ไมโครซอฟท์ เผย 7 เทรนด์ AI ปี 2026
12 Dec 2025

 

ไมโครซอฟท์เผย 7 เทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2569 ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มุ่งสร้างผลลัพธ์จริงในโลกธุรกิจและชีวิตประจำวัน โดยจะเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเครื่องมือไปสู่การเป็น “คู่คิด” ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์อย่างใกล้ชิด ยกระดับขีดความสามารถในการทำงาน การสร้างสรรค์ และการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด ยกระดับจากการตอบคำถามไปสู่การผสานการทำงานและเสริมแกร่งศักยภาพให้กับทุกคน ในทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะป็นการแพทย์ การพัฒนาซอฟต์แวร์ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงควอนตัมคอมพิวติ้ง ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญยิ่งกว่าที่เคยมีมา ยิ่งไปกว่านั้น AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพยากรณ์สภาพอากาศและเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ และการลดคาร์บอนฟุตพรินท์ ซึ่งล้วนเป็นกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

 

7 เทรนด์ที่จะพลิกโฉมโลกการทำงานระหว่างมนุษย์และ AI ได้แก่

 

1. AI จะเสริมสร้างสิ่งที่มนุษย์ทำร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น 

AI Agent จะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมงานดิจิทัลที่ช่วยเสริมศักยภาพ ช่วยให้บุคคลและทีมขนาดเล็กสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเหนือความคาดหมาย โดย AI จะเข้ามาช่วยจัดการข้อมูล การสร้างคอนเทนต์ และปรับแต่งให้เหมาะสม ขณะที่มนุษย์ยังคงเป็นผู้กำหนดกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์

 

2. AI Agent จะมาพร้อมมาตรฐานการป้องกันใหม่เมื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน 

 การเพิ่มขึ้นของ AI Agent ในบทบาทของ “เพื่อนรวมทีม” ทำให้ความปลอดภัยเป็นสิ่งทีจำเป็นมากยิ่งขึ้น ทั้งการกำหนดตัวตนที่ชัดเจนของ AI Agent การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและระบบ การจัดการข้อมูลที่สร้างขึ้น และการป้องกันการโจมตี เรียกได้ว่าทุก AI Agent ควรมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยเช่นเดียวกับมนุษย์ โดยความปลอดภัยจะต้องเป็นระบบอัตโนมัติที่ฝังอยู่ในกระบวนการ และทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาภายหลัง

 

 

3. AI จะช่วยลดช่องว่างด้านสุขภาพทั่วโลก 

AI ในวงการแพทย์จะเปลี่ยนบทบาทจากการวินิจฉัยไปสู่การคัดกรองอาการและการวางแผนการรักษาเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลก ตัวอย่างเช่น BioEmu-1 ที่ช่วยคาดการณ์ความเสถียรของโปรตีนเพื่อพัฒนายาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หรือ RAD-DINO ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ ทำให้แพทย์ได้รับข้อมูลที่แม่นยำและครอบคลุมยิ่งขึ้นภายในเวลาอันสั้น และ FCDD ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ช่วยปรับปรุงการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นโดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น ช่วยลดอัตราการแจ้งผลลวงและเพิ่มความแม่นยำในการระบุตำแหน่งเนื้องอก

 

4. AI จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการวิจัย 

 นอกจาก AI จะช่วยสรุปงานวิจัยหรือตอบคำถาม ยังจะสามารถเข้าร่วมในกระบวนการค้นพบทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาได้อีกด้วย โดยจะมีประสิทธิภาพในการสร้างสมมติฐาน การใช้งานเครื่องมือและแอปพลิเคชันเพื่อควบคุมการทดลอง ตลอดจนทำงานร่วมกับนักวิจัยทั้งที่เป็นมนุษย์และ AI ด้วยกันเอง ตัวอย่างเช่น MatterGen และ MatterSim ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI ที่ช่วยเร่งการค้นพบวัสดุใหม่ๆ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเดิมหลายเท่า รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุสำหรับการดักจับคาร์บอน หรือแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงสำหรับพลังงานสะอาด หรือ Aurora โมเดล AI ของไมโครซอฟท์ที่คาดการณ์สภาพอากาศและเหตุการณ์ทางสิ่งแวดล้อมได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพยากรณ์น้ำท่วม และการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

5. โครงสร้างพื้นฐาน AI จะชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

การเติบโตของ AI จะไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนของดาต้าเซ็นเตอร์อีกต่อไป แต่จะเน้นการใช้พลังประมวลผลให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยระบบ AI ที่มีความยืดหยุ่นและกระจายตัวทั่วโลก ที่เรียกว่าโรงงานผลิต AI อัจฉริยะ หรือ  “superfactories” ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Analog Optical Computer (AOC) ซึ่งใช้แสงแทนอิเล็กทรอนิกส์ดิจิทัล แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเร่งการใช้เหตุผลของ AI และการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้วยพลังงานที่น้อยกว่าและรวดเร็วกว่า GPU ในปัจจุบัน

 

6. AI กำลังเรียนรู้ภาษาของโค้ดและบริบทเบื้องหลัง 

ปี 2569 จะนำมาซึ่ง “Repository Intelligence” ซึ่งหมายถึง AI ที่ไม่เพียงเข้าใจบรรทัดของโค้ด แต่ยังเข้าใจความสัมพันธ์และประวัติเบื้องหลัง จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างชาญฉลาด ตรวจจับข้อผิดพลาดได้เร็วขึ้น รวมถึงแก้ไขปัญหาที่พบเป็นประจำได้โดยอัตโนมัติ

 

7. ความก้าวหน้าในการประมวลผล

ควอนตัมคอมพิวติ้งกำลังเข้าสู่ยุคที่การพัฒนาจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่ปีแทนที่จะเป็นหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากการมาถึงของ Hybrid Computing ที่ผสานควอนตัมเข้ากับ AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะนำไปสู่ “Quantum Advantage” หรือความสามารถในการแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์คลาสสิกทำไม่ได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Majorana 1 ของไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นชิปควอนตัมตัวแรกที่ขับเคลื่อนด้วย Topological Qubits ซึ่งช่วยให้คิวบิตมีความเสถียรมากกว่าคิวบิตแบบดั้งเดิม

 

 

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย และตลาดใหม่ กล่าวว่า

“ในปี 2569 เราจะเห็น AI เข้ามามีบทบาทจริงในการปลดล็อกข้อจำกัดและสร้างโอกาสใหม่ๆ อย่างมหาศาล เป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ หนึ่งในเรื่องที่สำคัญคือความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ เราได้พัฒนา Aurora หนึ่งในนวัตกรรม AI ที่ช่วยยกระดับการพยากรณ์อากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงโมเดลตรวจจับน้ำท่วมโดยใช้ภาพเรดาร์จากดาวเทียมสำรวจโลกที่สามารถทะลุผ่านเมฆและทำงานได้แม้ในเวลากลางคืน ช่วยให้นักวิจัยสามารถทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสำคัญต่อการรับมือปัญหาน้ำท่วมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การติดตามและตอบสนองต่อภัยพิบัติจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเกษตรกร ปกป้องโครงสร้างพื้นฐาน และลดผลกระทบต่อชุมชน รวมถึงการพัฒนา AI เพื่อความยั่งยืน โครงการ MatterGen และMatterSim เพื่อค้นพบวัสดุใหม่ๆ สำหรับการดักจับคาร์บอนและพลังงานสะอาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า AI จะช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความรับผิดชอบและสร้างผลกระทบเชิงบวกที่เป็นประโยชน์กับทุกคนได้อย่างแท้จริง”

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์บทสนทนาบน Copilot ในปี 2025 แสดงให้เห็นว่า Copilot ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่กลายเป็น  “เพื่อนคู่คิดดิจิทัล” ที่ผู้คนใช้ในทุกบริบท ตั้งแต่การดูแลสุขภาพ การทำงาน ไปจนถึงการขอคำแนะนำเรื่องความสัมพันธ์ ข้อมูลจากกว่า 37.5 ล้านบทสนทนา1ชี้ว่าเทรนด์หลักคือการใช้ Copilot บนมือถือเพื่อสุขภาพ การค้นหาความรู้ และการขอคำปรึกษา โดยเฉพาะช่วงเวลาสำคัญ เช่น วันวาเลนไทน์ หรือยามดึกที่ผู้ใช้สนทนาเรื่องปรัชญาและศาสนา สิ่งนี้สะท้อนว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจมนุษย์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่ช่วยตัดสินใจและสร้างความมั่นใจในชีวิตประจำวัน

ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นว่าการมาถึงของ AI ในบทบาท ‘คู่คิด’ จะเป็นพลังสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของผู้คนและองค์กร ส่งเสริมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แก้ไขปัญหาที่ท้าทาย และสร้างโอกาสในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน การผสานรวม AI เข้ากับการทำงานและชีวิตประจำวันอย่างชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคต

 


อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 10 ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์จากนักวิจัยไมโครซอฟท์

1ระบบไม่เก็บข้อมูลส่วนบุคคล แต่ดึงเฉพาะสรุปบทสนทนาเพื่อระบุหัวข้อและเจตนา พร้อมรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่

[อ่าน 97]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โลกการบินสะเทือน! Riyadh Air เปิดยุคใหม่ของสายการบินที่ ‘เกิดมาพร้อม AI’
TUTTOFOOD 2026 เตรียมระเบิดความยิ่งใหญ่กลางมิลาน! คาดคนแห่ร่วมงานทะลุแสน – โอกาสทองผู้ประกอบการไทยบุกตลาดโลก!
สมการใหม่ของ Apple เบื้องหลัง iPhone ราคา 2,000 ดอลลาร์ และกลยุทธ์ในวันที่ตลาดอิ่มตัว
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved