นับเป็นคู่ชกรุ่นเฮฟวีเวทที่ต้องจับตาให้ดีๆ ไว้เสียแล้ว เมื่อ McDonald's เชนเบอร์เกอร์รายใหญ่ของโลกประกาศจะใช้เงิน 2,500 ล้านหยวน หรือกว่า 11,500 ล้านบาท ในช่วงสามปีข้างหน้าเพื่อขยายสาขาใหญ่ของร้าน McCafe ในประเทศจีน
การประกาศดังกล่าวขึ้นเป็นดั่งเสียงระฆังการชกยกต่อไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ได้มีแค่ Starbucks เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ในการแข่งขันเพื่อรองรับชนชั้นกลางชาวจีนที่กำลังเติบโต และพร้อมลิ้มรสเครื่องดื่มระดับพรีเมียม
ขยายให้ครบ 4,000 สาขา
ภายใต้แผนดังกล่าว McDonald's ตั้งเป้าว่าจะมีร้าน McCafe 4,000 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ภายในสิ้นปี 2023
ย้อนกลับไป McDonald's เปิดสาขาแรกของ McCafe ในแดนมังกรเมื่อปี 2009 แต่รูปแบบนี้ส่วนใหญ่จำกัดเฉพาะเมืองใหญ่ที่ร่ำรวย หรือเรียกว่า เมืองชั้น 1 เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจวและเซินเจิ้น
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ McDonald's ได้ผ่านความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการ McCafe สาขาที่ 1,000 ในเดือนพฤษภาคมปีนี้และคาดว่าจะมีร้านค้า 1,500 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากจะขยายไปเปิดในเมืองชั้น 2 มากขึ้น เช่น หนานจิง หางโจว ฝูโจว เซียะเหมิน เทียนจิน เฉิงตูและซูโจว
ที่ไหนมี McDonald's ที่นั้นต้องมี McCafe
การประกาศกร้าวขยายสาขาในครั้งนี้เกิดจากการประเมินว่าตลาดกาแฟของจีนจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากชนชั้นกลางของประเทศขยายตัวและผู้คนจำนวนมาก อยากลิ้มลองเครื่องดื่มแบบอื่นๆ มาแทนที่เครื่องดื่มชาแบบดั้งเดิม
คาดว่าตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก 56,900 ล้านหยวน หรือราว 262,000 ล้านบาท ในปี 2018 เพิ่มเป็น 180,600 ล้านหยวน หรือ 832,000 แสนล้านบาทในปี 2023
ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากข้อมูลที่ Frost & Sullivan บริษัทวิจัยการตลาดได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน IPO ประจำปี 2019 ของเชนร้านกาแฟท้องถิ่น Luckin Coffee
“ตลาดกาแฟของจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคจะเข้าใจกาแฟมากขึ้นและหลงรักมัน” Phyllis Cheung ซีอีโอของ McDonald's China กล่าว พร้อมกับเสริมว่า “เป้าหมายของเราชัดเจน ที่ใดมี McDonald's ที่นั่นต้องมี McCafe”
ราคาอยู่ตรงกลาง
ปัจจุบัน McDonald's มีร้านอาหารประมาณ 3,600 แห่งในจีน ซึ่งหมายความว่าตอนนี้น้อยกว่าครึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่มีร้าน McCafeอยู่ ราคาของกาแฟที่ขายอยู่ใน McCafe เฉลี่ยแล้วมักมีราคาไม่เกิน 20 หยวน หรือราว 92 บาท นั่นทำให้ McCafe อยู่ตรงกลางท่ามกลางการแข่งขันระหว่างเชนท้องถิ่น Luckin Coffee และคู่แข่งระดับโลกเช่น KFC และ Tim Hortons เชนร้านกาแฟสัญญาติแคนาดาซึ่งเพิ่งเริ่มดำเนินการขยายตัวเชิงรุกในแผ่นดินใหญ่
ปัจจุบันในจีน Starbucks ถือเป็นผู้นำตลาดที่ชัดเจน โดย Starbucksวางตัวเองอยู่ในเซ็กเมนต์พรีเมียม โดยปกติแล้วกาแฟจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 30 หยวน หรือ 140 บาทต่อแก้ว
Starbucks เข้าสู่ประเทศจีนเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว และปัจจุบันมีร้านค้าราว 4,700 แห่งกระจายอยู่ทั่วแดนมังกร โดนไตรมาสล่าสุดได้มีการเปิดร้านค้าทั้งสิ้น 259 สาขา
ก่อนหน้านี้ยักษ์ใหญ่จากแดนลุงแซมเพิ่งถูก Luckin Coffee อันเป็นเชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของจีนขึ้นแซงในแง่ของจำนวนสาขา
ทว่าข่าวอื้อฉาวเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า ได้ตกแต่งบัญชีในไตรมาณที่ 2 ถึงไตรมาสที่สี่สำหรับปีงบประมาณ 2019 ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากความเป็นจริง 2,200 ล้านหยวน หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวถูกประเมินว่า คิดเป็นสัดส่วนยอดขายกว่า 40% ของปี 2019
จากกรณีดังกล่าวกล่าวทำให้ Luckin Coffee ต้องรักษากระแสเงินสดตลอดจนปิดสาขาที่อ่อนแอลง คาดว่าวันนี้ มีร้านค้าประมาณ 4,000 แห่งในตลาด
ขณะเดียวกันจากข่าวฉาวที่เกิดขึ้น Reuters ได้รายงานในช่วงปลายเดือนกันยายนว่า หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีนได้มีการสั่งปรับกลุ่มบริษัท 45 แห่งรวมถึง Luckin Coffee รวมเป็นเงิน 61 ล้านหยวน หรือราว 282 ล้านบาท จากข้อหาปลอมบันทึกทางการเงินและทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด
โดย Luckin Coffee ได้เปิดเผยผ่านบัญชี Weibo ว่า เคารพการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแล โดยได้ดำเนินการแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวข้องแล้ว