ถอด 5 ปัญหาหมักหมมที่ Marks & Spencer กำลังเผชิญ
14 Oct 2020

 

กลางเดือนสิงหาคมสื่อยักษ์ใหญ่หลายสำนักทั่วโลกต่างตีข่าวที่ Marks & Spencer เชนค้าปลีกอันเก่าแก่ของแดนผู้ดีซึ่งมีอายุนับ 100 ปี จะปลดพนักงานกว่า 7,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 78,000 คน ในจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดมีทั้งพนักงานที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ ประจำอยู่ในภูมิภาค และพนักงานประจำร้านค้าในสหราชอาณาจักร

การปลดพนักงานครั้งนี้ถูกอ้างว่า เป็นเพราะองค์กรต้องการ ลดความซับซ้อน และ ลดต้นทุนตลอดจนยกเครื่องการดำเนินธุรกิจใหม่ เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของโรคโควิด-19

โดยยอดขายเสื้อผ้าและของใช้ในบ้านลดลง48% ในช่วงแปดสัปดาห์ที่ผ่านมาเทียบกับปี 2019 ขณะเดียวกันแม้ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 40% เนื่องจากลูกค้าหันมาช้อปปิ้งในออนไลน์มากขึ้น แต่เนื่องจาก Marks & Spencer ไม่ใช่แบรนด์ลำดับต้นๆ ทำให้ยอดขายที่ไม่ใช่อาหารโดยรวม ยังคงลดลง 30%

การปรับพนักงานครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านั้นราว 1 เดือนก็มีข่าวว่า Marks & Spencer จะปลดพนักงานราว 950 คนด้วยกัน

แม้จะอ้างว่า เป็นเพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ Marks & Spencer จำต้องปลดพนักงานลง แต่ในความเป็นจริงได้มีการให้ความเห็นว่า นี่เป็นเพียงสัญญาณล่าสุดของปัญหาที่ผู้ค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งมียอดขายและความนิยมลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กำลังเผชิญ

 

 

หากจะกล่าวถึงปัญหาที่แท้จริงที่  Marks & Spencer กำลังเผชิญ สามารถย้อนกลับไปได้ไกลกว่านั้น และถอดออกมาเป็น 5 ข้อ ได้แก่

1. ไม่ดึงดูดใครเลย

ในขณะที่ยอดขายอาหารของ Marks & Spencer เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยอดขายแฟชั่นยังคงอยู่ในภาวะซบเซา โดยเชนค้าปลีกเก่าแก่ถูกกล่าวหาว่าขายเสื้อผ้าที่น่าเบื่อหรืออนุรักษ์นิยมมานานและไม่รู้ว่าใครเป็นลูกค้ากลุ่มหลัก

ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งให้ความเห็นว่า แม้จะทำเสื้อผ้าที่หลากหลาย และให้นางแบบอายุ 25 สวมใหญ่เสื้อผ้าของกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 65 ปี แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่รู้สึกถึงการมีส่วนร่วมอยู่เลย 

อย่างไรก็ตาม Marks & Spencer กำลังแก้ปัญหานี้อยู่โดยตัดสินใจดึงมืออาชีพเข้ามาร่วมเสริมทัพได้แก่ ริชาร์ด ไพรซ์ เข้ามาดูแลธุรกิจเสื้อผ้า ซึ่งเขาเคยมีประสบการณ์จาก Tesco และ สตีเฟน แลงฟอร์ด จาก Asda เข้ามานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการของ M&S.com ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเหมือนจะไปได้ดี เพราะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่มากกว่า 700,000 ครั้ง และนี่อาจเป็นประตูสำคัญที่ทำให้ Marks & Spencer สามารถปูทางไปหาลูกค้าในยุคดิจิทัลได้

 

2. ตัดสินใจที่นำมาซึ่งข้อสงสัย

การตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะชี้เป็นชี้ตายให้กับธุรกิจ แต่บ่อยครั้งการตัดสินใจของผู้บริหาร Marks & Spencer กลับนำมาซึ่งความสงสัย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านค้าปลีกรายหนึ่งให้ความเห็นว่า มักจะยากที่จะเข้าใจความคิดเบื้องหลังการตัดสินใจทางธุรกิจบางอย่างที่ Marks & Spencer ได้ทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ตัวอย่างเช่น Sparks Card’ ซึ่งเป็นรอยัลตี้โปรแกรมที่เคยเปิดตัวในปี 2015 แต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จึงเงียบๆ ไปและถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งในช่วงกลางปี 2020  อีกข้อคือการเข้าซื้อหุ้น 50% ใน Ocado ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ โดยมีการมองว่า Marks & Spencer อาจจะต้องเจ็บปวดเพราะจ่ายเงินที่มากไป และไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจะมีรายได้กลับคืนมา

แต่ที่สุดแล้วทั้ง 2 เรื่องกลับหักปากกาเซียน เพราะ Sparks มีลูกค้าสนใจกว่า 2.5 แสนล้าน ส่วน Ocado ยอดขายเติบโตกว่า 40% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งได้เข้ามาส่งเสริมยอดขายธุรกิจอาหารของ Marks & Spencer ด้วย

 

3. ไม่รับฟังลูกค้า

ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีกบางคนกล่าวว่าปัญหาหลักของ Marks & Spencer คือ การไม่รับฟังลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนๆ ซึ่งการไม่ติดต่อกับลูกค้ามากพอทำให้ Marks & Spencer ไม่เคยรู้ว่า ลูกค้ากำลังต้องการอะไรอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานลูกค้ากลุ่มดั้งเดิมของ Marks & Spencer ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี รู้สึกว่าถูกละเลยจากแบรนด์

เมื่อ Marks & Spencer ยกเลิกที่จะให้ บิสกิตฟรี ขนมที่มาพร้อมกับชาและกาแฟ ก็ได้รับคำวิจารณ์ จากลูกค้าในทันทีว่า ขี้เหนียวเกินไป ซึ่ง Marks & Spencer อ้างว่า ที่งดให้ฟรี เพราะ ต้องการลดขยะจากอาหาร แต่หากใครที่ต้องการก็ขอได้ โดยการออกมาตอบโต้ดังกล่าว ถูกมองว่า Marks & Spencer สื่อสาร และจัดการได้ไม่ดีเลย

 

4. ต้องลงทุนในร้านค้า

ในยุคนี้ร้านค้าปลีกต้องสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาในร้าน แต่สำหรับ Marks & Spencer แล้วรูปแบบร้านยังคงไม่ได้รับการปรับปรุง

ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นทุกวัน หาก  Marks & Spencer ไม่อยากจางหายไปจากวงการ สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งทำมากที่สุด คือ การลงทุนในร้านค้า โดยเฉพาะการเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มอาหารมากกว่ากลุ่มแฟชั่น

 

5. ไม่สร้างแบรนด์

อย่างไรก็ตามแม้ Marks & Spencer จะเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และทรงพลัง แต่ที่ผ่านมา Marks & Spencer ได้ละเลยที่จะลงทุนในเรื่องของแบรนด์ ทำให้ความทรงพลังของแบรนด์ที่สร้างมาเริ่มเจือจางแล้ว

ดังนั้น Marks & Spencer จึงต้องเร่งสร้างแบรนด์ให้กลับมาโดดเด่นให้มากที่สุด หากต้องการอยู่รอดในธุรกิจต่อไป

        

[อ่าน 1,869]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
“มาห์เล” เร่งเครื่องนวัตกรรมยานยนต์ ลดคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีหลากหลาย – หนุนสหภาพยุโรปแก้กฎหมาย CO₂
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved