ผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เร่งปรับตัวในยุคโลกป่วน ธุรกิจเปลี่ยน
12 Mar 2020

 

ทุกวันนี้ผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วตามข้อมูลข่าวสารออนไลน์ การพัฒนาทางเทคโนโลยี ตลอดจนกระแสโลกที่เกิดขึ้น จากกลุ่มผู้บริโภค ผู้ค้า ผู้ผลิตและสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่บีบบังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเพื่อให้ก้าวนำโลก และตามทันโลกได้ทุกวัน ผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับจึงต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ โดยแนวทางการปรับตัวมีดังนี้

 

1.การย้ายฐานการผลิต

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานนับปีส่งผลให้บริษัทที่มีฐานการผลิตในจีนทยอยย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีต้นทุนถูกกว่า อาทิ ไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก มีชื่อเสียงด้านฝีมือการเจียระไนเพชรและพลอยสีมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษและค่าจ้างแรงงานที่ยังสามารถแข่งขันได้ อินเดีย แรงงานมีทักษะ และประสบการณ์ในการตัด/เจียระไนเพชรและพลอยสี มีค่าจ้างแรงงานอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และการผลิตเครื่องประดับเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สำหรับ เวียดนาม มีแรงงานจำนวนมาก ค่าจ้างต่ำ แรงงานมีความขยันและมีทักษะฝีมือที่พัฒนาได้ เนื่องจากมีพื้นฐานจากการเป็นประเทศที่ผลิตเครื่องประดับทองด้วยมือ เมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลอยสีทั้งทับทิมและไพลินที่มีคุณภาพดีเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ส่วนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับกำลังอยู่ในช่วงเริ่มพัฒนา มีแรงงานจำนวนมากที่พร้อมทำงาน และมีค่าจ้างแรงงานต่ำ อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีแรงงานจำนวนมาก แรงงานมีทักษะฝีมือที่ดีแต่มีค่าจ้างแรงงานไม่สูงมากนัก อีกทั้งยังมีชื่อเสียงการเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับเงินชั้นดีของโลก ทั้งนี้ ประเทศดังกล่าวมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยให้สิทธิพิเศษเพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติในหลายด้าน จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาฐานการผลิตเครื่องประดับแห่งใหม่

 

2.การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและรับผิดชอบต่อสังคม

เป็นประเด็นที่ผู้บริโภครุ่นใหม่โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรปให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ผู้บริโภคเหล่านี้จะถามถึงแหล่งที่มาที่ไปของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงควรปรับตัวนำธุรกิจเข้าสู่ระบบที่ตรวจสอบเส้นทางของอัญมณีและเครื่องประดับได้ หรือ ซื้อ / นำเข้าวัตถุดิบและเครื่องประดับจากบริษัทที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ อาทิ บริษัทสมาชิกของ Responsible Jewellery Council เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีหลายหน่วยงานนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับ อัญมณีและเครื่องประดับได้ เช่น IBM ได้นำเทคโนโลยีระบบบล็อกเชนมาใช้ติดตามห่วงโซ่อุปทานเครื่องประดับ ส่วน De Beers ได้นำเทคโนโลยีระบบบล็อกเชนมาใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของเพชร และ Everledger ได้ร่วมมือกับ Gübelin และอีกหลายบริษัทพัฒนาระบบบล็อกเชน Provenance Proof เพื่อติดตามแหล่งที่มาของพลอยสี และเปิดให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายใช้งานแล้ว

 

 

3.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เริ่มถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เช่น 3D Printing เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาท และเป็นตัวช่วยในการผลิตเครื่องประดับตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย CNC Machining เป็นเทคโนโลยีการผลิตชิ้นงานโดยเครื่องจักรอัตโนมัติ ทำงานโดยใช้หัวกัด หรือดอกสว่านเพื่อสกัดเนื้อวัสดุออกจากบล็อกชิ้นงาน AI (Artificial Intelligence) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบันประกอบการในเกือบทุกอุตสาหกรรมได้นำ AI ไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ อาทิ บริษัท Sarine ได้ออกแบบเครื่อง  Sarine Clarity™ เพื่อการตรวจสอบความสะอาดของเพชรแบบอัตโนมัติ หรือ RockHer บริษัทผู้ผลิตแหวนหมั้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้นำ AI ชื่อว่า ROSI นักอัญมณีศาสตร์ดิจิทัล มาใช้ช่วยจัดหาเพชรที่เหมาะสม และดีที่สุดให้กับลูกค้าทางออนไลน์ และ SynthDetect เป็นเครื่องมือใหม่ล่าสุดที่คิดค้นผลิตโดย InternationalInstitute of Diamond Grading and Research (IIDGR) ใช้สำหรับตรวจสอบอัญมณีแบบเม็ดเดี่ยวและอัญมณีที่ติดอยู่บนตัวเรือนเครื่องประดับ เป็นต้น

 

 

4.การขายอัญมณีและเครื่องประดับออนไลน์

ผู้บริโภคยุคใหม่ นิยมซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไม่ว่ากิจการในธุรกิจไหนๆ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับก็ต้องก้าวเข้ามาสู่โลก E-Commerce กันทั้งนั้น ทั้งนี้ Orbis Research ประมาณการว่าในช่วงปี 2018-2022 ตลาดเครื่องประดับออนไลน์ของโลกจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15.69% ทั้งนี้ รูปแบบการขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันมีทั้งแบบการเปิดร้านค้าออนไลน์ของตนเอง หรือวางขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-Commerce โดยแพลตฟอร์มสำหรับขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ

ที่สำคัญ อาทิ ETSY เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะสำหรับเครื่องประดับทำด้วยมือ,The Wanelo Shopify เป็นแอพลิเคชั่น E-commerce บนมือถือ, BigCommerce เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, TrueFacet เป็นแพลตฟอร์มสำหรับขายสินค้าใช้แล้วหรือสินค้ามือสอง และ eBay เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมมากในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการขายแบบ Live Stream ซึ่งเริ่มนิยมมากในจีนและไทย โดยผู้ขายจะขายสินค้าแบบ Live สดผ่านเว็บไซต์E-commerce ที่มีฟังก์ชั่น Live Stream อย่าง TAOBAO หรือ Facebookและผู้ค้าหลายรายก็เริ่มขายสินค้าผ่านการทำคลิปวีดีโอสั้นๆ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของสินค้าอย่าง IG Stories หรือการวางขายสินค้าผ่านสื่อ Social Media ต่างๆ

 

 

5.การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมักค้นหาข้อมูลของสินค้าทางออนไลน์ก่อนการตัดสินใจซื้อ และยังคาดหวังการโต้ตอบอย่างทันท่วงทีจากร้านค้า การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการแบ่งปันข้อมูลเนื้อหารายวัน การประกาศข้อเสนอพิเศษ และข่าวสารสำคัญต่างๆเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่น รวมถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ และโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างทันที โดยสื่อสังคมออนไลน์ที่นิยมใช้ทำตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และ Pinterest ทั้งนี้ ควรเลือกโพสต์ข้อมูลในช่วงที่คนมีแนวโน้มจะตอบสนองมากที่สุดเช่น ใน Facebook ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงที่ผู้ใช้งานมีปฏิกิริยาตอบสนองสูงสุด เป็นต้น

ทั้งนี้ แบรนด์เครื่องประดับตั้งแต่รายเล็ก ไปจนถึงรายใหญ่หันมาทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น แบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดช่องทางนี้ อาทิ BVLGARI แบรนด์เครื่องประดับหรูที่ออกแคมเปญผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Instagram มียอดผู้ติดตามถึง 8.4 ล้านคน และ Facebook มีผู้ติดตาม 3.40 ล้านคน เป็นต้น

 

 

6.การร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ

ภายใต้ภาวะการแข่งขันสูงในปัจจุบัน อาจทำให้การดำเนินธุรกิจเพียงลำพังประสบความสำเร็จได้ยาก ผู้ประกอบการ จึงเริ่มใช้กลยุทธ์ ทำความร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งอาจเป็นพันธมิตรข้ามธุรกิจ เพื่อนำมาเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน ดังเช่นกรณีบริษัท QVC ผู้ค้าปลีกที่มีหลายแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ไม่ได้ผลิตสินค้าด้วยตนเอง แต่เป็นผู้จัดหาสินค้าต่างๆ รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับจากผู้ผลิตมาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของบริษัทหรือการเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานหรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เช่น หน่วยงานเพื่อสังคม หรือภาคการศึกษา โดยการจัดทำโครงการช่วยเหลือสังคม หรือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจมาก อาทิ Pandora แบรนด์เครื่องประดับเงินชั้นนำของโลก ได้ร่วมมือกับ UNICEF ในโครงการระดมทุนช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากภัยต่างๆ ทั่วโลก เพื่อส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็ก ให้เด็กทุกคนมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี ตลอดจนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ

 

นอกจากผู้ประกอบการและ / หรือ กิจการจะต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดโดยอาศัยทางเลือกดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในส่วนของบุคลากรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน เพราะสภาพงานและทักษะแรงงานจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต เนื่องจากจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับมากขึ้น คนทำงานในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องมี ทักษะชุดใหม่ นั่นคือ ทักษะของการทำงานร่วมกับเครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดังนั้น หากแรงงานต้องการอยู่ในอุตสาหกรรมต่อไป จำเป็นต้องเรียนรู้พัฒนาทักษะในการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น

 

จากความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเกิดมากขึ้นอีกในอนาคต การปรับตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นทางออกที่ไม่ว่าธุรกิจไหนหรือแรงงานคนใดก็ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งหากไม่เริ่มปรับตัวตั้งแต่บัดนี้ ก็จะหยุดอยู่กับที่ และก็จะถดถอยลงจนถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้ในที่สุด

 


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

 

[อ่าน 4,332]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved