"ไทวัสดุ" หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล โชว์ฟอร์มแกร่งอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเปิด 14 สาขาในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่มีการขยายสาขามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยวัสดุ
ชู 3 แนวคิดหลัก ดันไทวัสดุให้เป็นมากกว่าร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน มุ่งมั่นตอกย้ำความเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย พร้อมเปิด ‘ไทวัสดุ สาขายโสธร’ สาขาลำดับที่ 79 ของประเทศ และเป็นสาขาสุดท้ายที่เปิดในปีนี้
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า
ตลอดปี 2566 ไทวัสดุได้เร่งเดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้นตามความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
โดยในปีนี้ไทวัสดุ สามารถขยายสาขาได้รวม 14 สาขา ได้แก่
1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขารังสิต คลอง 4
2. ไทวัสดุ สาขาโคราช หัวทะเล
3. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาภูเก็ต ฉลอง
4. ไทวัสดุ สาขากำแพงเพชร
5. ไทวัสดุ สาขาชัยนาท
6. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเมืองเอก
7. ไทวัสดุ สาขาเลย
8. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาสมุทรปราการ
9. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเชียงใหม่ สันทราย
10. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาบางใหญ่
11. ไทวัสดุ สาขาศรีสะเกษ
12. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขานครอินทร์
13. ไทวัสดุ สาขานครสวรรค์
14. ไทวัสดุ สาขายโสธร
ทำให้ปัจจุบัน ไทวัสดุมีสาขารวมทั่วประเทศ 79 แห่ง ครอบคลุมทุกโมเดลของไทวัสดุ ทั้ง Red Format ไทวัสดุรูปแบบมาตรฐาน และ White Format โมเดลธุรกิจที่ผนึกความแข็งแกร่งระหว่างไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม รวบรวมสินค้าทั้งวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร โดยในทุกๆ ครั้งที่ขยายสาขาไทวัสดุได้ยึดมั่นใน 3 กลยุทธ์ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าปลีกในทุกมิติ ดังนี้
1. ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี ในการขยายสาขาไทวัสดุทุกสาขายังคงยึดมั่นในสโลแกน "ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี" โดยมีเป้าหมายให้ไทวัสดุในทุกสาขาและทุกฟอร์แมทเป็นศูนย์รวมเรื่องบ้านอย่างครบวงจร นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 40,000 รายการสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา ช่าง หรือเจ้าของบ้าน
2. องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืน ไทวัสดุสานต่อจุดยืนของเซ็นทรัล รีเทล ตามแนวคิด Green & Sustainable Retail โดยมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ที่เดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยร้านไทวัสดุได้มีการติดแผงโซลาร์เซลล์ในทุกๆ สาขา
พร้อมทั้งเป็นผู้ริเริ่มในการนำรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาดหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% เข้ามาใช้ในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ถึงแม้จะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงแต่หากมองถึงในระยะยาวนั้นก็เป็นนโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้ทั้งองค์กรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2566 ลดการใช้น้ำมันดีเซลไปได้ 180,000 ลิตร และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปมากกว่า 494 ตัน
ทั้งนี้ ในการขยายสาขาตลอดปี 2566 นี้ ไทวัสดุยังได้ร่วมมือกับผู้ร่วมค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนสมทบทุนบริจาคให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานเพื่อสังคมในพื้นที่เพื่อช่วยเสริมศักยภาพทางการแพทย์ในชุมชนรวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้เป็นการขับเคลื่อนตามเป้าหมายองค์กรค้าปลีกด้านความยั่งยืน
3. หนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้แข็งแกร่ง การขยายสาขาในปีนี้ของไทวัสดุ มีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่ชุมชน ผ่านการจ้างงานคนในพื้นที่ไปแล้วกว่า 4,200 คน พร้อมทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นโดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เปิดพื้นที่ด้านหน้าร้านไทวัสดุให้พ่อค้า แม่ค้าในชุมชนเข้ามาจัดจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
"นอกจากการรองรับความต้องการคนไทยด้วยการขยายสาขาแล้ว ในปีนี้ยังมุ่งเน้นการขยายอาณาจักรศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ปอย่างคลังสินค้าวังน้อย จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีพื้นที่กว่า 180,000 ตร.ม โดยสามารถรองรับสินค้าที่หลากหลายจากพันธมิตรคู่ค้าได้ถึง 42,000 SKU สามารถกระจายสินค้าไปยังไทวัสดุทุกสาขาและธุรกิจในเครืออื่นๆ เช่น บีเอ็นบี โฮม และ โก! ว้าว" หัวเรือใหญ่ไทวัสดุกล่าวเพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ ไทวัสดุ ได้พยายามเชื่อมต่อความต้องการไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่ครบครันให้กับลูกค้า จากการที่ไทวัสดุกับการผนึกกำลังกับบีเอ็นบี โฮม ที่ให้บริการสินค้าตกแต่งบ้าน รวมถึงเปิดสาขาออโต้วัน ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ภายในพื้นที่ไทวัสดุหลายๆ แห่ง เพื่อดูแลรถยนต์แบบมืออาชีพโดยช่างที่มีความชำนาญ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ตบท้ายด้วยบริการ ‘วีฟิกซ์’ ที่ให้บริการเรื่องบ้านอย่างครบวงจรโดยทีมช่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติม ปรับปรุง ติดตั้ง สำรวจหน้างงาน ฯลฯ พร้อมเอาใจคนยุคใหม่ด้วยช่องทางออนไลน์ที่สามารถสั่งซื้อและสอบถามข้อมูลสินค้าได้อย่างรวดเร็วครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม
นายสุทธิสาร กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับสาขาสุดท้ายในปีนี้ไทวัสดุได้กลับมาปักหมุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งกับไทวัสดุ สาขายโสธร ด้วยงบลงทุนกว่า 340 ล้านบาท
โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณแยกบายพาสศาลาแดง ถนนแจ้งสนิท ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง บนพื้นที่ 16,000 ตร.ม รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ฮาร์แวร์เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า สินค้าการเกษตร กระเบื้อง สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และสินค้าของตกแต่งบ้าน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับความต้องการกลุ่มสินค้าประเภทฮาร์ดไลน์จากคนในพื้นที่กว่า 100,000 คนและในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์จากวิจัยกรุงศรีระบุว่า ปี 2566-2568 ธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นตามความต้องการทั้งจากตลาดในและต่างประเทศ โดยีปัจจัยหนุน ได้แก่
รายได้ของผู้ผลิตและผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากผู้ผลิตในประเทศและจากสินค้านำเข้า โดยผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะปรับกระบวนการผลิตด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มุ่งสู่ความยั่งยืนตาม ESG Model มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ค้าปลีกต่างเร่งปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล เช่น การพัฒนาช่องทาง และการจัดจำหน่าย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น อาทิ เหล็กก่อสร้าง และกระเบื้องเซรามิก โดยเฉพาะจากจีนและเวียดนามที่ได้เปรียบด้านราคา กอปรกับราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทั้งในภาคก่อสร้างและในสายการผลิตวัสดุก่อสร้าง
#ไทวัสดุ #เซ็นทรัลรีเทล #ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน #MaketPlusDaily #MarketPlusUpdate