อาลีบาบา เปิดตัวโรงงานผลิตแบบดิจิทัลใหม่ล่าสุด โมเดลนำร่องที่ใช้ระบบคลาวด์อัจฉริยะ
18 Sep 2020

 

อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เปิดตัวโมเดล New Manufacturing หรือระบบการผลิตแบบใหม่ เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งเปิดตัว “โรงงานดิจิทัลชุนฉี” (Xunxi) ที่ติดตั้งโมเดลนี้

 

โรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ในเมืองหังโจวและใช้โครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลคลาวด์และอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) ของอาลีบาบา ซึ่งมีระบบซัพพลายเชนในกระบวนการผลิตที่เป็นดิจิทัล ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนตามปริมาณการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านปริมาณทำให้ธุรกิจ และผู้ผลิตโดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีและเร็วขึ้น รวมทั้งคว้าโอกาสในตลาดการผลิตของจีนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 30 ล้านล้านหยวน[1] (มากกว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 124 ล้านล้านบาท)

 

 

อลัน วู ซีอีโอ บริษัท ชุนฉี ดิจิทัล เทคโนโลยี ของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ดาต้า หรือข้อมูล เป็นหัวใจสำคัญของ New Manufacturing เพราะความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากขึ้น และมองหาสินค้าเฉพาะบุคคล มากกว่าสินค้าที่ผลิตครั้งละมากๆ อย่างในอดีต โมเดล New Manufacturing จะช่วยเหลือผู้ผลิตแบบดั้งเดิมให้สามารถใช้โมเดลการผลิตที่ยืดหยุ่นตามความต้องการซื้อได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูล ทำให้ผู้ผลิตแบบดั้งเดิมสามารถทำกำไรและบริหารจัดการจำนวนสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการแบบเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคได้”

 

การเปิดตัว New Manufacturing เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลยุทธ์ “Five New” หรือความใหม่ 5 ประการของอาลีบาบา ที่ผู้ก่อตั้งคือแจ็ค หม่า เคยประกาศเอาไว้เมื่อปี 2559 ซึ่งประกอบด้วย New Retail, New Manufacturing, New Finance, New Technology และ New Energy

 

ในระยะแรก สินค้าที่จะผลิตที่ชุนฉีคือเครื่องแต่งกาย ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีสายการผลิตยาวและมีการสต็อกสินค้าสูง ซึ่งเป็นปัญหาที่มีมายาวนานสำหรับผู้ผลิตทั้งรายเล็กและรายใหญ่ การนำเทคโนโลยีใหม่แบบเรียลไทม์มาใช้ ทั้งด้านการหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การวางแผนค่าใช้จ่าย โลจิสติกส์อัตโนมัติแบบอินเฮาส์ และระบบปฏิบัติการของชุนฉีจะทำให้โรงงานต่างๆ สามารถผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อจำนวนไม่มากได้ ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลและส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น จึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตั้งแต่ 25% จนถึง 55% โดยเฉลี่ย

 

นอกจากนี้ ชุนฉียังใช้โมเดลการวิเคราะห์เทรนด์และยอดขาย ควบคู่ไปกับแพลทฟอร์มการออกแบบสินค้าที่นำปัญญาประดิษฐ์ของตนเองเข้ามาใช้ ทำให้ผู้ผลิตมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความนิยมของลูกค้า ระบบข้อมูลที่ดีขึ้นนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา และทำให้ธุรกิจสามารถพัฒนาสินค้าเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้า ไม่ให้พลาดโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้

 

เครื่องแต่งกายถือเป็นหนึ่งในประเภทสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดซื้อขายของอาลีบาบาในจีน ดังนั้นอาลีบาบาจึงมีข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่นำมาสร้างความได้เปรียบในโมเดลนี้ได้อย่างมาก ในอดีตสินค้าที่ผลิตเกินความต้องการทำให้ผู้ผลิตเครื่องแต่งกายเกิดค่าใช้จ่ายขึ้น 30% โดยเฉลี่ยทั้งอุตสาหกรรม

 

การที่อาลีบาบานำโมเดลนำร่องซุนสีมาใช้ ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้จากทุกที่ การยกระดับการผลิต made-in-cloud จะช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถแข่งขันได้ในตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว

 

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โรงงานแห่งนี้ได้ทำงานร่วมกับ ผู้ขาย นักจัดรายการผ่านไลฟ์สตีม และดีไซเนอร์แนวสตรีทแวร์ ของเถาเป่าและทีมอลล์ ในการค้นหาและทดลองโอกาสใหม่ๆ ด้านการผลิตสินค้าเครื่องแต่งกาย

 

 

เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา สภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ได้แต่งตั้งให้โรงงานดิจิทัลชุน​ฉีเป็นหนึ่งใน Lighthouse ภายใต้เครือข่าย Global Lighthouse Network ซึ่งเป็นชุมชนของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยี Fourth Industrial Revolution มาใช้ในการผลิตได้จริง การแต่งตั้งดังกล่าวแสดงถึงการยอมรับในความสำเร็จของชุน​ฉีในการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทรงพลัง เข้ากับข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค และนำโมเดล New Manufacturing แบบดิจิทัลเต็มรูปแบบมาใช้ได้จริง

 

การเปิดตัวชุน​ฉีเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องเร่งปรับตัวไปสู่ดิจิทัล ในอนาคตโรงงานดิจิทัลซุนสีจะช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายในการลดจำนวนสินค้าคงคลังในขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น ในอนาคตโครงการนี้จะขยายการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการผลิตสินค้าอื่นๆ นอกเหนือจากแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย โดยอลัน วู กล่าวว่า “เราหวังว่าจะได้เรียนรู้และทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างอีโคซิสเท็มของ New Manufacturing ร่วมกัน

 

[1] Source: https://www.statista.com/chart/20858/top-10-countries-by-share-of-global-manufacturing-output/

[อ่าน 2,072]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved