เจษฎา อุดมถิรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด

ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินซีกำลังมาแรงและคึกคักอย่างมาก มีผู้เล่นหลายรายเข้ามาลงสนามกันสนุกและกินส่วนแบ่งตลาด Functional Drink ไปแล้วถึง 40% ของมูลค่าตลาดรวม 2,718 ล้านบาทในปี 2562 และจะเป็น 2,993 ล้านบาทในปีนี้ ล่าสุด ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ผู้นำตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินเปิดตัวเครื่องดื่ม 'ยันฮี วิตามิน ซี วอเตอร์' (Yanhee Vitamin C Water) ด้วยจุดขายทั้งวิตามินซี 200% ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมสมุนไพรสกัด ให้ความสดชื่น ดับกระหาย เจาะตลาดคนรักษ์สุขภาพ จากเดิมที่ออก 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' เครื่องดื่มผสมวิตามินบี ที่ทำตลาดมานานจากการขายในช่วงแรกเฉพาะที่โรงพยาบาลยันฮี นับแต่ปี 2557 ตามคำเรียกร้องของคนไข้ที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาล

ความคึกคักของตลาด Super Water ทำให้เซ็กเมนต์ของเครื่องดื่มนี้เริ่มมีการออกอาวุธและกว่าจะถึงสิ้นปี คาดว่าจะมีผู้เล่นเข้ามาเติมในตลาดอีกหลายราย ในฐานะที่ 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' เป็น Pioneer Brand นั้นจะรับมืออย่างไรและมีความแตกต่างจากผู้เล่นอย่างอื่นอย่างไร จึงยืนหนึ่งมาได้ตั้งแต่ยุคที่คนไทยยังไม่มี Health Conscious ถึงเพียงนี้ เจษฎา อุดมถิรพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด มาร่วมไขความกระจ่างในครั้งนี้

Passion ของ 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' ในฐานะที่เป็น Pioneer Brand คืออะไร

ก่อนอื่น ต้องบอกว่า ที่มาของ 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' ตั้งแต่แรกเริ่มมาจากการที่โรงพยาบาลยันฮี ซึ่งเป็นธุรกิจทางด้านการแพทย์และเป็นบริษัทแม่ ต้องการให้คนไข้บริโภควิตามินเสริมทั้งวิตามินบีและซี เพื่อบำรุงประสาทและสมอง แต่เนื่องจากวิตามินเสริมมีขนาดใหญ่ ทำให้คนไข้ไม่อยากบริโภค ทางโรงพยาบาลจึงได้ทำเครื่องดื่มผสมวิตามินให้ดื่มแทน เพราะเครื่องดื่มผสมวิตามิน หรือ วิตามิน วอเตอร์นี้ไม่มีน้ำตาล ไม่มีรส และเหมือนการดื่มน้ำเปล่า คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการบริโภคน้ำตาล สำหรับคนที่ต้องคุมปริมาณน้ำตาล ซึ่งภายหลังคนไข้อยากซื้อกลับไปดื่มที่บ้าน ทำให้ในช่วงแรก 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' ขายเฉพาะที่โรงพยาบาลก่อน จากนั้นจึงเข้าตลาด Traditional Trade และจนถึงปัจจุบันจึงได้ขยายสู่โมเดิร์นเทรดด้วย

นพ.สรรพสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด 

สำหรับการทำตลาดและการสื่อสารการตลาดของ ยันฮี วิตามินวอเตอร์ นั้นได้ยึดแนวทางของ นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาล โรงพยาบาลยันฮีโรงพยาบาลยันฮี และ แนวทาง นพ.สรรพสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด ซึ่งต้องการผลิต 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' ภายใต้แนวคิดของ ‘แพทย์’ ที่ห่วงใยและอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการทานอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนตามคำแนะนำ ซึ่งโภชนาการเหล่านั้นจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่น ไม่เจ็บป่วย  มีคุณสมบัติบำรุงประสาทและสมอง

ในปี 2557 ที่ผลิตออกมา ตอนนั้นเทรนด์รักษ์สุขภาพเป็นอย่างไร

เรียกได้ว่า เกิดเทรนด์นี้มากขึ้น แต่เป็นเทรนด์เชิงภาพลักษณ์มากกว่า  แตกต่างกับยุคหลังๆ โดยเฉพาะยุค PM 2.5 และยุคโควิด-19 ที่ปลุกกระแสและสำนึกรักษ์สุขภาพเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่ผ่านมา ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทำให้สามารถเติบโตได้เกินความคาดหมาย โดยเฉพาะสถานการณ์ โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ทำให้ผู้บริโภคปรับตัวกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตนเองเพิ่มมากขึ้น

ทำไมต้องเลือก 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' ในเมื่อมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายแบรนด์ในขณะนี้

ถ้าเทียบความแตกต่างก็ต้องบอกว่า 'ยันฮี วิตามิน วอเตอร์' มีพื้นฐาน (Base) เป็นน้ำผสมวิตามิน คล้ายน้ำเปล่า เราไม่ได้ใส่รสชาติ และไม่มีน้ำตาล วัตถุประสงค์ของการผลิตที่ต้องย้ำคือ เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ถือเป็นเครื่องดื่มที่เป็นเซ็กเมนต์ใหม่ จาก Base ที่เสมือนน้ำเปล่าทำให้ดื่มได้ปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล แต่เนื่องจากผสมวิตามิน จึงถูกเรียกว่าเป็นเครื่องดื่ม ซึ่งตรงนี้ ต้องบอกว่า เราไม่ใช่ Functional Drink เนื่องจาก Functional Drink จะเป็นเครื่องดื่มที่มีการแต่งเติมรสชาติ มีน้ำตาล ซึ่งทำให้หลังการดื่มเกิดความรู้สึกสดชื่นในระยะสั้นๆ แต่ก็จะทำให้มีคำถามต่อได้ว่า ดื่มแล้วสุขภาพดีจริงหรือเปล่า เพราะมีน้ำตาล

'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' ออกช้าไปหรือเปล่า แตกต่างจากเครื่องดื่มวิตามินซีที่ขายอยู่อย่างไร     

ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินในปีนี้เริ่มมีความคึกคัก เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายเริ่มออกสินค้าเข้าในเซ็กเมนต์นี้กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มที่มีความใส ไม่เจือสี และให้ความสดชื่น ดับกระหายได้เหมือนน้ำดื่ม แต่ได้คุณค่าจากวิตามินมากกว่าน้ำดื่มทั่วไป ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และคาดว่า ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินปี 2563 นี้ คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าน่าจะเติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก

อย่างไรก็ตาม การจะออกสินค้าช้าหรือเร็ว หรือการแข่งขันในภาพรวมของตลาดจะเข้มข้นอย่างไรนั้น การทำตลาดของเราก็ยังเป็นไปแบบไม่หวือหวา (Moderate) เนื่องจากบริษัทแม่ของเรามาจากฐานโรงพยาบาลและเราแข่งกับตัวเราเองมากกว่า 

สำหรับ 'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' ที่เปิดตัวมาล่าสุดเป็นน้ำดื่มผสมวิตามินซี 200% ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และสมุนไพรสกัดจากธรรมชาติที่ให้ความสดชื่น ดับกระหาย  ซึ่งวิตามินซีในหลักการของแพทย์ เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ แต่ได้รับจากการรับประทานเข้าไป อีกทั้งเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ในด้านสุขภาพหลายอย่างเช่น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง ทำให้ไม่ป่วยหรือเป็นหวัดได้ง่ายเพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย และเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ เสริมสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวพรรณดูสดใสไม่แห้งกร้านอีกด้วย

มีแผนทำตลาด 'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' อย่างไร

เราก็ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน ด้วยการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง พร้อมวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ชูจุดเด่นของ 'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' ให้เป็นที่รู้จัก และให้เกิดการยอมรับจากผู้บริโภคในวงกว้าง

สำหรับการทำตลาดช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเน้นสร้างการรับรู้ 'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' ผ่านกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ทั้งในสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องและให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ชองกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัยที่ใส่ใจรักษ์สุขภาพ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เราจะโฟกัสเป็นพิเศษกับคอนเทนต์แบบ Mass Personalization ที่มีลักษณะเจาะจงในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการรับสื่อของผู้บริโภคที่มีความแตกต่างกันออกไป

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทจะเน้นการจัดจำหน่ายทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรด และช่องทางแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกและมีไว้เป็นเครื่องดื่มดูแลสุขภาพประจำบ้าน   

มองอนาคตของตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินอย่างไร

ตอนนี้สถานการณ์การแข่งขันก็คึกคึกขึ้นแล้ว เชื่อว่าถึงสิ้นปีน่าจะมีผู้เล่นในตลาดรวมประมาณ 4-5 ราย แม้เราจะเป็นแบรนด์ผู้บุกบิก (Pioneer Brand) ของตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินมาตั้งแต่ปี 2557 ก็ตาม แต่เราไม่ได้ตั้งเป้าจะมาปั่นตลาดเนื่องจาก 'ยันฮี วิตามินซี วอเตอร์' ต้องการที่จะทำให้คนไข้และผู้บริโภคมีสุขภาพแข็งแรงเท่านั้น

ที่สำคัญ เราจะไม่ลงไปเล่นกับกลยุทธ์ราคาอย่างแน่นอน สำหรับโครงสร้างราคาขายปลีกที่วางไว้ ณ ราคา 17 บาท นั้นเป็นราคาที่อยู่ระหว่างโครงสร้างราคาของเครื่องดื่มที่ขายกันทั่วไปในราคา 15 บาทแล้ว 20 บาทนั้นก็ถือเป็นการเปิดสนามใหม่ แม้แบรนด์ใหม่ๆ ที่เข้ามาจะวางราคาที่ 15 บาท

มีแผนจะออกสินค้าใหม่ๆ ในปีกของความงามหรือไม่          

เป็นเรื่องของอนาคต ขณะนี้เครื่องดื่มที่เรามีอยู่ในซีกของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเสริมเสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อความสดชื่นส่วนเครื่องดื่มเพื่อความงามยังไม่แน่แต่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากฐานของบริษัทแม่เป็นโรงพยาบาลเพียงแต่ต้องเข้าใจว่า การดื่มเครื่องดื่มแล้วสวยเลยนั้นไม่มีและไม่ใช่เราแน่ๆ เพราะการซื้อเครื่องดื่มที่ดื่มแล้วสวยเห็นผลทันทีทันใดนั้นเป็น Proof of Purchase ซึ่งพิสูจน์ยาก มากๆ