เชื่อว่าหลายคนย่อมรู้จัก BTS วงเคป๊อปชื่อดังของเกาหลีใต้ ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ระดับโลก ยืนยันด้วยผลงานเพลง Dynamite ที่สามารถไต่ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ของ Billboard Hot 100 ซึ่งทำให้เพลงจากเอเชียได้ไต่ขึ้นมาครองบัลลังก์อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง นับตั้งแต่ Sukiyaki ของ คิว ซากาโมโตะ ครองอันดับ 1 เป็นเวลา3 สัปดาห์ในปี 1963
วันนี้ Big Hit Entertainment ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นวง จนมีชื่อเสียงโด่งดังได้กลายเป็นบริษัท ‘มหาชน’ อย่างเต็มตัวแล้ว
IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ในรอบ 3 ปี
ช่วงต้นเดือนตุลาคม Big Hit ได้ออกมาเปิดเผยว่า เตรียมการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO โดยวางเป้าในระดมทุนมูลค่า 9.626 แสนล้านวอน หรือราว 2.5 หมื่นล้านบาทซึ่งจะทำให้นี่กลายเป็น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ Celltrion Healthcare ระดมทุนได้ 1 ล้านล้านวอนในปี 2017 ครั้งนั้น Big Hit ได้ออกมาเคาะจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งสิ้น 7.13 ล้านหุ้นในราคา 105,000-135,000 วอนก่อนที่ต่อมาจะเคาะราคาอยู่ที่ช่วงจำนวนสูงสุดนั้นคือ 135,000 วอนต่อหุ้นด้วยกัน
หลังจากออกมาเปิดเผยราคาหุ้นปรากฏว่า เรียกความสนใจจากนักลงทุนสถาบันอย่างล้นหลาม แสดงความสนใจมากกว่า1,000 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยประมาณ 98% กล่าวว่า พวกเขาจะพร้อมจ่ายในราคาระดับสูงสุด ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มแฟนคลับของวง BTS ก็อยากได้หุ้นของต้นสังกัดศิลปินในดวงใจเช่นเดียวกัน
หุ้นขึ้น-ลง เหมือนรถไฟเหาะ
15 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันแรกที่ Big Hit Entertainment ได้เข้าซื้อขายหุ้น IPO อย่างเป็นทางการในตลาดหลักทรัพย์ ทันทีที่เคาะเปิดการซื้อขายภายใน 3 นาทีราคาได้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 351,000 วอน ก่อนจะปิดตลาดในช่วงเช้าด้วยราคา 270,000 วอน และปิดตลาดด้วยราคา 258,000 วอนลดลง 4.4% จากราคาเปิด ซึ่งราคาดังกล่าวก็มากกว่าราคา IPO ถึง 90%
นักวิเคราะห์รายหนึ่งมองว่า การปิดตลาดที่ราคา 258,000 วอนต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลตามปัจจัยพื้นฐานมากกว่าเป็นสัญญาณของความล้มเหลวในการเข้าจดทะเบียน
เนื่องจาก Big Hit ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีความเข้าใจในช่องทางออนไลน์โดยใช้ YouTube,โซเชียลมีเดียและคอนเสิร์ตออนไลน์เพื่อสร้างรายได้ เนื่องจากการแสดงคอนเสิร์ตสดที่ถูกยกเลิกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 สามารถรายงานผลกำไร 4.97 หมื่นล้านวอน หรือราว 1,300 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งก็มองว่า การซื้อขายที่ขึ้นลงเหมือนรถไฟเหาะในวันแรกของการ IPO สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่หลากหลายของนักลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของ Big Hitโดยกราฟราคาแสดงให้ทั้ง ‘ความคาดหวัง’ และ ‘ความกังวล’ เพราะแม้บริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการพึ่งพา BTS และการรับราชการทหารที่ไม่สมบูรณ์ของสมาชิกในวง
2 ความกังวล
ในเกาหลีใต้ผู้ชายทุกคนต้องรับราชการทหารเป็นเวลา18 เดือนก่อนที่จะอายุครบ 28 ปี แค่มีข้อยกเว้นบางประการสำหรับนักกีฬาดาวรุ่งหรือนักดนตรีบางประเภททว่าแต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการยกเว้น ป๊อปสตาร์ มีรายงานว่า ในปีหน้าจะต้องมีสมาชิกคนหนึ่งของวง ที่ต้องเข้ารับราชการทหาร ขณะที่สมาชิกที่เหลือจะทยอยเข้ากรมในช่วง 5 ปีต่อจากนี้
ถึงแม้ว่า บังชีฮยอก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของ Big Hit จะกล่าวในพิธีเปิดการซื้อขายว่า จะทำให้บริษัทกลายเป็นแพลตฟอร์มด้านความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจาก “เข้าใจธุรกิจแฟนดอมดีกว่าใครๆ ในโลก และสามารถถ่ายทอดสิ่งนี้เพื่อสร้างมูลค่าได้” ถึงจะมีความทะเยอทะยานเพียงใดแต่ก็มีความท้าทายอยู่ข้อหนึ่งที่ Big Hit ต้องเผชิญคือ รายได้มากกว่า 80% มาจาก BTS จึงเป็นคำถามว่า การพึ่งพารายได้จากช่องทางเดียวจะกลายเป็นความเสี่ยงมากไปหรือไม่
หลังจากการ IPO ‘บังชีฮยอก’ จะยังถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วน 34% ตามด้วย Netmarble ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเกมที่มี 20% และ STIC ถืออยู่ 7% ขณะที่สมาชิกของวง 7 คนจะถือหุ้นรวมกัน 1% ซึ่งเฉลี่ยแล้วสมาชิกของวง แต่ละคนจะถือหุ้นในราคาไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทด้วยกัน ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยราคาปิดตลาดทำให้มูลค่าตลาดของ Big Hitอยู่ที่ 8.73 ล้านล้านวอน ซึ่งมากกว่าสามเท่าของ 2.78 ล้านล้านวอนที่เป็นมูลค่าตลาดรวมของบริษัทบันเทิงรายใหญ่สามแห่งของเกาหลีใต้ ได้แก่ SM Entertainment, YG Entertainment และ JYP Entertainment
ก่อนหน้านี้ตอนที่ Big Hit ได้ประกาศราคา IPO ได้ทำให้หุ้นของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อื่นๆ เพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้าทั้ง YG Entertainment เพิ่มขึ้น 11.98%, JYP Entertainment เพิ่มขึ้น 9.94% และ SM Entertainment เพิ่มขึ้น 6.69%