Netflix ได้สร้างเรื่องราวของ นิทานอีสปเรื่องเต่าและกระต่ายในยุคดิจิทัล เมื่อ Blockbusterธุรกิจให้เช่าภาพยนตร์มูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ ที่เติบโตมากที่สุดในขณะนั้นได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Netflix สตาร์ทอัพอายุสองปีในการให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์ (US Postal) มูลค่า 50 ล้าน US ดอลลาร์ สำหรับการควบรวมกิจการอย่างกะทันหัน กระต่าย-Blockbuster ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อีก 4 ปี โดยไม่เห็นว่า เทคโนโลยีวีดีโอสตรีมมิ่งกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ เหมือนเต่าที่ค่อยๆๆ เดิน แต่อีกหกปีหลังจากนั้น Blockbuster ได้ประกาศล้มละลาย ( มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือ 1 ร้าน ) เพราะไม่สามารถปรับจากการให้เช่า DVD ไปยังสตรีมมิ่งได้ จึงถูก Netflix ดีสรัปจากล้อเฟือง (Flywheel) ของธุรกิจเช่า DVD ทางไปรษณีย์ไปสู่บริการอินเตอร์เนตวิดีโอสตรีมมิ่ง (Inter Streaming Service) เป็นที่เรียบร้อย
ในหนังสือเล่มใหม่ซึ่งเขียนโดย Reed Hastings กับ Erin Meyer, No Rules Rules : Netflix and the Culture of Reinvention, Hastings ซีอีโอของ Netflix อธิบายด้วยคำพูดไม่กี่คำในทศวรรษที่เขาเอาชนะ Blockbuster “เมื่อโลกเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อยและธุรกิจของเราก็ยืนหยัดและเติบโต”และยังบอกว่าเรามี “วัฒนธรรมในการบริหารแบบไม่มีกฎเกณฑ์”
Netflix ปรับเปลี่ยน-ฉีกทุกกฎเกณฑ์ ...สุดท้ายไม่มีกฎเกณฑ์
โลกเปลี่ยนไป แต่นั่นเป็นเพราะ Netflix ช่วยเปลี่ยนแปลง ลูกค้าทำให้ธุรกิจ Blockbuster ลดน้อยลงแต่ไปเพิ่มขึ้นกับ Netflix อาจเป็น ....ช้าและมั่นคง จนชนะการแข่งขัน
Netflix คือ วิถีใหม่สำหรับการชมและร้านที่ยิ่งใหญ่ของความสนุกสนาน
ธุรกิจเทคโนโลยีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกคิดอะไร ทำอะไร
ยอดขายของธุรกิจเทคโนโลยีซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เช่น Google, Facebook และ Amazon มียอดขายและผลกำไรมากมาย ทั้งๆ ที่เป็นปีของความยากลำบากในท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัท เหล่านี้ยังใช้จ่ายเงินมหาศาลเพื่อช่วยให้พวกเขาทำเงินได้มากขึ้น
ความสามารถในการใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่ง - เพราะธุรกิจเทคโนโลยีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมีเงินและแทบไม่มีใครตั้งคำถามว่า บริษัท ต่างๆใช้จ่ายเงินอย่างไร (อาจเป็นความลับของธุรกิจ ที่ไม่ยอมให้ตกจากหลังม้า) ตัวอย่างเช่น ....
Amazon จ้างพนักงานเต็มเวลา และพาร์ทไทม์ 250,000 คนโดยเฉลี่ยประมาณ 2,800 คนต่อวัน ใน 90 วัน ก่อนสิ้นสุดในเดือนกันยายนและหลังจากนั้นจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 100,000 คนในเดือนตุลาคม ( ปี 2020)
Google ในปีนี้ใช้จ่ายเงินเกือบ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปกับสิ่งต่างๆเช่นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่อุ้ยอ้ายซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขการใช้จ่ายของ Exxon ในการขุดน้ำมัน และก๊าซจากพื้นดิน
Facebook ซีอีโอ Mark Zuckerberg พูดคุยอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับการใช้จ่ายทุกอย่างในโครงการล้ำยุคแห่งอนาคต เช่นแว่นตาที่ซ้อนภาพเสมือนจริงกับโลกแห่งความจริง ลองนึกภาพเมื่อเดินไปตามถนนและเห็นรายการเมนูเสมือนจริงสำหรับร้านทาโก้บนหัวมุมถนนได้
สิ่งที่ธุรกิจเทคโนโลยีซูเปอร์สตาร์ระดับโลกให้ความสำคัญของการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีด้วยปรับเปลี่ยน-ฉีกทุกกฎเกณฑ์และความสำเร็จดังกล่าวมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้การควบรวมกิจการการออกแบบและคนเก่งพิเศษ-คนอัจฉริยะ
อย่างแรก การควบรวมกิจการ(M&A)ในธุรกิจของท่านหากไม่มีวาระการประชุมของการซื้อและควบรวมกิจการธุรกิจท่านอาจจะพลาดโอกาสทางธุรกิจในปัจจุบันตามความเป็นจริงแล้วบริษัท เทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่งมีมูลค่าสูงกว่าการประเมินก่อนช่วงไวรัส COVID-19 ระบาด นั่นทำให้ มูลค่าการลงทุนของธุรกิจในปัจจุบันมีนัยต่างกันเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
ในปีนี้ 2020 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Amazon จ่ายเงินไป $1.2 billion เพื่อซื้อสตาร์อัพ Zoox ที่พัฒนาพาหนะซึ่งขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Self-driving vehicles) เพื่อช่วยด้านบริการส่งมอบสินค้า และได้ลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ในบริษัท Rivian (บริษัทผลิตรถไฟฟ้า) และสั่งซื้อรถแวนไฟฟ้าจากสตาร์อัพจำนวน 100,000 คัน ในเดือนมิถุนายน (ปี 2016) Amazon ได้เปิดร้าน Amazon Go ซึ่งไม่มีแคชเชียร์ และเร่งการขยายสาขาโดยปี 2017 ซื้อ Whole Foods Market ด้วยเงินกว่า 4.6 แสนล้านบาท
อย่างที่สอง การออกแบบและวิธีของเทคโนโลยีการออกแบบในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เมื่อใช้แนวคิดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าจึงได้เข้ามามีส่วนสำคัญทางการตลาดสูงมากขึ้น นั่นหมายความว่า ท่านคิดอย่างไรกับชิ้นส่วนที่ถูกนำด้วยการออกแบบ? มันคงไม่ใช่แค่การนำเสนอเทคโนโลยีเท่านั้นแต่มันเป็นการส่งมอบประสบการณ์
คงไม่ใช่แค่“ ท่านผู้อ่านคุยกับผมแบบดิจิทัล” แต่คือ “นับตั้งแต่วินาทีที่ลูกค้าเปิดแล็ปท็อปหรือ iPad หรืออุปกรณ์อะไรก็ตามที่ลูกค้าใช้เพื่อเชื่อมต่อกับ...มีความเที่ยงตรงสูงหรือไม่? อุปกรณ์นี้เป็นไปตามวิถีชีวิตและการทำงานของค้าหรือไม่?”
นี่คือการออกแบบ-เทคโนโลยีการออกแบบจะทำให้เกิดความพึงพอใจกับลูกค้ามากขึ้นและเป็นธีมที่โดดเด่นมายิ่งขึ้นๆ ไปอีก
สุดท้าย คนเก่งพิเศษ-คนอัจฉริยะ (Talent) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยคนอัจฉริยะ -คนเก่งพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อเกิดสภาพแวดล้อมด้วยการทำงานระยะไกล หรือการทำงานที่บ้าน ทำให้คิดว่าจะมีโอกาสที่จะได้คนเก่งพิเศษนั้นจะมาจากที่ไหน เราอาจะมีแหล่งทรัพยากรคนเก่งพิเศษซึ่งไม่จำเป็นต้องบังคับให้เปลี่ยนสถานที่ทำงาน อย่างเช่นบริษัทไมโครซอฟท์ได้ใช้ WFH (Work from Home) ในทุกสำนักงานทั่วโลก อีกอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การเกิดขึ้นผู้นำเทคโนโลยีรุ่นใหม่โดย....ประสบการณ์ในธุรกิจอาจมีความสำคัญน้อยลง แต่ผู้นำเทครุ่นใหม่ต้อง มีทักษะของความเข้าใจและการวิเคราะห์สารสนเทศที่ใกล้ๆ AI (ปัญญาประดิษฐ์)กับทักษะการตัดสินใจ และนี่คือหน้าที่ของผู้บริหารธุรกิจเทคโนโลยีระดับโลกที่จะหาว่า“ผู้นำเทคคนใหม่แบบคนเก่งพิเศษ-อัจฉริยะ เหล่านั้นเป็นใคร การทดสอบที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจาก “คนทำงานในระยะไกลหรือการทำงานที่บ้าน” สามารถสร้างให้กลายเป็น”แหล่งสมรรถนะใหม่ของบริษัท” สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีซูเปอร์สตาร์ระดับโลก
นี่คือบทเรียนอันน่าสนใจด้านการสรรหาและการสร้างแหล่งสมรรถนะใหม่จากคนรุ่นใหม่ของบริษัทเทคระดับโลกและมีนัยอย่างยิ่งซึ่งอาจไปไกลกว่าแค่การคิดเพื่อ “การอัพเกรดทักษะ (Upskill) การปรับทักษะใหม่ (Reskill)” เพื่อการเตรียมคนให้มาเป็นผู้ประกอบการเทคสตาร์ทอัพ และการค้าขายทางอีคอมเมิร์ซ
โลกธุรกิจที่กำลังเข้าสู่ “The NEXT Normal” ต้องเปลี่ยนแบบ-ฉีกทุกกฎเกณฑ์ หรือไม่ก็เกมโอเวอร์ (Disrupt, Transform or Die)
เรื่อง : ดร.ดนัย เทียนพุฒ