หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ โรงแรมกรองด์โมนาร์ค (Grand Monarque Hotel) ในเมืองชาทร์ ประเทศฝรั่งเศส อาคารเก่าแก่กว่า 400 ปีที่ต้องปรับปรุงระบบเพื่อให้สอดรับกับ EU’s Energy Efficiency Directive โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้ติดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัล EcoStruxure™ Building Activate ร่วมกับเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เพื่อเก็บข้อมูลการใช้พลังงานอย่างละเอียด ผลลัพธ์คือโรงแรมสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 15% และคืนทุนตั้งต้นภายใน 6 เดือน จากปกติที่บริษัททั่วไปใช้เวลาเฉลี่ย 2 ปีในการคืนทุน
“หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือการไม่รู้ว่าพลังงานในอาคารถูกใช้ไปในส่วนใดบ้าง”
— มานิช กูมาร์ รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจพลังงานดิจิทัลของชไนเดอร์ อิเล็คทริค
“เมื่อค่าใช้จ่ายด้านพลังงานพุ่งสูงขึ้น การเข้าใจการทำงานของระบบต่างๆ ไม่ใช่แค่ระบบทำความร้อน แต่รวมถึงการระบายอากาศและความเย็น เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง”
— เบ็กกี เทเลอร์ กรรมการบริหารของ Arup
ชไนเดอร์ อิเล็คทริคดูแลครบทุกมิติทั้งก่อน–หลังการติดตั้ง
ระบบวัดและจัดการพลังงาน (Power Monitoring & Control): ติดตั้งมิเตอร์และเซ็นเซอร์อัจฉริยะ เพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ และวิเคราะห์แนวโน้มการใช้พลังงานในแต่ละโซน
ระบบปรับอากาศ (HVAC Control): ควบคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง ลดความสูญเสียจากการทำความเย็นเกินจำเป็น
ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ (Lighting Control): ปรับความสว่างตามเวลาและปริมาณแสงธรรมชาติ ลดการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ว่างเปล่า
การจัดการพลังงานสำรอง (Backup Power & UPS): ดูแลระบบจ่ายไฟสำรองและแบตเตอรี่ เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจในกรณีไฟดับ
การวิเคราะห์และพยากรณ์ (Analytics & Predictive Maintenance): ใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า ตรวจจับความผิดปกติของอุปกรณ์ และแจ้งเตือนก่อนเกิดปัญหา
บริการหลังการขาย (Service & Support): ให้คำปรึกษา อัปเกรดซอฟต์แวร์ และบำรุงรักษาอุปกรณ์ เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
เจ้าของโรงแรม แบร์ทร็อง ฌาเลอรา เล่าว่า “ก่อนใช้แพลตฟอร์ม เราแทบไม่รู้ว่าพลังงานส่วนใหญ่สูญเสียไปกับห้องพักและพื้นที่บริการ F&B แต่หลังจากมีข้อมูลเชิงลึก เราสามารถควบคุมการใช้พลังงานตามช่วงเวลาที่เหมาะสม ลดต้นทุน และยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ได้ชัดเจน”
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีเครือข่ายอาคารหลายสิบหรือร้อยแห่ง การขยายผลโซลูชั่นเช่นนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังรวมศูนย์การควบคุมระบบทั่วทั้งเครือข่าย ทำให้ค่าใช้จ่ายทางพลังงานลดลงสูงสุดถึง 48% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 60% ตามผลการศึกษาของชไนเดอร์ อิเล็คทริค
นอกจากนี้ ภายใต้โครงการสนับสนุนของสหภาพยุโรป ธุรกิจขนาดเล็ก–กลางยังได้รับสิทธิ์กู้ดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลในหลายประเทศออกมาตรการอุดหนุนค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ขณะที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคกำลังพัฒนาโมเดลการจัดหาเงินทุนแบบ “Energy-as-a-Service” ให้เลือกชำระค่าบริการตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
การยกระดับอาคารเก่าให้เป็น “อาคารอัจฉริยะ” จึงไม่ใช่เพียงการลดต้นทุนพลังงาน แต่ยังเป็นการเสริมความได้เปรียบทางการแข่งขัน สร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ยั่งยืน และช่วยให้บรรลุเป้าหมาย Net-Zero ภายในปี 2050 ได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น