“รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา” กับงานวิจัยยกกระชับใบหน้าใน 12 ชั่วโมง
22 Mar 2019

ยุคนี้สาวๆ จะสวยใส สวยเนียน สวยเด้ง โดยไม่จำเป็นต้อง “ลงมีด” เพียงอย่างเดียว แต่มีทางเลือกหลายวิธีการที่หมอสามารถจะแนะนำ เพื่อให้คนไข้สวยได้ตามสไตล์ของตนเอง ไม่หลอก ไม่เว่อร์ ไม่ใช่สวยเด้งเฉพาะจุดแต่ไม่สวยเด้งอีกหลายจุด จนดูไม่กลมกลืน

ดังนั้นก่อนตัดสินใจ “ทำสวย” ควรปรึกษาหมอที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญ สาวๆ เองก็ต้องไม่สะกดจิตตัวเองว่าจะสวยเด้งเหมือนดารา นักร้องจนผิดเพี้ยนจากธรรมชาติไปมาก

รศ. พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเลเซอร์ ซึ่งมีผลงานทางวิชาการอย่างมากมาย รวมทั้งการใช้สาร Botulinum Toxin ที่สาวๆ ฉีดกันเป็นจำนวนไม่น้อยได้กล่าวถึงข้อควรรู้ที่สาวๆ อาจไม่คาดคิดมาก่อน นั่นก็คือ การใช้สารนี้แม้จะเป็นที่ยอมรับกันว่า นอกจากนำมาฉีดที่ใบหน้าเพื่อลบริ้วรอยเหี่ยวย่นได้แล้ว ยังสามารถใช้ฉีดกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ อย่างเช่น กรามหรือน่อง เพื่อให้น่องมีขนาดเล็กลง หรือฉีดเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้

“การใช้ Botulinum Toxin เพื่อความสวยงามใช้กันมานานตั้งแต่ปี 2000 โดยการทำงานของสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์ยับยั้งการติดต่อสื่อสารกันระหว่างเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ ทำให้เส้นประสาทไม่สามารถสั่งการให้กล้ามเนื้อขยับได้ ริ้วรอยก็จะไม่เกิดขึ้น จึงทำให้สามารถลดริ้วรอยย่นได้ เมื่อกล้ามเนื้อไม่ถูกใช้งานไปนาน ๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง เราจึงนำมาใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับได้”

ทั้งนี้ “Dr. Young Seob Lee” นายแพทย์จากเกาหลีใต้ ที่ค้นพบว่าการฉีด Botulinum Toxin ที่ผสมกับน้ำเกลือให้เจือจาง และนำมาฉีดในผิวหนังที่ตื้นกว่าชั้นกล้ามเนื้อ คือผิวหนังแท้ Toxin จะออกฤทธิ์ที่ Fibroblast เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ในชั้นผิวและเป็นตัวสร้างอีลาสติน, คอลลาเจน และอื่นๆ ที่ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ แต่หาก Fibroblast หดตัวก็จะทำให้ผิวเราหดตัวไปด้วย

ดังนั้นจึงสามารถใช้การฉีด Botulinum Toxin ด้วยเทคนิคนี้ เพื่อให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้นได้ แต่ปัญหาที่ควรรู้คือจะฉีด Botulinum Toxin อย่างไร ตำแหน่งไหนหรือแม้แต่ผสมน้ำเกลือในสัดส่วนเท่าไรจึงจะเหมาะสมกับการลดริ้วรอยหรือยกกระชับ

รศ. พญ.รังสิมา หรือคุณหมอเพ็ญได้กล่าวถึงผลงานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ Botulinum Toxin ฉีดลงในชั้นผิวหนังแท้ เพื่อทำให้ใบหน้ายกกระชับว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้ทั้งภายในหลอดทดลอง และกับผู้ป่วยจริง โดยการวิจัยในหลอดทดลองนั้น เป็นการทดลองกับ Fibroblast โดยนำ Botulinum Toxin เปรียบเทียบกันระหว่าง 2 แบรนด์

โดยแบรนด์หนึ่งมาจากอเมริกาคือ Botox กับอีกแบรนด์จากอังกฤษคือ Dysport และมีการเปรียบเทียบผลของการผสมน้ำเกลือตั้งแต่เข้มข้นจนถึงเจือจาง โดยกำหนดระยะเวลาทดลองที่ 12 ชั่วโมง ผลปรากฏว่า Dysport ทำให้ Fibroblast มีการหดตัวจริงได้ เมื่อผสมน้ำเกลือ 7 ซีซี ใน Dysport 500 unit

และการวิจัยกับผู้ป่วยจริงโดยนำ Botulinum Toxin แบรนด์ Dysport มาฉีดลงในชั้นผิวหนังแท้ เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ผลการวิจัยพบว่าใบหน้าผู้ป่วยข้างที่ฉีด Dysport มีการยกกระชับขึ้นจริง เมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าข้างที่ฉีดน้ำเกลือ

ซึ่งผลงานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ชื่อ Journal of Cosmetic Dermatology ในปี ค.ศ 2016 ที่ผ่านมา

“ล่าสุด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมทำวิจัยในเฟสต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติการวิจัยในคน เพื่อศึกษาว่าผลของการยกกระชับของใบหน้าจากการฉีด Botulinum Toxin ลงในชั้นผิวหนังแท้ จะออกฤทธิ์ทำให้ใบหน้ายกกระชับอยู่ได้นานเท่าใด เนื่องจากมีผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ไปแล้วพบว่า คนไข้กลุ่มที่ได้ผลดีกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ คือ คนไข้ที่อายุน้อยกว่า 32 และใบหน้ารูปไข่จึงจะยกกระชับขึ้นได้ง่าย ดังนั้น เราจึงจะทดลองกับกลุ่มคนไข้อายุ 25 - 35 ปี จำนวนประมาณ 30 คน” 

ในตอนท้าย รองศาสตราจารย์ พญ.รังสิมา แนะสาวๆ ให้สวยศัลย์อย่างมั่นใจและชาญฉลาดว่า ถ้าคนไข้ต้องการไปรับบริการการรักษาเพื่อความสวยงาม

ประการแรก ต้องมั่นใจว่า ผู้ให้บริการหรือทำหัตถการเป็นแพทย์จริงหรือไม่ มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญจริงหรือไม่ ซึ่งผู้สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อและความเชี่ยวชาญของแพทย์ท่านนั้นได้ที่เว็บไซต์ของแพทยสภา www.tmc.or.th/check_md เพื่อสรรหาแพทย์ที่เหมาะสม

ประการที่สอง สถานที่ที่จะใช้บริการเป็นสถานที่ควรทำการรักษาหรือรับการบริการหรือไม่ ได้รับการรองจากกองประกอบวิชาชีพเวชการหรือไม่ มีความสะอาดหรือมีเครื่องมือ บุคลากรเพื่อทำการป้องกันคนไข้ได้หรือไม่ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน 

ประการที่สาม ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ ได้ผลตามที่โฆษณาหรือไม่ คนไข้ก็ต้องถามแพทย์ที่ทำการรักษาด้วยเช่นกัน เพื่อประโยชน์ของตนเองในการติดตามหรือกรณีเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา 

“ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่นำมาให้บริการกับคนไข้ถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งคำว่า “ถูกกฎหมาย” ในที่นี้หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าโดยบริษัทที่เป็นตัวแทนนำเข้าประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีความอ่อนไหวและอาจเสื่อมสภาพระหว่างการขนส่งได้ หากมีการนำเข้ามาเองหรือนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในประเด็นนี้ คนไข้สามารถเช็คและหาความรู้จากตัวแทนจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ ตัวแทนฯ ดังกล่าวเองก็มีรายชื่อสถานพยาบาลที่ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างถูกกฎหมายให้ผู้สนใจสามารถตรวจสอบได้ด้วยในขณะเดียวกัน”

[อ่าน 2,610]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความเข้าใจการขึ้นราคากระเป๋า Chanel ล่าสุดปี 2024 และตลาดขายต่อ
"ยูนิลีเวอร์" วางแผนแยกธุรกิจไอศกรีม ส่งผลให้พนักงาน 7,500 ราย ถูกเลิกจ้าง
"ฝรั่งเศส" เจ้าภาพโอลิมปิก 2024 เผยโฉมชุดนักกีฬาทีมชาติ
อาลัย Akira Toriyama ผู้สร้าง Dragon Ball เสียชีวิตแล้วในวัย 68 ปี
ลอรีอัล ยืนหนึ่งด้านสิ่งแวดล้อมนำคะแนน ‘AAA’ 8 ปีซ้อนจาก CDP
"Casio" เปิดตัวรุ่นลิมิเต็ด ครบรอบ 50 ปี "นาฬิกาดิจิทัลพร้อมปฏิทินอัตโนมัติเรือนแรกของโลก"

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved