ในระหว่างที่ Toyota ผู้เป็นยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก ได้แถลงผลประกอบการประจำไตรมาส บรรดาผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามถึง ทิศทางของ Toyota ในยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัว และยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นเมื่อมูลค่าของ Tesla ยังพุ่งขึ้นไม่หยุด
Tesla เหมือนกับร้านอาหารที่ยังคงโปรโมตแค่ ‘สูตรอาหาร’
Akio Toyoda ประธาน Toyota ยอมรับว่า มูลค่าของ Tesla ซึ่งได้รับการประเมินอยู่ที่ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 12 ล้านล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่มากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ทั้ง 7 แห่งของญี่ปุ่นรวมกันเสียอีก
โดยToyota สาสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จของ Tesla ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนและรูปแบบธุรกิจ อันรวมไปถึงการหารายได้จากรถยนต์ไฟฟ้า สินเชื่อ กฎระเบียบซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์พลังงานหมุนเวียน
ทว่าประธาน Toyota กลับเปรียบเทียบธุรกิจของ Tesla เหมือนกับร้านอาหารที่ยังคงโปรโมทสูตรอาหารอยู่ ในขณะที่ Toyota เป็นเหมือนร้านอาหารที่ให้บริการลูกค้าจำนวนมากอยู่แล้ว
แม้จะลังเลที่จะพูดแบบนั้น แต่แม่ทัพของ Toyota อธิบายว่า อยากให้เปรียบเหมือนกับครัวและพ่อครัว พร้อมขยายความว่า ‘พวกเขา (Tesla) ยังไม่ได้สร้างธุรกิจที่แท้จริงในโลกแห่งความเป็นจริง’ พวกเขาพยายามค้นหาสูตรอาหารโดยเชฟพูดว่า‘สูตรของเรากำลังจะกลายเป็นมาตรฐานของโลกในอนาคต!’
สิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าสวนทางกับ Toyota เพราะ “ที่ Toyota เรามีครัวจริงและเชฟตัวจริงด้วยและกำลังสร้างสรรค์อาหารอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีลูกค้าจริงๆ ที่กำลังกินอาหารของเราอยู่”
มีรถเป็น 100 ล้านคันที่วิ่งอยู่บนถนน
แม่ทัพของ Toyota ข้อสังเกตว่า Toyota ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในปริมาณและความหลากหลายที่สูงกว่า Tesla มาก ซึ่งหมายถึงรถยนต์ Toyota กว่า 100 ล้านคันที่กำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน
ในปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2020 Toyota ประเมินว่า จะขายได้ประมาณ 7.5 ล้านคัน ขณะที่ Tesla คาดว่าจะขายรถยนต์ไฟฟ้า 500,000 คันในปี 2020
โดย Toyota นั้นมีการนำเสนอ ‘เมนูอาหารที่เต็มรูปแบบ’ ซึ่งหมายถึงการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในม, ไฮบริด, รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่บริสุทธิ์และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง อันครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า
ปรับกำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ขณะเดียวกันในงานแถลงข่าวครั้งนี้ Toyota ได้ปรับประมาณการณ์กำไรเสียใหม่โดยตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.42 ล้านล้านเยน หลังจากผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ลดลงโดยตลาดสหรัฐฯและจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเกิดจากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
“เราทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 500 พันล้านเยนในช่วงไตรมาส 2” ประธาน Toyota กล่าว "นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน แต่นี่เป็นผลมาจากการที่เราเอาชนะ [วิกฤติ] ต่างๆ รวมถึงวิกฤติการเงินปี 2008 แผ่นดินไหวที่ฟุกุชิมะปี 2011 และค่าเงินเยนที่แข็งค่ามากเกินไป"
Toyota มียอดขายทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเดือนกันยายน โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 2% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวจากการชะลอตัวเมื่อต้นปีนี้ ขณะที่ยอดขายในแง่ของจำนวนลดลง 7% สำหรับไตรมาสกรกฎาคม - กันยายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการลดลง 31% ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
แม่ทัพของ Toyota มองว่า สถานะของ บริษัท มีความแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วง 11 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง แม้ Toyota จะมียอดขายที่ลดลงยอดขายรถยนต์ลดลง 4% ต่อปี เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตลาดบันทึกไว้ในช่วงวิกฤติการเงิน แต่ท่ามกลางความวุ่นวายจากการระบาดยอดขายกลับสูงกว่าตลาดในวงกว้างถึง 3%
Toyota ซึ่งหยุดการผลิตชั่วคราวในอเมริกาเหนือ กลับมาเปิดโรงงานอีกครั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมก่อนคู่แข่งในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด จุดนี้เองทำให้ Toyota มีผลกำไรเพิ่มขึ้นสำหรับไตรมาสกรกฎาคม - กันยายนทั้งในธุรกิจรถยนต์และธุรกิจการเงิน
นอกจากนี้ Toyota ยังเพิ่มยอดขายในประเทศจีนจาก Lexus ซึ่งเป็นแบรนด์หรูโดยพบว่า ขายดีเป็นอย่างมาก ตัวยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 30%ในเดือนตุลาคมซึ่งสูงกว่าตัวเลขจากปีก่อน และเติบโตเป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน