ชุมชนบ้านมดตะนอย ร่วมกับเอสซีจี และเครือข่ายผลักดันการจัดการขยะทะเลชายฝั่งในพื้นที่ชุมชนบ้านมดตะนอย ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตรัง จังหวัดตรัง ด้วยแนวทาง SCG Circular way “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก”
ศาณิต เกษสุวรรณ ที่ปรึกษาธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า“จากกรณีพะยูนมาเรียมถือเป็นการสูญเสียที่น่าสลดใจสำหรับทุกคน แต่ก็ช่วยสร้างการตื่นตัวให้คนไทยหลายภาคส่วนได้ใช้เหตุการณ์นี้มาสร้างพลังความร่วมมือที่จะช่วยกันแก้ปัญหาขยะทะเลอย่างจริงจัง เพราะเราทุกคนเป็นทั้งต้นเหตุที่ทำให้เกิดขยะและเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขยะ อีกทั้ง ยังส่งผลกระทบกับสัตว์ทะเล”
โดยจากสถิติของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ขยะพลาสติกเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สัตว์ทะเลเสียชีวิต ซึ่งประกอบด้วยของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ถุง ขวด ภาชนะใส่อาหาร โดยสัตว์ทะเลร้อยละ 2-3 จะเสียชีวิตจากการกลืนขยะ ขณะที่คนไทยกลับมีแนวโน้มการสร้างขยะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น กิจกรรม “Save Mariam’s Family ฟื้นคืนระบบนิเวศ ลดต้นเหตุขยะทะเล”ในครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องการจัดการขยะและผลกระทบของขยะที่มีต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นเวทีที่จะได้ระดมความคิดเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะจากทุกภาคส่วน
“เพราะเอสซีจีเชื่อว่า การบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเป็นหน้าที่ของทุกคน จึงได้มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนตั้งแต่ระดับชุมชนให้มีความตระหนักรู้และการจัดการขยะที่ถูกต้องตามแนวทาง“ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก”เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทาง SCG Circular way ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน”
โดยชุมชนบ้านมดตะนอยเป็นชุมชนหนึ่งที่ได้ร่วมกับเอสซีจีในการดูแลระบบนิเวศชายฝั่งทะเล และนับเป็นชุมชนชายฝั่งที่ตื่นตัวและเริ่มจัดการขยะด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับการรับรองจากกรมอนามัยให้เป็นหมู่บ้านปลอดโฟม ประจำปี 2559
ด้าน ณัฐวัฒน์ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้านมดตะนอย กล่าวว่า เมื่อปี 2557 ได้มีการตรวจสุขภาพของคนในชุมชนและพบว่ามีผู้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ทำให้ชุมชนเริ่มสนใจหาสาเหตุของการเกิดโรค โดยมีข้อสันนิษฐานว่า ปัจจัยการเกิดโรคน่าจะมาจากการใช้โฟมบรรจุอาหารเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนหันมาช่วยกันรณรงค์เลิกใช้โฟมอย่างจริงจัง
“ด้วยการที่เราเป็นชุมชนชายฝั่งทำให้ตระหนักดีว่า ขยะมีแหล่งที่มาทั้งจากกิจกรรมบนฝั่ง เช่น ขยะจากชุมชน ขยะบริเวณท่าเรือและการท่องเที่ยวบริเวณชายหาด และขยะจากกิจกรรมในทะเล เช่น การขนส่งทางทะเล การประมง และการท่องเที่ยวทางทะเล จึงได้เริ่มขยายแนวคิดไปสู่เรื่องการจัดการขยะชุมชนผ่านการรณรงค์ให้ ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง”
รวมถึงส่งเสริมให้แต่ละครัวเรือนคัดแยกขยะเป็น 4 ประเภท เพื่อนำไปสร้างมูลค่าและใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่
นอกจากนี้ชุมชนยังได้ต่อยอดสู่การพัฒนา “อวนดักขยะ” ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชุมชนเพื่อจัดการขยะไม่ให้ไหลลงคลองต้นทางก่อนไหลลงสู่ทะเล โดยจะใช้สำหรับการตักเก็บขยะช่วงน้ำขึ้นและเก็บกวาดขยะใต้ถุนช่วงน้ำลง
“จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมคือ ชุมชนสามารถลดขยะโฟมให้เป็นศูนย์ ลดขยะทั่วไปได้ร้อยละ 53 ลดขยะอินทรีย์ได้ร้อยละ 82 ลดขยะรีไซเคิลได้ร้อยละ 54 ลดขยะอันตรายได้ร้อยละ 34 และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ประมาณร้อยละ 30โดยชุมชนได้ตั้งเป้าว่าภายในปี 2565 บ้านมดตะนอยจะเป็นชุมชนปลอดขยะร้อยละ100 และพร้อมที่จะเป็นผู้แบ่งปันความรู้ แนวคิด และการปฏิบัติด้านการจัดการขยะให้ผู้สนใจต่อไป”
ด้าน ลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จังหวัดตรังได้ประกาศเป้าหมาย“การขับเคลื่อนตรังสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” โดยได้ร่วมกับเครือข่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน ผู้ประกอบการร้านค้าและการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนให้จังหวัดตรังก้าวสู่เป้าหมายการเป็นเมืองปลอดโฟมบรรจุอาหารและการลดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ผ่านการส่งเสริมการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนโฟมและพลาสติก รวมถึงการจัดการขยะเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่
“ชุมชนบ้านมดตะนอยเป็นความภาคภูมิใจของคนตรังและเป็นชุมชนต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะทะเลเป็นเรื่องของทุกคนที่สามารถทำได้ทันทีอีกทั้งยังมีการดูแลรักษาระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทะเลอย่างครบวงจรซึ่งเป็นไปตามนโยบายและแผนการสนับสนุนของจังหวัดตรังที่ต้องการให้ชุมชนชายฝั่งมีความเข้มแข็ง สามารถดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ เอสซีจี ยังได้ร่วมกับชุมชนบ้านมดตะนอย หน่วยงานจากภาครัฐ ดูแลระบบนิเวศและอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ด้วยการปลูกหญ้าทะเลที่เพาะพันธุ์ขึ้นเองจากภูมิปัญญาชุมชน ผนวกกับองค์ความรู้ที่ได้มาจากการศึกษาดูงานที่มูลนิธิอันดามัน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงปลากระชังบ้านพรุจูด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ตั้งแต่ปี 2559 จำนวน 21,000 ต้น ในพื้นที่ 18 ไร่ และปลูกป่าโกงกางอีก 3,700 ต้น ในพื้นที่ 28 ไร่
เพื่อลดภาวะโลกร้อนและช่วยให้ระบบนิเวศชายฝั่งกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงวางบ้านปลาที่หล่อขึ้นจากนวัตกรรมปูนเอสซีจีที่มีคุณสมบัติแข็งแรงทนทานและทนต่อซัลเฟตและคลอไรด์จากน้ำทะเล (ปูนคนใต้) จำนวน 670 หลัง ตั้งแต่ปี 2560 เพื่อใช้เป็นแหล่งอนุบาลสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เพื่อดูแลรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเลอย่างครบวงจรและยั่งยืน
ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ของเอสซีจีได้ที่ http://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel