SMEs Pro-active ดันเครื่องประดับไทยตีตลาด “อเมริกา”
13 Mar 2020

 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สบช่องตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเมืองลุงแซมโตทะลุกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 หนุนผู้ประกอบการไทยชิงโอกาสรุกตลาด เจาะกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล มั่นใจหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีช่วงปลายปีกำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น เร่งส่งเสริมผู้ประกอบการไทยร่วมโครงการ “SMEs Pro-active”เ พื่อสร้างโอกาสการค้าและเครือข่ายธุรกิจ สมัครด่วนตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 20 เม.ย.63

 

สมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า

ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นผู้ส่งออกเครื่องประดับรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโลกมีมูลค่าส่งออกปีละกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็พบว่ามีความต้องการนำเข้าในปริมาณสูง ทั้งเพื่อการบริโภคสำหรับผู้บริโภคภายในประเทศ การแปรรูปและประกอบเพื่อส่งออก รวมถึงการส่งออกต่อ (Reexporting)โดยมีการนำเข้าสูงสุดจากประเทศอินเดีย ร้อยละ 19.77 รองลงมา ได้แก่ อิสราเอล ร้อยละ 12.68 เม็กซิโก ร้อยละ 9.20 แคนาดา ร้อยละ 9.10 แอฟริกาใต้ ร้อยละ 6.07 จีน ร้อยละ 4.84 เบลเยียม ร้อยละ 4.31 รัสเซีย ร้อยละ 3.51 เยอรมนี ร้อยละ 2.95 และอิตาลี ร้อยละ 2.57 ตามลำดับ

ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยนั้นมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าเครื่องประดับไปยังสหรัฐอเมริกา เป็นมูลค่า 932.28 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.01 ของมูลค่านำเข้าสินค้าเครื่องประดับทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าเครื่องประดับศักยภาพของไทยในตลาดสหรัฐอเมริกา ได้แก่ สินค้าเครื่องประดับมีตัวเรือน พลอยสี เครื่องประดับเทียม อัญมณีและไข่มุก และเพชร ตามลำดับ

 

ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.)ณ เมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุเพิ่มเติมว่า ตลาดค้าปลีกสินค้าเครื่องประดับในสหรัฐอเมริกาในปี 2562 แบ่งเป็นยอดจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับจากอัญมณีและโลหะมีค่าแท้ (Fine Jewelry) เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 85.21 ส่วนที่เหลือร้อยละ 14.79 หรือมูลค่า 1.24 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นยอดค้าปลีกสินค้าเครื่องประดับเทียม (Costume Jewelry) โดยคาดว่ามูลค่าการค้าปลีกสินค้าเครื่องประดับในสหรัฐอเมริกาจะยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 8.14 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณร้อยละ 3 ต่อปี

 

 

นายสมเด็จ กล่าวต่อไปว่า หากพิจารณาจากแนวโน้มยอดจำหน่ายปลีกสินค้าเครื่องประดับ ในตลาดสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 2548–2567 แล้ว โดยรวมยังถือว่าสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพสูง อีกทั้งยังมีอัตราการขยายตัวของตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกือบทุกปี ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายตลาดการค้า และส่งออกได้อีกมาก โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในอนาคต ทั้งยังเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับในตลาดสหรัฐอเมริกา ตลอดจนมีช่องทางการค้าออนไลน์ใหม่ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในตลาด

ขณะเดียวกันราคาสินค้าเครื่องประดับจริงที่ค่อนข้างสูงทำให้ผู้บริโภคในตลาดสนใจเครื่องประดับเทียมตามกระแสแฟชั่นนิยมที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วซึ่งมีระดับราคาจำหน่ายปลีกในตลาดที่ต่ำกว่า ประกอบกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักในสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มสนใจบริโภคสินค้าสินค้าเครื่องประดับประเภทใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากขึ้น เช่น เครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติ เครื่องประดับเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และเครื่องประดับสำหรับผู้ออกกำลังกาย เป็นต้น

นอกจากนี้ ในปี 2563 ยังคาดว่าแนวโน้มสถานการณ์ทางด้านการค้าและการลงทุนในสหรัฐอเมริกาน่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายปี ซึ่งน่าจะมีส่วนกระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งรวมถึงสินค้าเครื่องประดับมีมากขึ้น

 

 

การจัด “โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” หรือ SMEs Pro-active ของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้าโดยการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติทีสหรัฐอเมริกานั้น มีงานแสดงสินค้าเครื่องประดับที่น่าสนใจหลายงานไม่ว่าจะเป็น ASD Market Week ที่ลาสเวกัส, GJX SHOW ที่ทูซอน และ JA New York Spring  จากกว่า 42 งานทั่วโลก

โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจรวมถึงกิจกรรมนําเสนอผลงานและอื่นๆแล้ว ยังจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 2 แสนบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าพื้นที่ ค่าคูหา ค่าประกันภัยในงาน ค่าประชาสัมพันธ์ และค่าเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย

 

ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์โครงการเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์โครงการ https://smesproactive.ditp.go.th/

หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0 2507 7783 และ 0 2507 7786

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน 2563

[อ่าน 1,137]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยูนิโคล่ สนับสนุนทัวร์นิทรรศการ KAWS + Warhol พร้อมจัดแสดงครั้งแรกที่พิตต์สเบิร์ก
คาร์เทียร์จัดนิทรรศการ Crystallization of Time พร้อมการเรียบเรียงใหม่บนพื้นที่ใหม่
SiteMinder สานต่อความร่วมมือกับ Trip.com ตอบรับการฟื้นตัวของตลาดการท่องเที่ยวของจีน
มงต้องลงแล้ว Miss AI เวทีประกวดนางงามจาก AI ครั้งแรกของโลก!
‘Digital Art Toy’ ภาคต่อที่เพิ่มมูลค่าให้กับ ‘ของเล่นศิลปะ’
พบความเชื่อมโยง แพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลก
กับเหตุสังหารหมู่โลมา เมืองไทจิ ประเทศญี่ปุ่น
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved