคน
แต่เป็นทีมงานการตลาดของภาพยนตร์ ที่วางแผนกลยุทธ์ต่างๆ มาเป็นอย่างดี และล่วงหน้าเป็นเวลานาน ซึ่งทำงานล่วงเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งตุ๊กตา ภาพยนตร์ และแบรนด์จะเปรี้ยงปร้างขึ้นมาพร้อมๆ กัน
จำนวนสินค้าที่มีตราสินค้าของภาพยนตร์บาร์บี้มีอยู่มากมายก่ายกอง อาจจะเต็มตู้เสื้อผ้าหรืออาจจะทั้งบ้านเลยก็ว่าได้ (ถ้าซื้อทัน เพราะเกือบทั้งหมดแปะป้าน Sold Out ตั้งแต่เปิดจำหน่ายเพียงไม่กี่วัน)
ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชั่นของ Gap, Barbie x Bloomingdales, กระเป๋าเดินทางล้อลากสีชมพูกับ Beis แบรนด์กระเป๋าเดินทางสุดหรู , คอลเลกชั่นแคปซูล (คอลเล็กชั่นเฉพาะกิจ ที่ดีไซเนอร์ผลิตไอเท็มพื้นฐานเพียงไม่กี่ชิ้น ที่สามารถใส่ได้ตลอดเวลาและอยู่เหนือเทรนด์ เน้นฟังก์ชันและดีไซน์ที่คลาสสิก) กับ Superga แบรนด์รองเท้าผ้าใบ, เซ็ตเครื่องสำอางและสกินแคร์มากมายเกินกว่าที่เราจะนับได้
คอลเลกชั่นพิเศษจาก Crocs, เครื่องประดับจาก Fossil, สารพันแอกเซสซอรีจาก Casetify, คอลเลกชั่นรองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับจาก ALDO, แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ Joybird มีที่นั่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตุ๊กตาบาร์บี้ดรีมเฮาส์เพื่อตกแต่งบ้าน
และมีแม้กระทั่งบาร์บี้ชีสเบอร์เกอร์รุ่นลิมิเต็ดจาก Burger King ที่ราดซอสสีชมพูกวนๆ
นอกจากนี้ ยังมีโรลเลอร์เบลดบาร์บี้สีนีออนสุดแสบตาจาก Impala Skate ซึ่งกลายเป็นไวรัลหลังจากภาพในฉากรั่วไหลออกไป กองทัพโรลเลอร์เบลดที่สวมรองเท้าสเก็ตพอดีตัวได้โปรโมตภาพยนตร์บาร์บี้ที่งาน New York City Pride ในปีนี้ หรือเซอร์ไพรส์เปิดบ้านในฝันของบาร์บี้ในมาลิบูที่จองได้บน Airbnb
ขณะเดียวกันก็มี Xbox ตุ๊กตาบาร์บี้ที่ดูเหมือนบ้านตุ๊กตาเล็กๆ และ Nintendo Switch รุ่นตุ๊กตาบาร์บี้สีชมพู รวมถึง Roku City ออกแบบเกมใหม่ให้ดำเนินเนื้อเรื่องภายในบ้านในฝันของบาร์บี้และปะรำโรงภาพยนตร์ที่โฆษณาภาพยนตร์เรื่องนี้
และยังมี Google ที่เมื่อค้นหาคำหลักใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ในขณะนี้ หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู และประกายสีชมพูวิบวับโปรยปรายลงมาบนหน้าจอ
จากพลังที่ล้นเหลือและไร้ขีดจำกัดของบาร์บี้ จึงไม่แปลกใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ดึงดูดเหล่าเกมเมอร์ และดึงดูดใจผู้ที่ชอบสะสมสิ่งของสำหรับบ้าน รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสเก็ต และรองเท้า เพราะโลกของบาร์บี้เป็นโลกแฟนตาซีเหนือจริงมาโดยตลอด
ตุ๊กตาที่อาศัยอยู่ในโลกที่สมบูรณ์แบบ ผู้ซึ่งกระโดดจากอาชีพหนึ่งไปสู่อีกอาชีพหนึ่งโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขวางทางเธอ จะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนหรือจะชอบทำกิจกรรมอะไรก็ได้ ทำให้บาร์บี้มีเพื่อนนับล้านที่อยู่เคียงข้างเธอ
และนี่คือตัวอย่างและ Creative Economy ในฝัน