Back to Top
เจาะลึก 10 เรื่อง “สามมิตร” ที่คนไทยยังไม่รู้
17 Oct 2019

 

หากเอ่ยชื่อ “สามมิตร”  หลายคนอาจจะพอคุ้นหู แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าสามมิตรดำเนินธุรกิจอะไร แต่สำหรับคนรุ่นราววัยกลางคนขึ้นไป คงจะคุ้นเคยกับ “หลังคาเหล็กสามมิตร” และความเป็นเจ้าพ่อรถบรรทุกรถพ่วง ซึ่งตลอดระยะเวลา 60 ปี กับการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยนั้น สามมิตร มีอีกหลายแง่มุมที่คนไทยอาจไม่เคยรู้  

 

 

1. สามมิตร แปลตรงตัวว่า มิตรสามคน

“สามมิตร” มาจากคำว่า 三 (ซัน) สาม ซึ่งเป็นภาษาจีน และ友 (โหย่ว) มิตร ซึ่งหมายถึง มิตรที่ดี 3 คน โดยคุณสุพจน์  โพธิ์ศิริสุข  และเพื่อนชาวไทยเชื้อสายจีนอีกสองคน ที่ได้ร่วมตัวเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน

“สามมิตร” 三友ยังพ้องกับคำในภาษาจีนซึ่ง หมายถึงต้นไม้มงคล 3 ต้น  ต้นสน ต้นบ๊วย และ ต้นไผ่ ตามความเชื่อแบบชาวจีนนั้นสื่อถึง ความอดทน ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญเติบโตอย่างมีคุณธรรม และคุณสุพจน์ ได้ฝากไว้ให้เป็นคำสอน และกลายมาเป็นวัฒนธรรมของชาวสามมิตร สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

2. สินค้าชิ้นแรกของสามมิตรคือแหนบ

จุดเริ่มต้นของการผลิตแหนบรถบรรทุก เกิดจากวิสัยทัศน์ของ คุณสุพจน์ โพธิ์ศิริสุข ผู้ก่อตั้งบริษัทสามมิตร ในปี 2502 ซึ่งขณะนั้นทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายขายให้กับ บริษัท สยามกลการ จำกัด  ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์นิสสัน ทำให้ทราบว่าตลาดมีความต้องการอะไหล่อย่างแหนบและสปริง  จึงมองเห็นโอกาสคิดพัฒนาแหนบรถยนต์ขึ้นเองเพื่อรองรับตลาดที่กำลังโต ด้วยความรู้ด้านช่างที่ติดตัวมาจากเมืองจีน และประสบการณ์ลองผิดลองถูกทดสอบคุณภาพกว่า 3 ปี จึงได้แหนบรถยนต์สำเร็จรูปที่ใช้งานได้จริงออกมาจำหน่าย ทำให้สามมิตรกลายเป็นบริษัทแรกของไทยที่ผลิตแหนบรถยนต์ได้เอง ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ จากนั้นคุณสุพจน์จึงเรียกตัว คุณ เชาว์ โพธิ์ศิริสุข ลูกชายในวัย 19 ในเวลานั้นมาจากเมืองจีน เพื่อมาช่วยกันดูแลธุรกิจจนเป็นผู้บริหารเจนเนอเรชั่น ที่ 2 ในเวลาต่อมา

 

 

3. ยืนที่หนึ่งเรื่องตัวถังรถบรรทุก

จากผู้ผลิตแหนบสามมิตรเล็งเห็นโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง โดยช่วงหลังสงครามเวียดนามประมาณ ปี 2508 อเมริกาเริ่มมีการลงทุนในประเทศไทย มีการเริ่มสร้างสาธารณูปโภค สนามบินสร้างถนน จึงเกิดความต้องการใช้รถดัมพ์ (dump) เป็นจำนวนมาก ในขณะที่รถดัมพ์ที่ทำจากเหล็กยังต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้สามมิตรตัดสินใจเลือกผลิตตัวถังเหล็กสำหรับรถดัมพ์ ประจวบเหมาะกับนโยบายของรัฐบาลที่มีจอมพลสฤษณ์ ธนะรัช เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุน และให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ ทำให้สามมิตรเติบโตอย่างรวดเร็ว และขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตตัวถัง (Body Maker) รายใหญ่ของประเทศ และยังรับจ้างผลิตตัวถังให้กับพาร์ทเนอร์ต่างชาติรายใหญ่ทั้งค่ายยุโรป ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ปัจจุบันผลิตตัวถังจำหน่ายออกไปแล้วกว่า 300,000 คัน  และล่าสุดยังเป็นเจ้าของนวัตกรรมเหล็กพิเศษ “ไฮ เทนไซล์ (Hi Tensile)” เจ้าเดียวในตลาด ที่ทำให้รถมีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น แต่น้ำหนักเบาลงอย่างมาก เช่น เซมิเทรลเลอร์ไฮเทนไซล์เหล็กพิเศษที่มีน้ำหนักเบากว่ารถคู่แข่งในตลาดถึง 2 ตัน

 

 

4. สามมิตรบุกจีนไม่ใช่เพื่อขายแต่เพื่อ supply chain

นอกเหนือจาก 8 โรงงานผลิตในประเทศแล้ว สามมิตรเป็นบริษัทไทยไม่กี่รายที่มีโรงงาน และฐานการผลิตที่ประเทศจีน ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เลือกเจาะตลาดจีน เพื่อมุ่งหวังนำสินค้าไปขาย เนื่องจากจำนวนประชากรและกำลังซื้อที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่สามมิตรเลือกที่จะใช้เป็นฐานการผลิต เพราะสามมิตรเล็งเห็นว่าจีนเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและนวัตกรรมของโลก จีนมีทรัพยากรที่หลากหลายทั้งเทคโนโลยี บุคลากร และโลหะวิทยาโดยเริ่มมีการลงทุนในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2535  ในด้าน R&D และ Supply Chain เพื่อเป็นฐานผลิตและส่งออกไปยังประเทศในแถบอาเซียน ซึ่งมีถึง 4 โรงงานในเมืองฉางชุน และ หนานจิง โดยใช้นวัตกรรมการผลิตแบบ Knock-down ชิ้นส่วน และส่งไปประกอบยังประเทศปลายทาง  ทำให้สามารถประหยัดเวลาและต้นทุนในการผลิตได้ สามมิตรเป็นบริษัทคนไทยหนึ่งในเพียงไม่กี่รายที่มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีน

 

 

5. จากผู้ผลิตแหนบรถยนต์ สู่ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของโลก

จากความสำเร็จในการผลิตแหนบรถยนต์ ทั้งรถปิคอัพ รถบรรทุก รถเทรลเลอร์ และรถหัวลาก รวมไปถึงตัวถังรถบรรทุกให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศแล้ว สามมิตรยังขยายสายการผลิตไปสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ระดับชั้นนำ (Tier One)ให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของโลกไม่ว่าจะเป็น Toyota,Hino, Isuzu และ อีกมากมาย โดยมีโรงงาน OEM ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรม     เกทเวย์  จังหวัดฉะเชิงเทรา

 

 

6. หลังคาเหล็กเจ้าเดียวในไทยและในโลกที่สามารถนำชิ้นส่วนไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด

หลังคาเหล็กรถปิคอัพ คืออีกหนึ่งโปรดักส์แชมเปี้ยนของสามมิตร แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้คือ ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ เลือกผลิตจากไฟเบอร์กลาส แต่สามมิตรฉีกตลาดด้วยการใช้ “เหล็ก” มาผลิตเป็นหลังคาโดยมีขั้นตอนการออกแบบการผลิตและการทดสอบเหมือนรถยนต์ ซึ่งนอกจากจะมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง รองรับแรงกระแทกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้ดีแล้วหลังคาเหล็กสามมิตร ยังสามารถ Recycle ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลังคาเหล็กสามมิตร ยังได้รางวัล Ron Wester Award ด้านThe Best Engineer Product จากประเทศสหรัฐอเมริกา และยังได้เครื่องหมายสินค้าฉลากเขียวจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยปัจจุบันหลังคาเหล็กสามมิตรส่งออกไปทั่วโลก และ เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ ซึ่งตั้งมาตรฐานสินค้าไว้สูง โดย ปัจจุบันตลาดต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และการรีไซเคิล ทำให้หลังคาเหล็กของสามมิตรได้รับการตอบรับดีในตลาดต่างประเทศ

 

7. ผู้พัฒนานวัตกรรมเพื่อเครื่องยนต์ CNG รายแรกของไทย

ในยุคเริ่มต้นที่ค่าน้ำมันพุ่งกระฉูด สามมิตร คือผู้นำด้านยานยนต์ดัดแปลง (pick up conversion) ทั้งเครื่องยนต์และบอดี้ เพื่อรองรับการใช้งานจากพลังงานทางเลือก เช่น เครื่องยนต์ CNG  ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน  โดยสามมิตรร่วมกับบริษัท ปตท จำกัด ( มหาชน) คิดค้นและพัฒนาระบบ CNG Vehicle เพื่อให้เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลสามารถทำงานได้ทั้ง 2 ระบบ คือ ทั้งน้ำมัน และ CNG 

 

นอกจากนี้ สามมิตร ยังเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียวที่ได้ร่วมพัฒนาระบบ CNG สำหรับยานยนต์ให้กับ บริษัท Toyota ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น และสามารถผลิตขายระดับ Mass Scale ในตลาด ในประเทศ

 

8.ผู้พัฒนารถขนส่งCNG Gas ไทยรายแรกร่วมกับบริษัท ปตท

รถยนต์ใช้แก๊สจะไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ถ้าไม่มีสถานนีเติมแก๊สการสร้างสาธารณูปโภคที่ต้องสามารถรองรับปริมาณการใช้แก๊สที่มหาศาลที่หลายๆประเทศใช้กันคือการวางท่อแก๊สแต่เนื่องด้วย

ระยะเวลาที่จำกัด อีกทั้งการลงทุนที่สูงมากสามมิตรได้รับความไว้วางใจจากปตทในการพัฒนารถพ่วง ขนส่ง CNG Gas

 

9. ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสามมิตรไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

กว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ในวันนี้ “สามมิตร” ต้องผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมานับครั้งไม่ถ้วน ในปี 2516-2517 ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตพลังงานน้ำมันระดับโลก ฉุดราคาน้ำมันไทยพุ่งขึ้น 3 เท่าตัว ดีมานด์การใช้รถตกต่ำสุดขีด จนต้องหยุดการผลิตหันไปผลิตสินค้าอื่นๆ เพื่อให้พนักงานอยู่รอด ด้วยการให้ทีมช่าง ทีมวิศวกร มาทำเครืองจักรกลการเกตร รถเกี่ยวนวดข้าว จานไถ ใบมีด ทำให้ดีมานด์สินค้าในด้านการเกษตรเพิ่มขึ้นมา มาในปี 2540  สามมิตรต้องเจอมรสุมลูกใหญ่อีกครั้งกับวิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้ต้องปิดโรงงานที่ร่วมทุนไว้ทั้งหมด เพื่อรักษาบริษัทแม่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ไว้ให้ได้ การแบกรับภาระหนี้นับพันล้านที่ทวีขึ้น เพราะบริษัทมีการกู้เงินเพื่อการลงทุน ทำอย่างไรจะอยู่รอดและหาทางออกจากวิกฤตนี้ให้สำเร็จ ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ วิธีคิดของ ดร.เชาว์ โพธิ์ศิริสุข ผู้นำทัพรุ่นที่2 คือต้องเก็บส่วนที่สำคัญที่สุดไว้ นั่นคือ “บุคลากร”ใช้ know how ของช่างบวกกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ต่อยอดไปสู่การพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ เช่น รับจ้างซ่อมรถขยะของกทม. ที่ไม่มีนโยบายซื้อรถใหม่ในช่วงวิกฤต ขอความร่วมมือพนักงาน ลดเวลาการทำงาน ลดเงินเดือน เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ และพนักงานอยู่รอด จากนั้นสามมิตรก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว

 

10. สามมิตรไม่ได้มีแค่รถบรรทุกรถพ่วงและหลังคาเหล็กรถปิคอัพ

แม้ปัจจุบันจะเป็นเบอร์ 1 ในสายการผลิต แต่สามมิตรก็มีผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบของ service & solutions platform อีกมากมาย อาทิ

1. ศูนย์บริการรถบรรทุกและรถพ่วง SMM PRO TRUCK ที่ให้บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกและรถพ่วงที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ

2.ในด้านอะไหล่รถบรรทุกและรถเทรเลอร์สามมิตรเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตแหนบรายแรกของประเทศมาวันนี้สามมิตรมีสินค้าอะไหล่สำหรับรถบรรทุกและรถเทรเลอร์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศอาทิระบบไฮดรอลิคสำหรับรถดัมพ์ ระบบช่วงล่างสำหรับรถเทรลเลอร์และอะไหล่คุณภาพอื่นๆ

3. สามมิตรยังต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้จากการเป็น Tier One ให้กับบริษัทยานยนต์ชั้นนำไปสู่ธุรกิจLogistic ด้านอื่นๆอีกอาทิสินค้าด้าน Ground Service Equipment ที่ใช้ในสนามบินเป็นต้น

4. บริการ Sammitr Smart Drive รถเพื่อการท่องเที่ยว  และ 5. Sammitr Smart Mobility - SSM Digital Platform ซึ่งจะเป็นแพลทฟอร์มที่จะเชื่อมโยงอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอนาคต เป็นต้น

 

ร่วมสัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์โลจิสติกส์แห่งอนาคต ผ่านประสบการณ์ตลอด 60 ปี ของสามมิตร และจับตาอนาคตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศ

 

ในงาน The Next Evolution of World Class Logistics Solution พบกับนิทรรศการด้านเทคโนโลยียานยนต์โลจิสติกส์แห่งอนาคต และงานฟอรั่ม ด้านยานยนต์โลจิสติกส์ ร่วมอัพเดทนวัตกรรม เทคโนโลยี พร้อมกับการแลกเปลี่ยนความรู้ของกูรูชั้นนำของวงการดิจิทัลและนวัตกรรมระบบโลจิสติกส์ยานยนต์ไทย ในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2562 เวลา 11.00 – 20.00 น. ณ อิมแพคเอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 9-10 เมืองทองธานี

สามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่เวลา 11.00 – 20.00 น. และลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟอรั่ม ช่วงบ่ายในเวลา 13.30-16.45 น.ได้ที่ https://www.eventpop.me/e/6863 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

[อ่าน 3,528]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Hyper-Personalization คือกุญแจสำคัญสู่อนาคตของการเติบโตและสร้างความสัมพันธ์สำหรับธุรกิจไทย
อย่าให้ฝนรั่ว เช็คบ้านให้ชัวร์ ก่อนต้องเสียเงินซ่อมซ้ำซาก
อดีตเด็กติดเกมสู่ตำรวจไซเบอร์ แชร์มุมมอง Cybercrime พร้อมหนุน True CyberSafe ปิดช่องอาชญากรรมออนไลน์
ผนังฉนวนกันความร้อนสำหรับห้องเย็น ต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้!
แชร์วิธีอยู่ทาวน์เฮ้าส์ให้แฮปปี้ ลดปัญหากระทบเพื่อนบ้าน
ตอบชัด ! ตรวจงานรับตกแต่งภายในบ้านหรูยังไงไม่ให้โดนหลอก ?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved