'ฝ้ายซินเจียง’ ต้นเหตุวิกฤตที่ H&M และ Nike กำลังเผชิญในแดนมังกร
02 Apr 2021

 

ผลผลิตของฝ้ายประมาณหนึ่งในห้าของโลก มาจาก ซินเจียง ซึ่งเป็นฐานผลิตฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนและของโลกด้วย ทว่าในช่วงปีที่แล้วได้มีรายงานจากสหประชาชาติที่ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า ‘ฝ้าย’ ที่มาจากซินเจียงนั้น อาจได้มาด้วยวิธีที่ไม่ได้ถูกหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า ได้มาจากกับบังคับใช้แรงงานของชาวอุยกูร์

โดยมีการระบุว่า ทางการจีนได้ส่งชาวอุยกูร์ที่นับถือศาสนาอิสลามมากถึง 1 ล้านคนไปยังค่ายกักกันและบังคับให้พวกเขาทำงาน ด้วยเหตุนี้ทางการจีนจึงอยู่เฉยไม่ได้ จึงได้สวนกลับในทันทีว่า แท้จริงแล้วที่นั้นศูนย์ฝึกอาชีพที่ให้การศึกษาเพื่อยกระดับประชากรให้หลุดพ้นจากความยากจนและอีกทั้งเพื่อสกัดกั้นลัทธิหัวรุนแรงของศาสนาอิสลาม พร้อมกับย้ำว่า การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการซินเจียงเป็นแรงจูงใจทางการเมือง เหตุนี้เองได้กลายเป็นต้นเหตุของวิกฤตที่ Nike และ H&M  กำลังเผชิญในแดนมังกร

 

H&M เตรียมตัดสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์จีน

หลังจากมีรายงานออกมาพร้อมกับตั้งข้อสังเกตุไปยังแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างๆ ว่า อาจเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานในครั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่แล้ว ‘สิทธิมนุษยชน’ เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อแบรนด์เหล่านนั้นหรือไม่ ดังนั้นแล้วเหล่าแบรนด์ต่างๆ จึงได้ออกมาแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดย H&M ผู้ค้าปลีกแฟชั่นรายใหญ่อันดับสองของโลกก็เป็นหนึ่งในนั้น

แถลงการณ์ของ H&M ที่ได้ออกมาในช่วงกลางเดือนกันยายนปี 2020 ซึ่งได้แสดงความ ‘กังวล’ และระบุว่า เตรียมยุติความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์จีน นอกจากนี้ยังได้ได้ดำเนินการสอบถามไปยังโรงงานผลิตเสื้อผ้าทั้งหมดที่ทำงานด้วยในประเทศจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้จ้างคนงานโดยการบังคับใช้แรงงาน

 

นอกจาก H&M แล้ว แบรนด์อื่นก็ได้ออกแถลงการณ์ที่แสดงความกังวลดังกล่าวเช่นเดียวกันรวมไปถึง Nike ที่ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวรายงานการบังคับใช้แรงงานในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ โดยระบุว่า จะไม่มีการจัดหาวัสดุดิบที่มาจากภูมิภาคนี้ พร้อมกับย้ำซัพพลายเออร์ไม่ให้ใช้ส่งทอจากภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน

 

 

ผลกระทบตาในอีก 6 เดือน

หลังจากออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความกังวล ดังกล่าว ผลกระทบยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคม 2021 ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแคนาดา ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน ทั้งยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในซินเจียง และห้ามการเดินทางเข้าประเทศ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ในซินเจียง

ขณะที่ทางการจีนก็ไม่นิ่งเฉยได้ออกมาโตตอบในทันที โดยมีการสั่งคว่ำบาตรซึ่งประกอบไปด้วย 5 สมาชิกสภาล่างอังกฤษ สภาสูงอังกฤษอีก 2 คนรวมไปถึงองค์กรอื่นๆ 4 องค์กร และยังมีการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คน เจ้าหน้าที่แคนาดา 2 คน ในการเดินทางเข้าจีน ฮ่องกง และมาเก๊า คำสั่งดังกล่าว ได้กลายเป็นเหมือนเชื้อไฟที่ปะทะให้กับผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอำนาจซื้อมากที่สุดของของ โดยในโลกออกไลน์ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการ ‘แบน’กับแบรนด์ต่างๆ ที่ออกแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

 

 

H&M โดนหนักสุด

แน่นอนว่า หนึ่งในแบรนด์ที่โดนผลกระทบมากที่สุดคือ H&M แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นสัญชาติสวีเดน ที่ถูกชาวจีนเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตร

โดย Communist Youth League หรือ สันนิบาติเยาวชนคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกมาโพสต์ใน Weibo ว่า ในขณะที่ต้องการสร้างรายได้ในจีน แต่ก็ยังมีการแพร่ข่าวลือเท็จและคว่ำบาตรผ้าฝ้ายซินเจียงพร้อมกันนี้ยังเรียกท่าทีของ H&M ว่า เพิกเฉยและหยิ่งยโส ขณะที่ชาวจีนรายหนึ่งระบุว่า การใส่รายป้ายสีซินเจียงเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายและเราไม่ซื้อสินค้าของคุณ

 

ขณะเดียวกันสื่อของรัฐได้เปิดตัวแคมเปญปกป้องผ้าฝ้ายซินเจียง และวิพากษ์วิจารณ์แบรนด์ต่างๆ โดย CGTN สื่อของรัฐบาลของจีนแชร์วิดีโอบน Weibo ที่กำลังแสดงภาพการเก็บเกี่ยวฝ้ายนั้นใช้ระบบอัตโนมัติ พร้อมกันนี้ได้มีเสียงของชาวนาอุยกูร์ที่บอกว่า ผู้คนกำลังทำงานเพื่อหารายได้

 

ผู้ประกาศข่าว CCTV ยังกล่าวด้วยว่า H&M นั้นยังมีการคาดเดาที่ไม่ถูกต้อง แถมยังกำลังการพยายามเป็นฮีโร่ที่มีความชอบธรรม และ H&M จะมีราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนนี้แฮชแท็ก ‘ฉันสนับสนุนผ้าฝ้ายซินเจียง’ กำลังเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมสูงสุดใน Weibo ด้วยยอดดูมากกว่า 1.8 พันล้านครั้ง

 

ถูกถอดออกจากร้านออนไลน์

แม้ H&M China ได้ออกแถลงการณ์ว่า ซัพลายเขนทั่วโลกได้รับการจัดการเพื่อให้สอดคล้องกับพันธสัญญาด้านความยั่งยืนไม่ใช่เพื่อสะท้อนถึงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ พร้อมกับย้ำกว่า ‘เคารพผู้บริโภคชาวจีน’ และ ‘มุ่งมั่นที่จะลงทุนและพัฒนาระยะยาวในประเทศจีน’

แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย โดยมีรายงานว่า ร้านค้าอย่างเป็นทางการของ H&M บน Tmall ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซของ Alibaba ไม่สามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม ขณะที่ People’s Daily รายงานว่าการค้นหาผลิตภัณฑ์ H&M บนแพลตฟอร์ม JD.com และ Pinduoduo ก็ไม่พบเช่นเดียวกัน

แน่นอนว่า นี่สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการสั่นสะเทือนยอดขายของ H&M อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะจีนถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ของ H&M โดยมียอดขาย 2.9 พันล้านโครนาสวีเดน หรือ 1.05 หมื่นล้านบาท ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2020

 

ดาราแห่ตัดสัมพันธ์

ขณะเดียวกันนอกเหนือจากสินค้าที่ถูกนำออกจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ บรรดาผู้มีชื่อเสียงของแดนมังกรก็ได้ออกมาตัดสัมพันกับ H&M เช่นเดียวกัน โดย หวง ซวน (Huang Xuan) นักแสดงชาวจีนที่มีสัญญากับ H&M โพสต์ข้อความว่าเขาจะเลิกข้อตกลงดังกล่าว โดยระบุว่าเขาไม่เห็นด้วยกับ ‘การใส่ร้ายและสร้างข่าวลือ’ รวมถึง ‘ความพยายามใดๆ ที่จะทำให้ประเทศเสื่อมเสียชื่อเสียง’ ด้านนักร้องและนักแสดงหญิง วิคตอเรีย ซ่ง (Victoria Song)  ได้ออกแถลงการณ์โดยกล่าวว่าเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแบรนด์อีกต่อไป และย้ำว่า ‘ผลประโยชน์ของชาติอยู่เหนือสิ่งอื่นใด’

 

นอกจาก H&M แล้ว ฝั่ง Nike ก็โดนเช่นเดียวกัน โดยหวังอี้ป๋อ (Wang-Yibo) นักแสดงชื่อดังวัย 23 ปี ได้ออกมาระบุว่า เตรียมยกเลิกสัญญากับ Nike รวมไปถึง ถานซ่งอวิ๋น (Tan Song Yun) นักแสดงชาวจีนที่มีผู้ติดตามกว่า 23 ล้านคนบน Weibo ประกาศว่าเธอกำลังยกเลิกสัญญากับ Nike เช่นเดียวกัน

 

 

Muji สวนกระแส

ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ นอกจาก H&M และ Nike แล้ว ยังมี GAP, Uniqlo, New Balance และ Fila ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับฝ้ายที่มาจากซินเชียง แต่ Muji กลับสวนกระแสโดยประกาศชัดว่า เสื้อผ้าของตนนั้น ‘ใช้ผ้าฝ้ายจากซินเจียง’ โดยเสื้อผ้าของ Muji ได้มีป้ายที่เขียนข้อความว่า ‘Xinjiang Cotton’ ปรากฏอย่างชัดเจนบนสินค้าใหม่ในแพลตฟอร์ม Tmall ซึ่งไม่ชัดเจนว่า Muji ใช้ผ้าฝ้ายซินเจียงสำหรับเสื้อผ้าที่ขายในญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ หรือไม่

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า การออกมาประกาศครั้งนี้จะทำให้นักลงทุน ‘ไม่ปลื้ม’ สักเท่าไหร่ เพราะหุ้นของ Ryohin Keikaku ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Muji ได้ลดลง 6.8% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันที่ 26 มีนาคม สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่านักลงทุนกลัวว่า บริษัท อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

กระนั้น Ryohin Keikaku ก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า

ได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัททั้งหมดในซินเจียงที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนของตัวเอง โดยจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีประเด็นสำคัญใดๆ ยกเว้นบางประเด็นที่สามารถแก้ไขได้โดย Ryohin Keikaku ย้ำชัดว่า จะขอให้บริษัทต่างๆ ในซัพพลายเชนของเรา พยายามปรับปรุงสภาพการทำงาน ตลอดจนรวบรวมข้อมูลอย่างระมัดระวังและดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เช่น การตรวจสอบสถานะเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในซัพพลายเชน และหากมีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม บริษัทจะขอให้ซัพพลายเออร์แก้ไขทันที และพิจารณายุติสัญญาหากประเมินแล้วว่าข้อกังวลเหล่านั้นไม่น่าจะได้รับการปรับปรุง

 

ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดสำคัญสำหรับ Muji โดยคิดเป็นสัดส่วนยอดขายกว่า 17% ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายนในปีงบประมาณ 2019 ซึ่ง ณ เดือนสิงหาคม 2020 Muji มีสาขาทั้งสิ้น 274 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่

 


บทความในนิตยสาร นิตยสาร MarketPlus Issue 133 March-April 2021


 

[อ่าน 4,667]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สมการใหม่ของ Apple เบื้องหลัง iPhone ราคา 2,000 ดอลลาร์ และกลยุทธ์ในวันที่ตลาดอิ่มตัว
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved