วิเคราะห์ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ต่อผู้ประกอบการไทย
15 Feb 2025

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 4 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมภายในประเทศ โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับประเทศใดๆ ทั้งสิ้น การตัดสินใจนี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่อาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการปรับภาษีดังกล่าว

 

ผลกระทบทางตรงจากการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมของไทย

จากข้อมูลในช่วงปี 2565-67 สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากหลายประเทศ โดยแคนาดา, จีน และเม็กซิโก มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด โดยรวมแล้วประเทศเหล่านี้มีมูลค่านำเข้ามากถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 48.1% ของการนำเข้าทั้งหมด ส่วนการนำเข้าจากไทยอยู่ในอันดับที่ 11 โดยมีมูลค่าปีละ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 2% ของการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของการส่งออกเหล็กไทยไปยังสหรัฐฯ จะพบว่ามีสัดส่วนสูงถึง 33.3% ของการส่งออกเหล็กทั้งหมดของไทย ดังนั้น การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบทางตรงกับอุตสาหกรรมเหล็กของไทยมากกว่าอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม

 

 

ผลกระทบทางอ้อมจากการทะลักเข้ามาของเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศอื่นๆ

อีกหนึ่งผลกระทบที่น่าจับตาคือการทะลักเข้ามาของเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน, ไต้หวัน และเวียดนาม ที่อาจมาแย่งส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดต่างประเทศ หากประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ ต้องการหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เช่นเดียวกับการคาดการณ์ว่าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีน ไต้หวัน และเวียดนามอาจเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยที่มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 3-4%

ในกรณีนี้ ไทยอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดราคาถูกจากสินค้านำเข้าราคาถูกจากประเทศเหล่านี้ ซึ่งอาจทำให้ส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการไทยในตลาดต่างๆ เช่น ประเทศ CLMV ลดลง

 

 

ผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมเหล็ก

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็กไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบทั้งในด้านอัตราการใช้กำลังการผลิต (CAP-U) และความเสี่ยงด้านราคาสินค้า (Stock Loss) โดยเฉพาะในกลุ่มเหล็กที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกกดดันให้อยู่ในระดับต่ำจากการลดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการแข่งขันจากเหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีน

ในปี 2568 คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กไทยจะยังคงต่ำที่ 40-45% ซึ่งลดลงจากระดับ 50-60% ในอดีต โดยผู้ประกอบการต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้าน Stock Loss เนื่องจากราคาสินค้าในตลาดเหล็กทั่วโลกมีแนวโน้มปรับลดลงจากการดัมพ์ราคาเพื่อระบายสินค้าของประเทศต่างๆ

 

 

การขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่ออุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มเหล็กที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงทั้งจากการลดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการแข่งขันจากการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกจากประเทศคู่แข่ง ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างรอบคอบ

[อ่าน 8,425]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สมการใหม่ของ Apple เบื้องหลัง iPhone ราคา 2,000 ดอลลาร์ และกลยุทธ์ในวันที่ตลาดอิ่มตัว
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved