"ไทวัสดุ" มาแรง ทำนิวไฮ ปูพรมเปิด 14 สาขาในปี 2566
22 Dec 2023

"ไทวัสดุ" หนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล โชว์ฟอร์มแกร่งอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเปิด 14 สาขาในปี 2566 ซึ่งเป็นปีที่มีการขยายสาขามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยวัสดุ

ชู 3 แนวคิดหลัก ดันไทวัสดุให้เป็นมากกว่าร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน มุ่งมั่นตอกย้ำความเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกในเอเชีย พร้อมเปิด ‘ไทวัสดุ สาขายโสธร’ สาขาลำดับที่ 79 ของประเทศ และเป็นสาขาสุดท้ายที่เปิดในปีนี้

 

 

สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า

ตลอดปี 2566 ไทวัสดุได้เร่งเดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้นตามความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

โดยในปีนี้ไทวัสดุ สามารถขยายสาขาได้รวม 14 สาขา ได้แก่
            1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขารังสิต คลอง 4
            2. ไทวัสดุ สาขาโคราช หัวทะเล
            3. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาภูเก็ต ฉลอง
            4. ไทวัสดุ สาขากำแพงเพชร
            5. ไทวัสดุ สาขาชัยนาท
            6. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเมืองเอก
            7. ไทวัสดุ สาขาเลย
            8. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาสมุทรปราการ
            9. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาเชียงใหม่ สันทราย
            10. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาบางใหญ่
            11. ไทวัสดุ สาขาศรีสะเกษ
            12. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขานครอินทร์
            13. ไทวัสดุ สาขานครสวรรค์
            14. ไทวัสดุ สาขายโสธร
 

ทำให้ปัจจุบัน ไทวัสดุมีสาขารวมทั่วประเทศ 79 แห่ง ครอบคลุมทุกโมเดลของไทวัสดุ ทั้ง Red Format ไทวัสดุรูปแบบมาตรฐาน และ White Format โมเดลธุรกิจที่ผนึกความแข็งแกร่งระหว่างไทวัสดุ และบีเอ็นบี โฮม รวบรวมสินค้าทั้งวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร โดยในทุกๆ ครั้งที่ขยายสาขาไทวัสดุได้ยึดมั่นใน 3 กลยุทธ์ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าปลีกในทุกมิติ ดังนี้

1. ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี ในการขยายสาขาไทวัสดุทุกสาขายังคงยึดมั่นในสโลแกน "ครบเรื่องบ้าน ถูกและดี" โดยมีเป้าหมายให้ไทวัสดุในทุกสาขาและทุกฟอร์แมทเป็นศูนย์รวมเรื่องบ้านอย่างครบวงจร นำเสนอสินค้าและบริการกว่า 40,000 รายการสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา ช่าง หรือเจ้าของบ้าน


2. องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืน ไทวัสดุสานต่อจุดยืนของเซ็นทรัล รีเทล ตามแนวคิด Green & Sustainable Retail โดยมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ที่เดินหน้าผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยร้านไทวัสดุได้มีการติดแผงโซลาร์เซลล์ในทุกๆ สาขา

พร้อมทั้งเป็นผู้ริเริ่มในการนำรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาดหรือรถบรรทุกที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน 100% เข้ามาใช้ในการขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ถึงแม้จะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงแต่หากมองถึงในระยะยาวนั้นก็เป็นนโยบายที่สร้างความยั่งยืนให้ทั้งองค์กรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2566 ลดการใช้น้ำมันดีเซลไปได้ 180,000 ลิตร และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปมากกว่า 494 ตัน

ทั้งนี้ ในการขยายสาขาตลอดปี 2566 นี้ ไทวัสดุยังได้ร่วมมือกับผู้ร่วมค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนสมทบทุนบริจาคให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานเพื่อสังคมในพื้นที่เพื่อช่วยเสริมศักยภาพทางการแพทย์ในชุมชนรวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดนี้เป็นการขับเคลื่อนตามเป้าหมายองค์กรค้าปลีกด้านความยั่งยืน

 

3. หนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้แข็งแกร่ง การขยายสาขาในปีนี้ของไทวัสดุ มีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้แก่ชุมชน ผ่านการจ้างงานคนในพื้นที่ไปแล้วกว่า 4,200 คน พร้อมทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นโดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เปิดพื้นที่ด้านหน้าร้านไทวัสดุให้พ่อค้า แม่ค้าในชุมชนเข้ามาจัดจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
 

 

"นอกจากการรองรับความต้องการคนไทยด้วยการขยายสาขาแล้ว ในปีนี้ยังมุ่งเน้นการขยายอาณาจักรศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ปอย่างคลังสินค้าวังน้อย จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีพื้นที่กว่า 180,000 ตร.ม โดยสามารถรองรับสินค้าที่หลากหลายจากพันธมิตรคู่ค้าได้ถึง 42,000 SKU สามารถกระจายสินค้าไปยังไทวัสดุทุกสาขาและธุรกิจในเครืออื่นๆ เช่น บีเอ็นบี โฮม และ โก! ว้าว" หัวเรือใหญ่ไทวัสดุกล่าวเพิ่มเติม

จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ ไทวัสดุ ได้พยายามเชื่อมต่อความต้องการไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่ครบครันให้กับลูกค้า จากการที่ไทวัสดุกับการผนึกกำลังกับบีเอ็นบี โฮม ที่ให้บริการสินค้าตกแต่งบ้าน รวมถึงเปิดสาขาออโต้วัน ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ภายในพื้นที่ไทวัสดุหลายๆ แห่ง เพื่อดูแลรถยนต์แบบมืออาชีพโดยช่างที่มีความชำนาญ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ตบท้ายด้วยบริการ ‘วีฟิกซ์’ ที่ให้บริการเรื่องบ้านอย่างครบวงจรโดยทีมช่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการต่อเติม ปรับปรุง ติดตั้ง สำรวจหน้างงาน ฯลฯ พร้อมเอาใจคนยุคใหม่ด้วยช่องทางออนไลน์ที่สามารถสั่งซื้อและสอบถามข้อมูลสินค้าได้อย่างรวดเร็วครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม

 

นายสุทธิสาร กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับสาขาสุดท้ายในปีนี้ไทวัสดุได้กลับมาปักหมุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งกับไทวัสดุ สาขายโสธร ด้วยงบลงทุนกว่า 340 ล้านบาท

โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณแยกบายพาสศาลาแดง ถนนแจ้งสนิท ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง บนพื้นที่ 16,000 ตร.ม รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ฮาร์แวร์เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า สินค้าการเกษตร กระเบื้อง สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์และสินค้าของตกแต่งบ้าน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถรองรับความต้องการกลุ่มสินค้าประเภทฮาร์ดไลน์จากคนในพื้นที่กว่า 100,000 คนและในบริเวณใกล้เคียงได้อย่างแน่นอน”
 

 

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์จากวิจัยกรุงศรีระบุว่า ปี 2566-2568 ธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นตามความต้องการทั้งจากตลาดในและต่างประเทศ โดยีปัจจัยหนุน ได้แก่

  • มูลค่าการลงทุนด้านก่อสร้างโดยรวมในไทย ที่คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 3.0 – 3.5% ต่อปี ตามการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับ Eastern Economic Corridor (EEC) รวมถึงโครงการขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งทางถนนและระบบรางทั่วประเทศ  นอกจากนี้ การก่อสร้างที่อยู่อาศัยภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจ

 

  • การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลังวิกฤตโควิด-19 รวมถึงการขยายตัวของการลงทุนภาคก่อสร้างทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดหลัก

 

รายได้ของผู้ผลิตและผู้จำหน่ายวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มขยายตัวท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากผู้ผลิตในประเทศและจากสินค้านำเข้า โดยผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่จะปรับกระบวนการผลิตด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่มุ่งสู่ความยั่งยืนตาม ESG Model มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ค้าปลีกต่างเร่งปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล เช่น การพัฒนาช่องทาง และการจัดจำหน่าย เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น อาทิ เหล็กก่อสร้าง และกระเบื้องเซรามิก โดยเฉพาะจากจีนและเวียดนามที่ได้เปรียบด้านราคา กอปรกับราคาน้ำมันที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงาน ทั้งในภาคก่อสร้างและในสายการผลิตวัสดุก่อสร้าง


#ไทวัสดุ #เซ็นทรัลรีเทล #ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน #MaketPlusDaily #MarketPlusUpdate

 

[อ่าน 296]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอไอเอส X กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
เอสซีจี ขนกองทัพนวัตกรรมจาก 10 แบรนด์ชั้นนำ ร่วมงานสถาปนิก 67
“โยเกิร์ต - ณัฐฐชาช์ บุญประชม” อวดแฟชั่นจากแบรนด์ MISTY MYNX คอลเลกชั่นล่าสุด
เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเกียรติยศแก่สุดยอดตัวแทน “ที่สุดแห่งปี” AIA Annual Agency Awards Presentation 2023
Coach เปิดตัว The Coach Tabby Shop ลาน PARC PARAGON
พานาโซนิค บิวตี้ ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “Panasonic nanocare EH-NA0J” เจาะตลาดไฮเอ็นด์
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved