อีลิธ ฮาเว่นส์ (Elite Havens) ผู้บริหารวิลล่าหรูภายใต้การบริหารงานของกลุ่มดุสิตธานี ในฐานะผู้นำตลาดวิลล่าหรูของทวีปเอเชีย เปิดข้อมูลสุดเชิงลึก ที่บ่งบอกถึง 9 เทรนด์สำคัญของตลาดท่องเที่ยวในอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
9 เทรนด์สำคัญนี้ ประกอบด้วย
1. TravelTech ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยสำคัญในการเที่ยว
2. นักรีวิวสมัครเล่นจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
3. ความนิยมในวิลล่าส่วนตัวจะเพิ่มขึ้น
4. การท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์จะเติบโตขึ้น
5. นักท่องเที่ยวจะเน้นการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์
6. โซเชียลมีเดียและอินฟูลเอนเซอร์ จะมีบทบาทมากขึ้น
7. นักท่องเที่ยวจะจัดสรรวันพักผ่อนพิเศษด้วยตัวเองมากขึ้น
8. ตลาดเอเชียคือผู้ขับเคลื่อนสินค้าลักซ์ชูรีที่สำคัญ
9. การทำงานออนไลน์ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้มากขึ้น
มายา ริกก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีลิธ ฮาเว่นส์ (Elite Havens) ผู้บริหารวิลล่าระดับลักซ์ชัวรีซึ่งมีประสบการณ์ยาวนาน 25 ปี กล่าวว่า
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราเก็บข้อมูลของนักเดินทางและนักท่องเที่ยว เราพบการเปลี่ยนแปลง 9 เทรนด์สำคัญดังกล่าว ซึ่งจะทำให้รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เมื่อนักท่องเที่ยวใช้สมาร์ทโฟนเพียงแค่เครื่องเดียวก็สามารถจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก รวมถึงค้นหาสถานที่สำคัญๆ รวมถึงสามารถสั่งอาหารและเรียกรถรับ-ส่งได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการจองออนไลน์จะมีมูลค่าสูงถึง 666 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 25% จากปี 2562 ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องเร่งปรับตัวอย่างมาก
โดยเฉพาะการอัพโหลดข้อมูลที่น่าสนใจในโซเชียลมีเดีย ทำให้โซเชียลมีเดียและอินฟูลเอนเซอร์มีบทบาทมากขึ้นในตลาดท่องเที่ยว และทำให้เกิดนักรีวิวสมัครเล่นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ การแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดเทรนด์การทำงานออนไลน์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีเวลาเดินทางมากขึ้น และสามารถจัดสรรช่วงเวลาพิเศษสำหรับพักผ่อนได้ด้วยตัวเอง ตลอดจนเทรนด์การพักผ่อนอย่างมีคุณภาพแบบสโลว์ไลฟ์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ที่พักในรูปแบบวิลล่าส่วนตัวยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
"การพักผ่อนอยู่ในวิลล่าสร้างความรู้สึกที่แตกต่างจากโรงแรมจริงๆ นี่คือสิ่งที่ลูกค้าประจำของอีลิธ ฮาเว่นส์สื่อสารกับเรา ตอกย้ำให้เห็นถึงนิยามของคำว่า ‘ลักซ์ชัวรี’ ที่ไม่ได้แค่หมายถึงห้องพักเท่านั้น แต่รวมไปถึงสถานที่ ความสะดวกสบาย และความเป็นส่วนตัว
ซึ่งสามารถปรับให้เหมาะสมได้ตามความต้องการ มากไปกว่านั้น อินเทอร์เน็ตยังทำให้นักเดินทางสามารถเลือกรูปแบบวิลล่าได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะวิลล่าที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ก็จะยิ่งเพิ่มประสบการณ์ไม่เหมือนใครให้กับผู้เข้าพักได้มากขึ้น"
ซีอีโอ อีลิธ ฮาเว่นส์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แนวโน้มที่น่าสนใจอีกประการ คือ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวเอเชียกลายเป็นกำลังสำคัญในตลาดการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่โดดเด่นในการบริโภคสินค้าลักซ์ชัวรี ส่งผลให้การท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ปรากฏการณ์นี้ได้กระตุ้นให้เกิดการเติบโตในภาคส่วนต่างๆ ของอุตสาหกรรม เช่น ที่พักสุดหรู แบรนด์ระดับลักซ์ชัวรี และร้านอาหารชื่อดัง
ขณะเดียวกันยังทำให้จุดหมายปลายทางต่างๆ ปรับตัวให้เข้ากับความชอบและความต้องการของนักเดินทางชาวเอเชีย ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนใจในบริการท่องเที่ยวแบบลักซ์ชัวรีเช่นกัน
ในอีกด้านหนึ่ง นักเดินทางชาวอินเดียกำลังนิยมเดินทางออกจากประเทศตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อแสวงหาประสบการณอันแปลกใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้เตรียมพร้อมรองรับตลาดอินเดียด้วยการนำเสนอประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและอาหารมังสวิรัติ เป็นต้น
ทั้งนี้ รายงานจาก TechNavio บริษัทวิจัยจากสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่า ตลาดการท่องเที่ยวหรูปี 2567-2571 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 7.31% ระหว่างปี 2566 ถึง 2571 ขนาดของตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 578.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยการเติบโตของตลาดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น รายได้หลังภาษีที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเชื่อมต่อดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น
#เทรนด์ท่องเที่ยว #ธุรกิจท่องเที่ยว #อีลิธฮาเว่นส์ #ดุสิตธานี #MarketPlusDaily #MarketPlusUpdate