5 ทศวรรษของ Product Placement ในหนัง Superman
15 Jul 2025

 

ซูเปอร์แมนเป็นหนึ่งในตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ทำให้ภาพยนตร์แฟรนไชส์นี้เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเป็นพันธมิตรและทำการตลาด การไล่เลียงไทม์ไลน์และวิเคราะห์กลยุทธ์ Sponsorships & Brand Collaboration ในภาพยนตร์ซูเปอร์แมนทุกภาคจนถึงปี 2025 มีดังนี้

 

ไทม์ไลน์กลยุทธ์ Sponsorships & Brand Collaboration ในภาพยนตร์ซูเปอร์แมน

ยุคเริ่มต้น (ก่อนปี 1978)

  • ภาพยนตร์ซีเรียลและอนิเมชั่น (1940s-1950s) ในช่วงแรกๆ ของการปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ของซูเปอร์แมน การสปอนเซอร์และ Brand Collaboration อาจไม่ชัดเจนเหมือนในยุคปัจจุบัน แต่ก็อาจมีรูปแบบของการโฆษณาแฝงหรือการสนับสนุนจากบริษัทต่างๆ ที่เห็นถึงศักยภาพของตัวละครในการเข้าถึงผู้ชมวงกว้าง

  • Superman and the Mole Men (1951) ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของซูเปอร์แมน อาจมีการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายต่างๆ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับการสปอนเซอร์โดยตรงในยุคนั้นค่อนข้างจำกัด

 

 

ยุคคลาสสิกของ Christopher Reeve (1978-1987)

  • Superman (1978)
    ถือเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์แมนที่สร้างปรากฏการณ์และมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคนั้น มีการสังเกตเห็น Product Placement ที่ชัดเจน เช่น Marlboro โดย รถบรรทุก Marlboro และป้ายโฆษณา Marlboro ปรากฏอย่างเด่นชัดในฉากสำคัญ รวมถึงมีการปรากฏของนิตยสาร OMNI (นิตยสารวิทยาศาสตร์และนิยายวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 1978 ถึงปี 1995)

  • Superman II (1980)
    ยังคงมีการปรากฏของ Marlboro และแบรนด์อื่นๆ ในรูปแบบ Product Placement แต่โดยรวมแล้วในยุคนี้ การสปอนเซอร์มักอยู่ในรูปแบบของการวางผลิตภัณฑ์ (Product Placement) ที่ไม่ได้เป็นแคมเปญการตลาดที่ซับซ้อนมากนัก

  • Superman III (1983) และ Superman IV: The Quest for Peace (1987)
    ภาพยนตร์สองภาคนี้ได้รับความนิยมน้อยลงและการตลาดอาจไม่เข้มข้นเท่าภาคแรกๆ ทำให้การสปอนเซอร์และ Brand Collaboration อาจมีจำกัด

 

ยุคเปลี่ยนผ่าน (1988-2005)

  • ในช่วงนี้ไม่มีภาพยนตร์ซูเปอร์แมนฟอร์มยักษ์เข้าฉาย ทำให้การสปอนเซอร์หลักๆ ในภาพยนตร์ไม่ปรากฏชัดเจนนัก

 

ยุคฟื้นคืนชีพ (2006-2021)

  • Superman Returns (2006)
    เป็นความพยายามในการนำซูเปอร์แมนกลับสู่จอเงินอีกครั้ง และมีการกลับมาของการเป็นพันธมิตรทางการตลาดที่ชัดเจนขึ้น มี PepsiCo เป็นพันธมิตรหลัก โดยมีโปรโมชั่นบนขวด Pepsi แบบ 12-pack และแก้วเครื่องดื่มลวดลายพิเศษที่ลูกค้าได้จากร้านเวลาซื้อ Pepsi แบบกดจากเครื่อง (fountain drink) ผู้บริโภคสามารถป้อนรหัสออนไลน์เพื่อชิงรางวัลทันทีและลุ้นรางวัลใหญ่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

     

  • Man of Steel (2013)
    เป็นการรีบูทแฟรนไชส์ที่เน้นโทนจริงจังและมีการร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ มากมาย เช่น Nokia เปิดตัวโทรศัพท์ Lumia 925 รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและแอป "Man of Steel", Lidl ห้างสรรพสินค้าจากยุโรปที่มีแคมเปญโปรโมทในร้านค้าทั่ว 24 ประเทศ, French Connection UK มีคอลเลกชันเสื้อยืด Superman, Chrysler รังสรรค์รถยนต์ Superman-branded "S series" เพื่อแจกรางวัล ขณะที่ Toshiba, Pizza Hut, No Fear และแบรนด์อื่น ๆอีกหลายรายที่เข้าร่วมในการโปรโมทภาพยนตร์นี้ มีการคาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสร้างรายได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก Product Placement เพียงอย่างเดียว

 

  • Batman v Superman: Dawn of Justice (2016)
    การรวมตัวของสองซูเปอร์ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดึงดูดการสปอนเซอร์ที่สำคัญ เช่น Turkish Airlines เป็นพันธมิตรสายการบินอย่างเป็นทางการ โดยมีฉากสำคัญในภาพยนตร์บนเครื่องบิน Boeing 777 ของ Turkish Airlines มีการออกแคมเปญการตลาดร่วมกัน รวมถึงการโปรโมท "Gotham City" และ "Metropolis" เป็นจุดหมายปลายทางใหม่

  • Justice League (2017) / Zack Snyder's Justice League (2021)
    แม้ว่า Justice League ฉบับปี 2017 จะประสบปัญหา แต่ฉบับ Zack Snyder's Justice League ที่ตามมาในปี 2021 ก็ยังคงมีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสปอนเซอร์โดยตรงสำหรับภาพยนตร์เหล่านี้ไม่ชัดเจนเท่า Man of Steel หรือ Batman v Superman เนื่องจากเป็นภาพยนตร์รวมทีมและอาจมีแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆ ด้วย

 

ยุคใหม่  Superman (2025)

  • เดิมชื่อ Superman: Legacy  ภาพยนตร์เรื่องใหม่ภายใต้การนำของ James Gunn และ Peter Safran ที่กำลังออกฉายในขณะนี้ ได้มีการวางแผนการตลาดและการเป็นพันธมิตรที่ครอบคลุมและเข้มข้นมากยิ่งขึ้นการตลาดเริ่มตั้งแต่ปี 2024 เราจะเห็นทีเซอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียตลอดปี ขณะเดียวกันก็มีพันธมิตรที่หลากหลาย

โดย Warner Bros. Discovery เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดครั้งใหญ่เพื่อโปรโมตภาพยนตร์ “Superman” (2025) ผ่านสินค้าลิขสิทธิ์และแคมเปญการตลาดสุดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งฟอร์มูลาอีลายซูเปอร์แมน คุกกี้รุ่นพิเศษ ของเล่นสะสม เสื้อผ้า และของตกแต่งบ้าน โดยมีพันธมิตรหลักในหลายกลุ่มธุรกิจดังนี้

 

 

ร่วมมือกับ Lola Cars ในสัญญาระยะยาว เปิดตัวรถแข่ง Formula E ลายซูเปอร์แมน ที่จะปรากฏโฉมครั้งแรกในรายการ Berlin E-Prix โดยมีนักขับชื่อดังอย่าง Zane Maloney และ Lucas di Grassi อยู่หลังพวงมาลัย

 

 

จับมือกับ Keebler ผลิตคุกกี้ Fudge Stripes รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ลายซูเปอร์แมน พร้อมจัดแคมเปญชิงโชคลุ้นตั๋วชมภาพยนตร์

 

 

ร่วมกับแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Spin Master, Mattel, McFarlane Toys และ Funko สร้างไลน์ของเล่นใหม่ทั้งแอ็กชันฟิกเกอร์ ชุดของเล่นจำลอง และเกมการ์ด UNO เวอร์ชันซูเปอร์แมน

 

 

ต่อยอดความร่วมมือกับ Bioworld พัฒนาเสื้อผ้าและเครื่องประดับในธีมซูเปอร์แมน ครอบคลุมหลากหลายสไตล์และกลุ่มเป้าหมาย

 

คอลเลกชันระดับโลกนี้ยังครอบคลุมหมวดหมู่สินค้าอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของเล่น แฟชั่น สิ่งพิมพ์ และของตกแต่งบ้าน เพื่อขยายพลังของแบรนด์ซูเปอร์แมนให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกวัยทั่วโลก

การผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยสร้างกระแสให้ภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความเป็นไอคอนอมตะของซูเปอร์แมนในวัฒนธรรมสมัยนิยมอย่างแท้จริง

ที่น่าสนใจคือมีการใช้กลยุทธ์ Gen Z-focused หรือการตลาดมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย Gen Z ด้วยการสร้างเนื้อหา, activations และ partnerships ที่สร้างโมเมนตัมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2024 จนถึงการเปิดตัวภาพยนตร์ในเดือนกรกฎาคม 2025
 

ทำไมการสนับสนุนหนังแฟรนไชส์ในตำนานเรื่องนี้ จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง? 

การสปอนเซอร์และ Brand Collaboration กับภาพยนตร์ซูเปอร์แมนมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงด้วยหลายปัจจัย ดังนี้

  • การเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม (Cultural Icon) ซูเปอร์แมนเป็นตัวละครที่เป็นที่รู้จักและรักใคร่มานานหลายทศวรรษ เขาเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความยุติธรรม และความกล้าหาญ การที่แบรนด์ได้เชื่อมโยงกับสัญลักษณ์เชิงบวกนี้สามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้

  • การเข้าถึงผู้ชมวงกว้างและหลากหลาย (Broad and Diverse Audience Reach) แฟรนไชส์ซูเปอร์แมนมีฐานแฟนคลับที่กว้างขวางและหลากหลาย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ทั่วโลก การร่วมมือกับภาพยนตร์ซูเปอร์แมนทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่และแตกต่างกันได้

  • ความน่าดึงดูดใจและความตื่นเต้น (Excitement and Hype) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ โดยเฉพาะแฟรนไชส์ใหญ่อย่างซูเปอร์แมน มักจะสร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังได้เป็นอย่างมากก่อนการเข้าฉาย การสปอนเซอร์ในช่วงนี้ทำให้แบรนด์ได้ประโยชน์จากกระแสและความสนใจที่เกิดขึ้น

  • ศักยภาพในการเล่าเรื่อง (Storytelling Potential) เรื่องราวของซูเปอร์แมนมีองค์ประกอบที่สามารถนำมาสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่น่าสนใจและมีอารมณ์ร่วมได้ แบรนด์สามารถผสานสินค้าและบริการของตนเข้ากับธีมของภาพยนตร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สื่อถึงพลัง ความแข็งแกร่ง หรือการช่วยเหลือ

  • ความยั่งยืนของแฟรนไชส์ (Franchise Longevity) แฟรนไชส์ซูเปอร์แมนมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีแนวโน้มที่จะสร้างภาพยนตร์และเนื้อหาใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง การเป็นพันธมิตรกับแฟรนไชส์ที่ยั่งยืนนี้ทำให้แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ชมและตัวละครได้

  • การสร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ (Merchandising Opportunities) นอกจาก Product Placement และการตลาดร่วมกันแล้ว การเป็นพันธมิตรยังเปิดโอกาสให้แบรนด์สร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ (Licensed Merchandise) ที่เกี่ยวข้องกับซูเปอร์แมนได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้และเสริมสร้างการจดจำแบรนด์

  • การเชื่อมโยงกับคุณค่าสากล (Connection to Universal Values) ซูเปอร์แมนเป็นตัวแทนของคุณค่าสากลเช่น ความจริง ความยุติธรรม และวิถีอเมริกัน (ซึ่งขยายไปถึงคุณค่าสากลของความดีงาม) การที่แบรนด์เชื่อมโยงกับคุณค่าเหล่านี้สามารถยกระดับภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ได้

  • การเปิดกว้างต่อการผสานผลิตภัณฑ์เข้ากับเนื้อหา (Openness to Product Integration) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่มักมีฉากที่เปิดโอกาสให้มีการผสานผลิตภัณฑ์ได้อย่างสร้างสรรค์และไม่ดูยัดเยียดจนเกินไป (หากทำได้ดี) เช่น ฉากในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยป้ายโฆษณา หรือการใช้งานเทคโนโลยีต่างๆ

 

 

โดยสรุปแล้ว การที่ภาพยนตร์ซูเปอร์แมนเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลัง มีฐานแฟนคลับที่ภักดีและกว้างขวาง รวมถึงโอกาสในการสร้างสรรค์แคมเปญที่น่าสนใจ ทำให้การสปอนเซอร์และ Brand Collaboration กับแฟรนไชส์นี้เป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีศักยภาพสูงในการเข้าถึงผู้บริโภค สร้างการรับรู้ และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 


ภาพยนตร์แฟรนไชส์ (Film Franchise) คือชุดภาพยนตร์ที่เชื่อมโยงกันผ่านตัวละครหลัก เนื้อเรื่อง หรือจักรวาลเดียวกัน เช่น Superman, Harry Potter, หรือ Fast & Furious โดยมักสร้างภาคต่อ ภาคก่อน หรือภาคแยกภายใต้แบรนด์เดียวกัน มีโลโก้และอัตลักษณ์ที่ชัดเจน ทำให้ผู้ชมจดจำและติดตามอย่างต่อเนื่อง

แฟรนไชส์เหล่านี้มักมีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ทั่วโลก สร้างรายได้มหาศาล และกลายเป็นแพลตฟอร์มทางการตลาดที่ทรงพลัง แบรนด์ต่าง ๆ จึงเลือกใช้ภาพยนตร์แฟรนไชส์ในการทำ Product Placement หรือเป็นพันธมิตรทางการตลาด เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและมีอิทธิพลสูง

ซูเปอร์แมนคือหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดในโลก ด้วยภาพลักษณ์ของฮีโร่ผู้ทรงพลัง เขาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แบรนด์ทั่วโลกอยากจับมือด้วยเพื่อเสริมภาพลักษณ์และขยายการรับรู้ในระดับสากล

 

[อ่าน 219]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Midjourney เปิดตัว AI ใหม่ สร้างคลิปสั้นสุดเซอร์
 สั่นสะเทือนวงการครีเอทีฟ-แบรนด์
Louis Vuitton x Real Madrid กลยุทธ์ครองใจผู้บริโภค ด้วยความหรูที่ "สวมใส่ได้"
Huawei พลิกเกม! เปิดตัวแล็ปท็อปที่ใช้ HarmonyOS ท้าชนยักษ์ใหญ่ แม้ถูกจำกัดชิปก็ตาม
15 เรื่องเด่น Google I/O 2025 เมื่อ AI กำลังจะพลิกโฉมโลก!
ไทยยืนยันปลอดโรคแอนแทรกซ์ในโค หลังลาวยกเลิกคำสั่งปิดด่าน เปิดทางส่งออกสัตว์มีชีวิตตามปกติ
รถยนต์ไฟฟ้าของ Cadillac กำลังดึงดูดลูกค้าใหม่ รวมถึงลูกค้าของ Tesla ด้วย
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved