แผนงานระดับโลกด้านมนุษยธรรมเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 COVID-19 Global Humanitarian Response Plan
26 Mar 2020

องค์การสหประชาชาติ ระบุ แนวทางและแผนงานระดับโลกเป็นสิ่งจำเป็นในการต่อสู้กับโควิด–19

  • รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติ เตือนว่า หากไม่ช่วยประเทศที่เปราะบางรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประชากรหลายล้านคนอาจจะจะตกอยู่ในความเสี่ยง และไวรัสอาจจะระบาดไปรอบโลก
  • องค์การสหประชาชาติประกาศแผนงานด้านมนุษยธรรมเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19ใน 51 ประเทศในทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งจะใช้เงินทุนราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 65,000 ล้านบาท)
  • องค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกสนับสนุนแผนงานนี้อย่างจริงจัง โดยยังคงสนับสนุนเงินทุนในแผนงานด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่

 


25 มีนาคม 2563 - นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ประกาศแผนงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งจะดำเนินการในประเทศที่เปราะบางทั่วโลก เพื่อปกป้องประชากรหลายล้านคนจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และป้องกันไม่ให้ไวรัสนี้กระจายไปทั่วทั้งโลก โดยจะใช้เงินทุนราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 65,000 ล้านบาท)

 

ขณะนี้โรคโควิด–19 ได้คร่าชีวิตประชากรกว่า 16,000 คนทั่วโลกและมีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 400,000 รายโดยไวรัสได้กระจายไปทั่วโลกและกำลังแพร่ไปสู่ประเทศต่างๆ ซึ่งเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมอยู่ก่อนแล้ว อันเป็นผลมาจากการสู้รบ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

 

แผนงานด้านมนุษยธรรมครั้งนี้ จะดำเนินงานโดยหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนในระดับนานาชาติ และกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนเป็นผู้ปฏิบัติงานหลัก ซึ่งบทบาทดังกล่าว ได้แก่

 

  • การจัดส่งเครื่องมือและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับห้องแล็บเพื่อใช้ตรวจหาเชื้อไวรัส ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย
  • การติดตั้งที่ล้างมือในค่ายผู้ลี้ภัยและศูนย์พักพิงชั่วคราว
  • การรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันตนเองและผู้อื่นจากไวรัส และ
  • การจัดตั้งศูนย์และเส้นทางส่งความช่วยเหลือทางอากาศ ทั่วทวีปแอฟริกา เอเชียและละตินอเมริกา เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่และสิ่งของจำเป็นไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด

 

นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า “โรคโควิด-19 กำลังเป็นภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ ฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องร่วมกันต่อสู้กับภัยครั้งนี้ การรับมือของประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพังนั้นไม่เพียงพอ เราต้องให้ความช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอและเปราะบางที่สุด ซึ่งมีมากมายหลายล้านคนที่ไม่อาจปกป้องตนเองได้ นี่เป็นเรื่องมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือกับไวรัส และนี่คือเวลาที่เราต้องยื่นมือไปช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง”

 

นายมาร์ค โลคอค รองเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า “ขณะที่ประชากรในหลายประเทศที่ร่ำรวยที่สุดกำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ตอนนี้ไวรัสกำลังแพร่มาสู่พื้นที่ที่ประชากรอาศัยอยู่ในเขตที่มีการสู้รบ ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดหรือสบู่ได้โดยง่าย และไม่มีหวังที่จะมีแม้แต่เตียงสักเตียงที่จะรองรับหากพวกเขาเจ็บป่วยรุนแรง การทอดทิ้งให้ประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ยากจนที่สุดและเปราะบางที่สุดเผชิญชะตากรรมนี้เป็นสิ่งที่เป็นโหดร้ายและเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดนัก การปล่อยให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่กระจายอย่างอิสระในพื้นที่เหล่านี้จะทำให้ประชาชนหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง ทั่วภูมิภาคจะเกิดความโกลาหล และจะทำให้ไวรัสสามารถกลับมาแพร่ระบาดได้อีกทั่วทั้งโลก

 

การที่ประเทศต่างๆ ให้ความสำคัญกับประชากรของตนก่อนไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ความจริงที่เจ็บปวดก็คือ ประเทศต่างๆ จะไม่สามารถปกป้องประชากรของตนเองได้เลย หากไม่ช่วยเหลือประเทศที่ยากจนที่สุดให้สามารถปกป้องประชากรของพวกเขาอย่างเร่งด่วนในตอนนี้

 

ภารกิจสำคัญที่สุดของเราตอนนี้ก็คือการช่วยให้ประเทศเหล่านั้นสามารถเตรียมพร้อมและให้ความช่วยเหลือประชากรหลายล้านคนที่กำลังพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากองค์การสหประชาชาติเพื่อมีชีวิตอยู่รอด การรับมือในระดับโลกด้วยเงินทุนที่เพียงพอจะช่วยให้หน่วยงานต่างๆ มีเครื่องมือในการต่อสู้กับไวรัส และสามารถช่วยชีวิตผู้คนและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกได้”

 

ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส เลขาธิการใหญ่ องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า “ไวรัสนี้กำลังแพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ระบบสาธารณสุขอ่อนแอ หลายประเทศกำลังเผชิญวิกฤตด้านมนุษยธรรมอยู่ก่อนแล้ว ประเทศเหล่านี้ต้องการการสนับสนุนจากเราอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อปกป้องเราทุกคนและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค ในขณะเดียวกัน เราไม่ควรต่อสู้กับการแพร่ระบาดครั้งนี้โดยละเลยปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในภาวะวิกฤตเช่นกัน”

 

นางเฮนเรียตตา โฟร์ ผู้อำนวยการบริหาร องค์การยูนิเซฟ กล่าวว่า “เด็กคือเหยื่อที่มองไม่เห็นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ การกักตัวและการปิดโรงเรียนส่งผลกระทบต่อการศึกษา สภาพจิตใจ และการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานของเด็กๆ  นอกจากนี้ เด็กๆ ทั้งชายเละหญิง ต่างมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อการถูกแสวงประโยชน์และการถูกล่วงละเมิด ในขณะที่เด็กผู้อพยพและเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ขัดแย้งอาจต้องเผชิญผลกระทบรุนแรงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”

 

เลขาธิการสหประชาชาติได้แถลงแผนงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ครั้งนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์  โดยมีนายมาร์ค โลคอค ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส และนางเฮนเรียตตา โฟร์ ร่วมแถลงผ่านวิดีโอ ทั้งหมดเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกร่วมมือกันลดผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่เปราะบาง และยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสทั่วโลก ซึ่งทำได้โดยสนับสนุนแผนงานของสหประชาชาติครั้งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับยังคงให้การสนับสนุนภารกิจด้านมนุษยธรรมด้านอื่นๆ ของสหประชาชาติที่กำลังดำเนินอยู่สำหรับประชากรกว่า 100 ล้านคนต่อไป

 

องค์การสหประชาชาติยังเตือนด้วยว่า หากประเทศสมาชิกโยกย้ายเงินสนับสนุนจากภารกิจด้านมนุษยธรรมอื่นๆ อาจทำให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ตามมา เช่น การแพร่ระบาดของโรคท้องร่วง โรคหัด และไข้สันหลังอักเสบ  หรือทำให้จำนวนเด็กที่ประสบภาวะขาดสารอาหารเพิ่มขึ้น หรือส่งผลให้ผู้ก่อความไม่สงบยึดครองพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รุนแรงขึ้น

 

ในการเริ่มดำเนินแผนงานของสหประชาชาติครั้งนี้ นายโลว์คอค ได้อนุมัติเงินทุนเพิ่มเติมจำนวน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2 พันล้านบาท) จากกองทุนกลางฉุกเฉินของสหประชาชาติ UN’s Central Emergency Response Fund (CERF) ซึ่งทำให้ ณ ขณะนี้ การสนับสนุนจากกองทุน CERF เพื่อรับมือกับโควิด-19 มีจำนวนทั้งสิ้น 75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.5 พันล้านบาท) นอกจากนี้ ยังมีเงินทุนจัดสรรจากกองทุนของประเทศต่างๆ อีก 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 98 ล้านบาท)

 

 

เงินทุนจาก CERF ครั้งนี้ ซึ่งเป็นก้อนใหญ่ที่สุดที่ CERF เคยจัดสรร จะนำไปสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ เช่น สนับสนุนโครงการอาหารโลกจัดส่งสิ่งของจำเป็นและเจ้าหน้าที่; สนับสนุนองค์การอนามัยโลกยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค และสนับสนุนหน่วยงานสหประชาชาติอื่นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและปกป้องผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงเด็ก สตรี ผู้ลี้ภัย และผู้พลัดถิ่นในประเทศ ทั้งในด้านอาหาร การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ น้ำและสุขอนามัย ตลอดจนโภชนาการและการปกป้องคุ้มครอง

 

[อ่าน 1,812]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved