‘Apple Intelligence’ เทคโนโลยีที่ทำให้ Apple เดินหน้าสู่ยุค AI เต็มตัว?
05 Jul 2024

 

ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี Apple ได้นำพาเราผ่านยุคเฟื่องฟูของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล การปฏิวัติสมาร์ทโฟน และโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยโซเชียลมีเดีย แต่ในยุคแห่ง AI นี้ Apple พร้อมแล้วหรือยัง?

แต่แล้ว Apple ผู้นำเทรนด์สมาร์ทโฟนที่เคยลังเลกับ AI มาตลอด ได้ออกมาเปิดเผยกลยุทธ์ AI ที่รอคอยมานานในการประชุมนักพัฒนา Worldwide Developers Conference ประจำปี 2024 โดยได้ประกาศนำ AI สุดล้ำมาผสานรวมกับเทคโนโลยีของ iPhone ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านคนทั่วโลก

 

 

ถึงเวลาเปิดตัว ‘Apple Intelligence’

หลังจากปล่อยให้ OpenAI ชิงเปิดศึก AI ไปก่อนเกือบสองปี ในที่สุด Apple ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Apple Intelligence ระบบ AI สุดล้ำที่จะมาปฏิวัติวงการ iPhone ในงานเปิดตัวสุดอลังการ ณ สำนักงานใหญ่ Silicon Valley

Apple ได้เผยโฉม Apple Intelligence ระบบ AI ที่จะช่วยจัดลำดับความสำคัญของข้อความและการแจ้งเตือน รวมถึงเครื่องมือเขียนอัจฉริยะที่จะช่วยตรวจทานและแนะนำข้อความในอีเมล โน้ต หรือแม้กระทั่งข้อความแชต นอกจากนี้ Siri ผู้ช่วยเสมือนของ Apple ก็จะได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ด้วย

การนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ iPhone ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และด้วยชื่อเสียงของ Apple ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีแห่ง Silicon Valley ก็ยิ่งทำให้ AI เป็นที่ยอมรับมากขึ้น แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความผิดพลาดและความกังวลว่า AI จะยิ่งเพิ่มข่าวปลอมในโลกอินเทอร์เน็ต

ฟีเจอร์ AI ใหม่ของ Apple นี้น่าจะช่วยลดความกังวลที่ว่า Apple ตามหลังคู่แข่งรายอื่นๆ ในวงการเทคโนโลยีที่ต่างพากันเปิดตัว AI อย่างดุเดือดก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มูลค่าของบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง Microsoft และ Nvidia พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

และในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Microsoft ก็ได้แซงหน้า Apple ขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก (แม้หลังเปิดตัวได้ 2-3 วัน Apple จะทวงบัลลังก์ได้เป็นผลสำเร็จแม้หลังเปิดตัวราคาหุ้นจะร่วงลงก็ตาม)

 

 

คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ

ในระหว่างการเปิดตัว AI ใหม่นี้ Apple ได้เน้นย้ำถึงแผนการที่จะผสานรวม AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ บริษัทระบุว่าเทคโนโลยีนี้ ซึ่งสามารถตอบคำถาม สร้างภาพ และเขียนโค้ดซอฟต์แวร์ จะทำงานที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ได้ เช่น การตรวจสอบว่าเวลาประชุมที่เปลี่ยนไปจะกระทบกับแผนการไปดูละครเวทีของลูกหรือไม่

Apple ยังยืนยันว่าการประมวลผลของคอมพิวเตอร์จะดำเนินการบน iPhone แทนที่จะเป็นศูนย์ข้อมูล ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับคำขอที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้พลังการประมวลผลมากขึ้น Apple ได้สร้างเครือข่ายคลาวด์ด้วยเซมิคอนดักเตอร์ของ Apple เอง ซึ่งบริษัทอ้างว่ามีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะข้อมูลจะไม่ถูกจัดเก็บหรือเข้าถึงได้ แม้แต่โดย Apple เอง

นอกจากนี้ Apple ยังได้ร่วมมือกับ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT เพื่อรองรับความสามารถด้าน AI บางส่วน คำขอที่ระบบของ Apple ไม่สามารถจัดการได้จะถูกส่งต่อไปยัง ChatGPT ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถบอกว่ามีปลาแซลมอน เลมอน และมะเขือเทศ และต้องการความช่วยเหลือในการวางแผนอาหารเย็นด้วยส่วนผสมเหล่านี้

ผู้ใช้จะต้องเลือกที่จะส่งคำขอเหล่านั้นไปยัง ChatGPT เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารู้ว่า ChatGPT ไม่ใช่ Apple เป็นผู้รับผิดชอบหากคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI ก็ได้เข้าร่วมงานของ Apple ในครั้งนี้ด้วย

ข้อตกลงของ Apple กับ OpenAI ซึ่งมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Microsoft อยู่แล้ว เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าบริษัท OpenAI ในซานฟรานซิสโกได้กลายเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI ชั้นนำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างชัดเจน

 

 

“ขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความสามารถใหม่ๆ ที่น่าทึ่งเหล่านี้ เราต้องการให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะสะท้อนหลักการที่เป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ของเรา" ทิม คุก ซีอีโอของ Apple กล่าว "มันต้องทรงพลังพอที่จะช่วยในสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ มันต้องใช้งานง่ายและเข้าใจง่าย"

 

 

พัฒนา IOS ให้ดียิ่งขึ้น

Apple ยังเผยถึงแผนการพัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS ของ iPhone ให้ดียิ่งขึ้น ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ แอปพลิเคชัน Messages จะเพิ่มความสามารถในการตั้งเวลาส่งข้อความและตอบกลับข้อความด้วยอีโมจิที่หลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ Apple ยังจะเปิดตัวแอปพลิเคชัน Photos โฉมใหม่ที่ช่วยให้การค้นหาภาพตามหัวข้อต่างๆ เช่น สัตว์เลี้ยงหรือการเดินทาง เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น และผู้ใช้ iPhone จะสามารถส่งภาพความละเอียดสูงไปยังสมาร์ทโฟน Android ได้อีกด้วย

Apple มีจุดแข็งหลายประการในการแข่งขันด้าน AI ทีมพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัทเป็นหนึ่งในทีมที่มีความสามารถมากที่สุดในอุตสาหกรรม และได้สร้างชิปที่ขับเคลื่อนฟังก์ชัน AI ที่ซับซ้อนมาหลายปีแล้ว

บริษัทยังได้วางตำแหน่งตัวเองว่าดีกว่าคู่แข่งในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้คน เพราะสร้างรายได้จากการขายอุปกรณ์ ไม่ใช่จากการโฆษณา

อย่างไรก็ตาม Apple มีจุดอ่อนหลายประการที่อาจทำให้การพัฒนา AI ช้าลง บริษัทที่เก็บตัวเป็นความลับนี้ต้องดิ้นรนเพื่อดึงดูดและรักษานักวิจัย AI ชั้นนำไว้ เพราะจำกัดปริมาณงานวิจัยที่เผยแพร่

นอกจากนี้ยังพยายามขออนุญาตใช้วัสดุที่เผยแพร่แล้วและคัดค้านการรวบรวมข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งบริษัท AI อื่นๆ ทำเพื่อสร้างและฝึกอบรมเทคโนโลยีของตน

 

 

ยกเครื่อง Siri

ในขณะที่ Siri แม้จะมีมาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษแล้ว แต่ Apple ก็ปล่อยให้ผู้ช่วยเสียงคนนี้เฉาไป ผู้ช่วยสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ใช้ด้วยความล้มเหลวในการจดจำคำขอต่างๆ และความสามารถในการสนทนาจริงนั้นมีจำกัดเนื่องจากได้รับการตั้งโปรแกรมให้ปฏิบัติตามคำสั่งแต่ละคำสั่ง

Generative AI สามารถปรับปรุง Siri ได้ เพราะได้รับการฝึกฝนจากบทสนทนาที่พูดจากพอดแคสต์และวิดีโอ ผลลัพธ์ที่ได้คือระบบที่สามารถเลียนแบบวิธีการพูดคุยของผู้คนได้

Apple กล่าวว่า Siri จะสามารถจดจำบริบทของสิ่งที่ผู้ใช้เคยพูดคุยด้วย ตัวอย่างเช่น หากมีคนถามหาสภาพอากาศใน Muir Woods National Monument และถามในภายหลังเพื่อกำหนดเวลาการเดินป่าที่นั่น ตอนนี้ Siri จะรู้ว่าการเดินป่าที่กำลังกำหนดเวลาอยู่ใน Muir Woods

Siri จะเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่ผู้คนต้องการทำให้สำเร็จในแอป iPhone ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้แสดงรูปถ่ายของเพื่อน และจะค้นหาและแสดงภาพเหล่านั้นให้กับผู้คนในแอป Photos นอกจากนี้ยังสามารถทำงานให้กับผู้คน เช่น การค้นหารูปใบขับขี่ของผู้ใช้และกรอกลงในแบบฟอร์ม

 

ความสามารถด้าน Generative AI อื่นๆ ที่ Apple สาธิต ได้แก่ การสรุปการบันทึกเสียงโดยอัตโนมัติ ให้ลูกค้าสร้างภาพยนตร์จากภาพถ่ายโดยเขียนคำอธิบาย และล้างภาพถ่ายโดยลบภาพที่รบกวนออกจากพื้นหลัง

ในบางกรณี Siri ยังสามารถขอความช่วยเหลือเล็กน้อยเพื่อจัดการกับคำขอของคุณได้ สามารถใช้ประโยชน์จากโมเดล GPT-4o ของ ChatGPT ได้ แม้ว่าจะขออนุญาตคุณก่อนที่จะส่งอะไรไปยังแชตบอต หลังจากนั้น Siri จะส่งคำตอบของ ChatGPT กลับมาให้คุณตามตัวอักษร คุณสมบัติเหล่านี้อย่างน้อยบางส่วนจะใช้ได้เฉพาะบนอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ เช่น iPhone 15 Pro series

คุณสมบัติ AI บางอย่างต้องการให้ข้อมูลถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลเพื่อประมวลผลแทนที่จะจัดการบนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว Apple กล่าวว่าได้พัฒนาเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานบนชิป Apple silicon ของตัวเอง

Apple ยังบอกด้วยว่าเครื่องมือ AI จะฟรี แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าในที่สุดจะเรียกเก็บเงินสำหรับการเข้าถึงหรือไม่ Samsung ซึ่งเปิดตัวคุณสมบัติ AI ในโทรศัพท์ Galaxy รุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว รับประกันว่าจะใช้งานได้ฟรีจนถึงสิ้นปี 2025 เท่านั้น

 

 

ในการนี้บัญชีทางการของ Samsung ยังออกมาวิจารณ์การเปิดตัวของ Apple ในโพสต์บน X โดยระบุว่า ‘การเติมคำว่า ‘Apple’ ไม่ได้ทำให้มันใหม่หรือล้ำยุค’ บัญชี @SamsungMobileUS โพสต์

‘ยินดีต้อนรับสู่โลก AI’ ตามด้วยอีโมจิ Apple

 

 

iOS 18: เผยฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำ

ในวันเดียวกัน Apple ได้เผย iOS 18 ซอฟต์แวร์ใหม่ล่าสุดที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ อาจจะไม่ได้มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่ก็มีลูกเล่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เริ่มจากหน้าจอโฮมที่ปรับแต่งได้อิสระมากขึ้น ผู้ใช้ iOS 18 จะสามารถวางแอปได้ทุกที่บนหน้าจอ เลือกใช้ ‘โหมดมืด’ ที่พื้นหลังเป็นสีดำ หรือเลือกชุดสีสำหรับกลุ่มแอปต่างๆ (เช่น สีเขียวสำหรับแอปเดินทาง หรือสีชมพูสำหรับแอปช้อปปิ้ง) ได้ตามใจชอบ

นักพัฒนาแอปยังสามารถสร้างไอคอนของตัวเองสำหรับหน้าจอควบคุม (Control Center) ที่มีเครื่องมือไฟฉายอยู่ ทำให้คุณสามารถเพิ่มการควบคุมสำหรับรถยนต์ ประตูโรงรถ หรือระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวใหม่ๆ ที่ช่วยควบคุมว่าใครสามารถดูอะไรบนโทรศัพท์ของคุณได้บ้าง คุณสามารถล็อกแอปด้วย Face ID หรือซ่อนไว้ในโฟลเดอร์ลับได้เลย แอป Apple Maps ยังเพิ่มตัวเลือกเส้นทางเดิน ซึ่งสามารถจับคู่กับตัวเลือก SOS ผ่านดาวเทียมได้อย่างดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่หลงทางในป่า

 

 

การส่งข้อความและ iMessage ก็ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เช่นกัน ใน iOS 18 คุณจะสามารถส่งข้อความได้แม้ในขณะที่อยู่นอกพื้นที่ให้บริการ Apple ยืนยันว่าเมื่อการอัปเดตล่าสุดมาถึง ผู้ใช้จะสามารถส่ง iMessage และแม้แต่ข้อความ SMS ธรรมดาผ่านการเชื่อมต่อดาวเทียมได้ ก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์การสื่อสารผ่านดาวเทียมที่มีอยู่ใน iPhone บางรุ่นอนุญาตให้คุณส่งข้อความถึงบริการฉุกเฉินได้เท่านั้นเมื่ออยู่นอกเหนือการให้บริการของเครือข่ายมือถือ

นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟกต์ข้อความใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่น ความขลัง หรือความสนุกสนานให้กับข้อความของคุณ และความสามารถในการ ‘แตะกลับ’ ข้อความขาเข้าด้วยอีโมจิใดก็ได้ ไม่ใช่แค่ไม่กี่ตัวที่เลือกไว้ ในขณะเดียวกัน การรองรับ RCS ซึ่งเป็นมาตรฐานการส่งข้อความที่ทันสมัยกว่าซึ่ง Apple ยอมรับอย่างไม่เต็มใจเมื่อปลายปีที่แล้ว น่าจะทำให้ การส่งข้อความระหว่าง iPhone และอุปกรณ์ Android รู้สึกทันสมัยมากขึ้น

Apple กำลังเพิ่มอีโมจิ AI ที่สร้างขึ้น ซึ่งเรียกว่า ‘genmojis’ ซึ่งจะปรากฏขึ้นตามเนื้อหาของข้อความของคุณ เราต้องรอดูกันต่อไปว่า AI จะสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่แปลกประหลาด นามธรรม และ (ที่สำคัญที่สุด) ความเสียดสีได้หรือไม่

 

 

ความตึงเครียดที่ปะทุ

"นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนนับตั้งแต่ iPhone เพราะพวกเขาต้องใส่ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อให้เติบโต" Gene Munster หุ้นส่วนผู้จัดการของ Deepwater Asset Management ซึ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่กล่าว "วันนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะทำให้ AI เป็นความสามารถหลักและพวกเขาสามารถมอบประสบการณ์ AI ที่ผู้บริโภคต้องการได้"

งานนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ของ Apple กับนักพัฒนาระบบด้วย ความตึงเครียดระหว่างบริษัทและผู้ผลิตแอปพลิเคชันได้ปะทุขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจาก Apple ได้ต่อต้านกฎใหม่ในยุโรปที่ออกแบบมาเพื่อคลายการควบคุม App Store

กฎเหล่านี้กำหนดให้ Apple อนุญาตให้มีทางเลือกในการชำระเงินของบุคคลที่สาม ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม 30 เปอร์เซ็นต์ที่เรียกเก็บจากยอดขายแอป แต่นักพัฒนากล่าวว่า Apple ตอบโต้ด้วยการแนะนำทางเลือกอื่นที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีราคาแพงจนเกินไป

 

Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกันในสหรัฐอเมริกา ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังชั่งน้ำหนักว่าบริษัทสามารถดำเนินการตามแผนที่จะเก็บ 27 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในระบบการชำระเงินทางเลือกอื่นได้หรือไม่ และกระทรวงยุติธรรมยังฟ้อง Apple ในข้อหากฎที่ป้องกันไม่ให้บริษัทอื่นเสนอแอพเกมสตรีมมิ่งบนคลาวด์ กระเป๋าเงินดิจิทัล และทางเลือกอื่นๆ บน iPhone

ภายใต้ฉากหลังนั้น Apple พยายามเน้นย้ำถึงประโยชน์ที่มอบให้นักพัฒนา ในระหว่างงาน บริษัทได้แสดงให้เห็นว่าเครื่องมือ Apple Intelligence จะพร้อมใช้งานเพื่อทำให้แอปมีประโยชน์ต่อลูกค้ามากขึ้นได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ด้วยความท้าทายรอบด้านทั้งในแง่ของคดีฟ้องร้องรวมถึงยอดขายที่ตกในจีน ชาร์ลส์ ไรน์ฮาร์ท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Johnson Investment Counsel ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนของ Apple กล่าวว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า"

[อ่าน 13,826]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซีอาน เปิดบ้านต้อนรับผู้แทนจากทั่วโลก ส่องศักยภาพเมืองแห่งสายไหม
Nespresso เจ้าพ่อกาแฟแคปซูล เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มครั้งแรก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบและความยั่งยืน
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สเกาหลีวัย 80 ปี พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข
เบื้องหลังการปลดและแต่งตั้ง CEO สตาร์บัคส์ ครั้งประวัติศาสตร์
เดวิด หวัง จากหัวเว่ย ชี้การสร้างระบบนิเวศใหม่ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ
เราเรียนรู้อะไรจากการรับมือ "ภัยพิบัติ" แบบขั้นเทพของ "ญี่ปุ่น"

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved