คาร์เทียร์ เผยโฉมเครื่องประดับชั้นสูงที่จีน
31 Oct 2023

คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส ได้เผยโฉมภาคต่อของคอลเลคชั่น Le Voyage Recommencé ที่สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ของคาร์เทียร์อันวิจิตรอลังการ ในนิทรรศการแสดงเครื่องประดับไฮจิวเวลรี เรือนเวลา และผลงานจากคอลเลคชั่น Cartier Tradition รวมกว่า 380 ชิ้น ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

คาร์เทียร์มีความผูกพันกับกรุงปักกิ่งอย่างลึกซึ้งยาวนาน และเคยฝากความประทับใจอันสวยงามไว้ ณ เมืองหลวงแห่งนี้ ผ่านการจัดแสดงผลงานศิลปะ Le Pot Dore ของมูลนิธิคาร์เทียร์ (Fondation Cartier) ณ ประตูไท่เหอ พิพิธภัณฑ์พระราชวังกรุงปักกิ่ง เมื่อปี 2539 และนิทรรศการแสดงผลงาน Cartier Collection ที่จัดร่วมกับพิพิธภัณฑ์พระราชวังในปี 2552 และ 2562 เพื่อสานต่อสายสัมพันธ์และบทสนทนาระหว่างโลกตะวันออกกับตะวันตก

Prince Jun’s Mansion สถานที่จัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 400 ปี ด้วยตัวอาคารที่ก่อสร้างตามรูปแบบสถาปัตยกรรมราชสำนักสมัยราชวงศ์ชิงที่มีคอร์ตยาร์ดตรงกลาง โดยสร้างขึ้นในสมัย Shuncheng ที่ราชวงศ์ชิงปกครองประเทศจีน และเคยเป็นที่ประทับของเจ้าชาย Lekdehun

ซีริลล์ วิญเญอรอง (Cyrille Vigneron) กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์เทียร์ กล่าวว่า Le Voyage Recommencé คือการเดินทางเชิงสร้างสรรค์ครั้งล่าสุดสู่แก่นแท้ของสไตล์คาร์เทียร์ ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์หลากหลายแง่มุม และมีวิวัฒนาการเคียงคู่ไปกับยุคสมัยตลอดมา นับเป็นการเดินทางย้อนกลับไปสู่จุดเดิมโดยผ่านมุมมองใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวคอลเลคชั่นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

“เรามีความยินดีที่จะนำเสนอ คอลเลคชั่นนี้ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ให้แรงบันดาลใจแก่เมซงเสมอมา และรู้สึกปลาบปลื้มยินดียิ่งขึ้นไปอีกที่ได้แชร์คอลเลคชั่นนี้ ณ กรุงปักกิ่ง เมืองที่จารีตประเพณีมาผสมผสานกับความทันสมัยในแบบที่ไม่เหมือนใคร และสอดคล้องพ้องกันอย่างลึกซึ้งกับคาร์เทียร์”

เซซิล นาอูร์ (Cecile Naour) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคาร์เทียร์ประเทศจีน กล่าวว่า “สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ คาร์เทียร์ มีความสอดคล้องพ้องกันกับแก่นแท้ของวัฒนธรรมจีน ในโอกาสที่คอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูง Le Voyage Recommencé ภาคล่าสุดมาเยือนกรุงปักกิ่ง คาร์เทียร์ขอเชิญชวนให้มาสัมผัสผลงานสร้างสรรค์ของเมซงที่สง่างามเหนือกาลเวลา ผ่านการแลกเปลี่ยนอย่างมีความหมายระหว่างศิลปะกับงานฝีมือ ณ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้”

ผลงานยุคศตวรรษที่ 20 จาก Cartier Collection 3 ชิ้น ทำหน้าเสมือนบทเกริ่นนำ ก่อนที่ผู้ชมจะก้าวเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงหลักทั้ง 3 ส่วน อันได้แก่ Giving Life to Nature, Evoking Journey และ Drawing the Line นอกจากนี้คาร์เทียร์ยังได้เชิญ ฟิลิปป์ นิโกลาส์ (Philippe Nicolas) ครูช่างศิลป์สาขาการแกะสลักอัญมณี (Glyptics) และอดีตหัวหน้าเวิร์กช็อปแกะสลักอัญมณีของคาร์เทียร์ พร้อมด้วยทีมงาน มาทำการสาธิตการแกะสลักพลอย เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่ทางเมซงมีต่องานฝีมืออันเป็นเลิศ


CARTIER COLLECTION 

คาร์เทียร์ คอลเลคชั่นได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1983 เพื่อถ่ายทอดสไตล์และคุณค่าเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของผลงานที่เมซงได้รังสรรค์ขึ้น ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ประกอบด้วยผลงานจากยุค 1850 จนถึงต้นศตวรรษที่ 21 รวมกว่า 3,500 ชิ้น และยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบอกเล่าเรื่องราวแห่งสไตล์และความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ ตลอด 175 ปีที่ผ่านมา
 

กำไลหัวเสือไขว้ (DOUBLE PANTHER HEAD BANGLE)

คาร์เทียร์ ปารีส 1989 Cartier Collection 

Giving Life to Nature

เสือแพนเตอร์คือไอคอนแห่งอาณาจักรสัตว์คาร์เทียร์อย่างไม่มีข้อกังขา นับตั้งแต่การปรากฏกายครั้งแรกบนเรือนเวลาประดับจิวเวลรีสำหรับสุภาพสตรี ที่คาร์เทียร์ทำขึ้นในปี 1914 สไตล์ของเสือแพนเตอร์ก็ได้รับการตีความใหม่สืบต่อมาเรื่อยๆ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบธรรมชาตินิยม (naturalism) นามธรรม (abstraction) และเรขาคณิต (geometry)

สำหรับผลงานชิ้นนี้ คาร์เทียร์ใช้ความเชี่ยวชาญในเทคนิค “Serti Pelage” ที่จำลองลักษณะขนเสืออย่างสมจริง มาใช้ในการนำเสนอดีไซน์หัวเสือไขว้ และในอดีต มาเรีย เฟลิกซ์ (Maria Félix) นักแสดงชาวเม็กซิกันก็เคยเป็นเจ้าของผลงานที่มีความคล้ายคลึงกันกับชิ้นนี้

นาฬิกาเข็มกลัดตราหยก (SEAL WATCH-BROOCH)

คาร์เทียร์ ปารีส 1929 Cartier Collection 

Evoking Journey

นาฬิกาเรือนนี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงบันดาลใจจากภูมิภาคตะวันออก ตัวเรือนฝังอยู่ในตราหยกจีนสมัยศตวรรษที่ 19 ที่แกะเป็นรูปสิงโตตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ชิ้นงานประกอบด้วยหยก ทับทิม และออนิกซ์ ในเฉดสีแดง เขียว ดำ ที่สร้างความ คอนทราสต์สะดุดตา บ่งบอกความชื่นชอบศิลปะอาร์ตเดโค และความหลงใหลที่ คาร์เทียร์มีต่อโลกและวัฒนธรรมของโลก

เทียร่า HALO (HALO TIARA)

คาร์เทียร์ ปารีส 1934 Cartier Collection 

จำหน่ายแก่ เบกุม อากา ข่าน ที่ 2

Drawing the Line

เทียร่าส่วนบนเป็นทรงรัศมีรูปดอกบัว ซึ่งเป็นการนำรูปทรงจากธรรมชาติมีตีความในแบบนามธรรม ส่วนเทียร่าส่วนล่างที่ตกแต่งเป็นลายซิกแซ็กนั้นสามารถแยกออกมาสวมคาดศีรษะได้ ซึ่งเส้นสายอันบริสุทธิ์ได้สร้างนิยามของรูปทรงที่สมมาตร ขณะที่การฝังเพชรแบบลดหลั่นเป็นจังหวะก็ทำให้เพชรส่องประกายเจิดจ้าจรัสตา


GIVING LIFE TO NATURE

คาร์เทียร์หลีกเลี่ยงการสร้างภาพแทนธรรมชาติในแนวโรแมนติกหรือเล่นกับอารมณ์ แต่เลือกที่จะสร้างความสมจริง เชิงสร้างสรรค์ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเสมือนจริงอย่างยิ่ง (hyper-realism) ถ่ายทอดธรรมชาติแบบเกินจริง (stylisation) หรือแบบนามธรรม (abstraction)

สร้อยคอ PANTHÈRE HYPNOSE (PANTHÈRE HYPNOSE NECKLACE)

ช่างแกะสลักอัญมณีชองเมซง สลักแท่งคาลาไมท์เป็นหัวเสือได้อย่างเสมือนจริง ดุจ “องครักษ์” ที่คอยปกป้องจี้มอร์แกนไนท์สลักลายดอกไม้สุดวิจิตร 

สร้อยคอ LUTEA (LUTEA NECKLACE)

คาร์เทียร์ตีความอัตลักษณ์ของดอกบัวสายในรูปแบบใหม่ โดยใช้ลวดลายเรขาคณิตและอัญมณีในหลายกลุ่มสีมาถ่ายทอดความงามของธรรมชาติในแบบเกินจริง โทปาซเม็ดกลางขนาด 12.69 กะรัต อยู่ในวงล้อมของโทปาซและลูกปัดแซฟไฟร์ในเฉดสีที่กลมกลืนละมุนตาเป็นธรรมชาติ ประดับด้วยพวงลูกปัดที่เรียงร้อยอย่างประณีต

สร้อยคอ KURINJI (KURINJI NECKLACE)

ดอกไม้พันธุ์หายากแห่งที่ราบสูงของอินเดีย ซึ่งจะผลิบานทุก 12 ปี เป็นแรงบันดาลใจให้เมซงเลือกแซฟไฟร์จากศรีลังกามาเป็นหัวใจของดีไซน์ ล้อมด้วยเพชรที่เรียงตัวเป็นรูปกลีบดอกไม้ ขับเน้นรูปทรงที่เป็นธรรมชาติด้วยลูกปัดแซฟไฟร์ แล้วใช้ออนิกซ์เป็นตัวสร้างจังหวะอย่างมีชั้นเชิง


EVOKING JOURNEY

ความสนใจใคร่รู้และอยากสัมผัสโลกเป็นแรงผลักดันให้คาร์เทียร์ออกไปสำรวจความมั่งคั่งของวัฒนธรรมตางๆ และนำศาสตร์แห่งมนุษย์ รวมทั้งศิลปะศาสตร์และบรรยากาศที่แปลกใหม่มาหลอมรวมกับสไตล์ของเมซง จนเปล่งประกายความงามแห่งโลก

เข็มกลัด BAILONG (BAILONG BROOCH)

เมซงเชิดชูเกียรติของมังกร หนึ่งในสัญลักษณ์ของอาณาจักรสัตว์ของคาร์เทียร์ ด้วยเข็มกลัดดีไซน์ใหม่ สะท้อนความหลงใหลที่คาร์เทียร์มีต่อเอเชีย ท่ายืนหันข้างอย่างองอาจ สื่อถึงความเป็นผู้ปกป้องและผู้ล่าในเวลาเดียวกัน มังกรขยุ้มเพชรสีเหลืองไว้ในอุ้งเท้า พร้อมกับเฝ้าดูทัวร์มาลีนทรงแปดเหลี่ยมย่อมุมขนาด 30.11 กะรัต อย่างระแวดระวัง

สร้อยคอ SAMBULA (SAMBULA NECKLACE)

ในการรังสรรค์สร้อยเส้นนี้ คาร์เทียร์ได้แรงบันดาลใจจากเซโนเต้ (cenote) สระน้ำจืดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมักมีพืชพรรณขึ้นปกคลุม หัวใจของดีไซน์คือมรกตคู่น้ำงามที่อยู่ท่ามกลางอัญมณีโทนสีเขียว-น้ำเงิน คู่สีคอนทราสต์ที่เปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์ของเมซง ดีไซน์ที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ผสมผสานรูปทรงจากธรรมชาติกับรูปทรงเรขาคณิต ชวนให้นึกถึงพรรณไม้ที่หนาแน่นเขียวขจีในธรรมชาติ และความพลิ้วไหวของระลอกคลื่นบนผิวน้ำ

สร้อยคอ TUTTI SAMMAAN (TUTTI SAMMAAN NECKLACE)

เมซงสืบสานจารีตแห่ง Tutti Frutti ด้วยการนำธีมต้นสนไซเปรสที่ใช้ในการรังสรรค์งานอยู่เนืองๆ มาตีความใหม่ ลายต้นสนที่โค้งแนบไปกับลำคอชวนให้นึกถึงยอดสนต้องลม ขณะที่ความดกสะพรั่งของใบไม้แกะสลักเป็นตัวเพิ่มความละเอียดของลวดลาย ผสานกับการตกแต่งด้วยออนิกซ์ ขับเน้นพุ่มใบอันดกหนา

นาฬิกา COPTOS BRACELET (COPTOS BRACELET WATCH)

เรือนเวลาที่ได้รับการขนานนามตามชื่อเมืองโบราณของอียิปต์เรือนนี้ รังสรรค์ขึ้นในรูปทรงกำไล ในเฉดสีแดง-เขียว-ดำ สีคอนทราสต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์ ตัวกำไลใช้ลูกปัดคอรัล (ลูกปัดหินปะการัง) ร้อยเป็นวง หัวกำไลประดับมรกตคู่ ขับเน้นความเด่นด้วยรูเบลไลท์ทรง บัฟท็อป (buff top - หรือด้านหน้าผิวเรียบ ด้านล่างเจียระไนแบบเหลี่ยม) เสริมด้วยการฝังออนิกซ์อย่างมีชั้นเชิงทางเรขศิลป์ จึงเป็นผลงานที่สะท้อนถึงกำไลปลายเปิดตัวเรือนแข็งในคลังผลงานคาร์เทียร์ ที่มีชื่อเรียกขานมาตั้งแต่ครั้งอดีตว่า “Sudanese” (ซูดานีส) 


DRAWING THE LINE

การเนรมิตจินตนาการให้มีชีวิตด้วยพลังแห่งเส้นสาย เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างงานของคาร์เทียร์ โดยทุกการรังสรรค์เครื่องประดับที่คาร์เทียร์นั้นมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของเส้นสาย ความสมดุลของรูปทรงและปริมาตร การเล่นกับสัดส่วน และผลลัพธ์ของชิ้นงานที่กลมกลืนในทุกส่วน เมื่อนำมาผสานกับรูปทรงเรขาคณิตและความตัดกัน ก็ได้ผลลัพธ์เป็นสไตล์เปี่ยมเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์

สร้อยคอ TROVOADA (TROVOADA NECKLACE)

สร้อยเส้นนี้ใช้พลอยสปิเนลเรียงสลับกับแคลซีโดนี่สีม่วงและเพชร สะท้อนแรงบันดาลใจจากความแปรผันของเฉดสีบนท้องฟ้ายามพายุก่อตัว ความโค้งมนของลูกปัดสร้างคอนทราสต์อย่างละมุนละไมกับรูปไข่และรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน (lozenge) ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งรูปทรงเรขาคณิต และแต่ละองค์ประกอบต่างก็มีบทบาทในการทำให้ผลงานมีความอ่อนพลิ้วดุจเคลื่อนไหวได้

สร้อยคอ NAUHA (NAUHA NECKLACE)

จุดโฟกัสของผลงานอยู่ที่มรกตเม็ดงามทรงห้าเหลี่ยมที่ประกบคู่อยู่กับเพชรทรงโล่ การเล่นกับรูปทรงเรขาคณิตผ่านดีไซน์แบบขั้นบันไดลดหลั่นมีชั้นเชิง เรียงสลับด้วยเพชร สร้างความอ่อนพลิ้วดุจระลอกคลื่นในเส้นริบบิ้น นอกจากนี้การฝังออนิกซ์เรียงเป็นเส้นยังช่วยเสริมความสมบูรณ์ให้กับองค์ประกอบในเฉดสีเขียวตัดดำ อีกหนึ่งคู่สีคอนทราสต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมซง

สร้อยคอ ONDAGE (ONDAGE NECKLACE)

สร้อยเส้นนี้สะท้อนความชื่นชอบที่เมซงมีต่องานออกแบบที่ได้พลังจากเส้นสายอันบริสุทธ์และการผสมผสานรูปทรงเรขาคณิต ตัวสร้อยโดดเด่นด้วยเพชรที่เจียระไนหลากหลายรูปทรง ทั้งทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทรงสามเหลี่ยม และทรงบาแก็ตต์ สร้างองค์ประกอบศิลป์ที่เล่นกับรูปทรงเรขาคณิตและพลังของความโค้งมนไปพร้อมกัน

แหวน KUBOS (KUBOS RING)

คาร์เทียร์ชูความเด่นของทัวร์มาลีนสีน้ำเงินแกมเขียวแจ่มจรัส ฝังเพชรทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนยอดของรูปสี่เหลี่ยมแต่ละรูป สลับกับคอรัล (หินปะการัง) สร้างภาพลวงตาสามมิติแบบเดียวกับที่เมซงเคยใช้ตกแต่งหีบเครื่องสำอาง (vanity cases) ในยุค 1920

แหวน ATTRARE (ATTRARE RING)

คาร์เทียร์เล่นกับความเป็นคู่แฝดของสปิเนลจากทาจิกิสถาน ด้วยดีไซน์ที่นำพลอยทั้งสองเม็ดมาวางประกบบนหัวแหวน Toi & Moi โฉมใหม่ กรอบข้างตัวเรือนฝังออนิกซ์ ชูความละเอียดของงานฝังอัญมณีขนาบข้างตัวเรือนแบบขั้นบันได เล่นกับเสียงสะท้อนและความสอดคล้องพ้องกันได้อย่างวิจิตรตระการตา

ทั้งนี้ ช่างฝีมือและนักออกแบบของคาร์เทียร์ ใช้แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นจุดเริ่มต้นของแต่ละคอลเลคชั่น โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการแสวงหาความงาม และความสนใจใคร่รู้ในสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเคยรู้มาก่อน เครื่องประดับชั้นสูงคอลเลคชั่น 

Le Voyage Recommencé ของคาร์เทียร์ จึงเป็นการเดินทางสู่แก่นแท้ของสไตล์คาร์เทียร์อย่างอิสระเสรีและไปไกลยิ่งกว่าเดิม

[อ่าน 1,495]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved