เป๊ปซี่โค ปักหมุดทศวรรษหน้าสู่ความยั่งยืน ขยาย 'เกษตรเชิงบวก' กว่า17ล้านไร่ทั่วโลก
22 Apr 2021

 

'เป๊ปซี่โค' ประกาศเป้าหมายใหม่ด้านการเกษตรเชิงบวก โดยมีเป้าหมายในปีพ.. 2573 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้าที่จะกระจายแนวทางการทำการเกษตรแบบปฏิรูปไปทั่วโลกกว่า 17 ล้านไร่ โดยประมาณเพื่อเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนฟุตพริ้นต์อย่างน้อย 3 ล้านตัน ยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนในชุมชนกว่า 250,000 คน และจัดหาวัตถุดิบหลักจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและยั่งยืน 100%

 

 

เรมอน ลากัวร์ตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานบริษัทเป๊ปซี่โค กล่าวว่า

ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก บริษัทตระหนักดีถึงบทบาทสำคัญ ในการจัดการปัญหาที่ท้าทายในระบบอาหารสมัยใหม่ นับตั้งแต่ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการขาดแคลนทรัพยากรไปจนถึงความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ ในวาระเกษตรกรรมเชิงบวกของเป๊ปซี่โคให้ความสำคัญกับการลงทุน นวัตกรรม และความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรด้านการเกษตรของเรา เพื่อสร้างผลกระทบไปทั่วโลกและจากการทำงานร่วมกัน เราจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จัดการกับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร และมอบโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้คนจำนวนมากขึ้น

 

วาระเกษตรกรรมเชิงบวกของเป๊ปซี่โคมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาแหล่งพืชและวัตถุดิบในลักษณะที่เร่งการปฏิรูปการเกษตรและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกรรมโดยมุ่งเน้นที่:

  • การขยายการยอมรับแนวทางการทำการเกษตรแบบปฏิรูปในกว่า 17 ล้านไร่ทั่วโลก เทียบเท่ากับที่ดินทั้งหมดที่ใช้ในการปลูกพืชและวัตถุดิบสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ความพยายามเหล่านี้คาดว่าจะนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 3 ล้านตันภายในปี .. 2573 นอกจากนี้ กว่าทศวรรษที่เป๊ปซี่โคได้พัฒนาโครงการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน เป๊ปซี่โคจะยังคงร่วมมือกับเกษตรกรใน 60 ประเทศต่อไปเพื่อนำแนวปฏิบัติด้านการเกษตรกรรมเชิงปฏิรูปไปใช้ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและฟื้นฟูระบบนิเวศ ตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา เป๊ปซี่โคได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรในการปลูกพืชคลุมดินบนพื้นที่กว่า 210,050 ไร่และพบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในฟาร์มลดลงถึง 38% รวมถึงการกักเก็บคาร์บอนในดิน ด้วยความพยายามร่วมกันกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรม บริษัทฯ จะขยายโครงการเกษตรเชิงปฏิรูปไปยังพื้นที่เพาะปลูกในสหรัฐฯมากกว่า 1,265,000 ไร่ภายในสิ้นปี .. 2564 นอกจากนี้เป๊ปซี่โคจะยังคงขยายเครือข่ายฟาร์มสาธิตไปทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมกันได้ 

 

  • พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนมากกว่า 250,000 คนในห่วงโซ่อุปทานทางการเกษตรและชุมชน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่ผู้หญิงทั่วโลก เป๊ปซี่โคมุ่งเน้นการทำงานกับชุมชนเกษตรกรรมที่เปราะบางที่สุด ซึ่งเชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก รวมถึงเกษตรกรรายย่อยและคนงานในฟาร์ม ผู้หญิงและเกษตรกรชนกลุ่มน้อย 

 

  • จัดหาวัตถุดิบหลัก 100% อย่างยั่งยืน โดยไม่ได้หมายถึงพืชที่มาจากแหล่งโดยตรง (มันฝรั่ง ข้าวโพดทั้งเมล็ด ข้าวโอ๊ต และส้ม) เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงพืชหลักจากบุคคลที่สาม เช่น น้ำมันพืชและธัญพืช เป๊ปซี่โคจัดหาพืชผลใน 60 ประเทศและสนับสนุนงานกว่า 100,000 ตำแหน่งในห่วงโซ่อุปทานทางการเกษตร 

 

สิ้นปี .. 2563 เป๊ปซี่โคสามารถจัดหาพืชที่มาจากแหล่งโดยตรงที่มีแหล่งที่มาอย่างยั่งยืนได้ถึง 100% จาก 28 ประเทศ และในทั่วโลกเกือบ 87% ของพืชผลก็ได้มาจากโครงการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนของเป๊ปซี่โค ตัวอย่างเช่น ส้ม 100% ที่แบรนด์ Tropicanaใช้ได้มาจากผู้ปลูกในฟลอริดาที่มีแหล่งที่มาอย่างยั่งยืน เช่นเดียวกับ 100% ของมันฝรั่งและข้าวโอ๊ตสำหรับ Lay’s และ Quaker ในอเมริกาเหนือตามลำดับ 

 

เป๊ปซี่โคสนับสนุนการกำหนดมาตรฐานและการวัดผลการเกษตรแบบปฏิรูปทั่วทั้งอุตสาหกรรมในกรณีที่ไม่มีมาตรฐานดังกล่าว บริษัทฯ จะวัดความก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายเกษตรเชิงบวก โดยการติดตามขนาดของพื้นที่และผู้คนที่มีส่วนร่วมในการริเริ่มและเมื่อเวลาผ่านไปผลกระทบที่มีต่อผลลัพธ์หลัก 5 ประการได้แก่ การสร้างสุขภาพของดินและความอุดมสมบูรณ์ การแยกคาร์บอนและลดการปล่อย เสริมสร้างความสมบูรณ์ของลุ่มน้ำ การเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกร PepsiCo ทำงานร่วมกับองค์กรชั้นนำ เช่น World Wildlife Fund (WWF) เพื่อพัฒนาวิธีการกำหนดเป้าหมายตามหลักวิทยาศาสตร์สำหรับน้ำ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของระบบการทำการเกษตรแบบปฏิรูปและยืดหยุ่นและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและปริมาณน้ำ 

 

ตลอดระยะเวลามากกว่า 25 ปีที่เป๊ปซี่โคเริ่มต้นทำธุรกิจขนมขบเขี้ยวในประเทศไทย เราได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยทำการเพาะปลูกมันฝรั่ง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบเลย์ โดยบริษัทฯ ได้สนับสนุน ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งและรับซื้อผ่านระบบเกษตรพันธสัญญา มุ่งพัฒนา ส่งเสริมศักยภาพเกษตรกร นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรของเราเข้าไปให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการเพาะปลูก การป้องกันโรค การปรับปรุงบำรุงดิน การวางแผนการใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรคพืชและการชลประทาน ลดการใช้เชื้อเพลิง และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับการชลประทานโดยระบบน้ำหยด แทนการให้น้ำแบบร่อง ช่วยให้เกษตรกรวางแผน ควบคุมปริมาณการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกได้อย่างแม่นยำ

 

 

สุดิปโต โมซุมดา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหารอินโดจีน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าว

“เราให้ความสำคัญระบบการเกษตรอย่างยั่งยืนโดยยึดถือตามนโยบายของบริษัท ผลงานดี สำนึกดีและหนึ่งในพันธกิจภายในใต้โครงการการทำเกษตรแบบยั่งยืนนั้น คือ การดูแลทรัพยากรธรรมชาติปรับปรุงบำรุงดิน ซึ่งการทำการเพาะปลูกมันฝรั่ง ดิน เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะให้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพจึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำรุงเพื่อให้ดินมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเพาะปลูก

เรามีผู้เชี่ยวชาญการเกษตรที่ทำการวิเคราะห์ดิน ซึ่งทำให้มากกว่า 90% ของผู้เพาะปลูกมันฝรั่ง งดการเผาตอซังข้าว เปลี่ยนเป็นการไถกลบตอซังข้าวเพื่อเพิ่มอินทรีย์วัตถุและธาตุอาหารในดินแทนมีการใช้ปูนขาวหรือโดโลไมท์เพื่อแก้ปัญหาดินกรดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยของพืช

นอกจากนี้ได้แนะนำให้เกษตรกรเปลี่ยนวิธีการจากการให้ปุ๋ยจำนวนมาก 1 – 2 ครั้ง เป็นการแบ่งให้ปุ๋ย 4 – 5 ครั้ง เพื่อลดการสูญเสียจากการชะล้าง จากการดำเนินการโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเกษตรกรได้ปรับตัวนำเทคโนโลยีและพัฒนาความรู้ในการเกษตรมาปรับใช้ลดการใช้ และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้เกษตรกรมีความสำเร็จมากยิ่งขึ้น มีผลผลิตและรายได้ที่สูงขึ้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอันเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาชีพในระยะยาว

การใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและการทำงานร่วมกันเป็นหัวใจสำคัญของแนวทางของเป๊ปซี่โคในการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบเมื่อเร็วๆ นี้เป๊ปซี่โคร่วมกับ World Economic Forum และองค์กรอื่นๆ ในการเปิดตัวแนวคิด Food Innovation Hubs เพื่อพัฒนาระบบอาหารในท้องถิ่นที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และมีคุณค่าทางโภชนาการ 

 

 

วาระเกษตรกรรมเชิงบวกเป็นอีกก้าวหนึ่งในการเดินทางของเป๊ปซี่โค และเป็นไปตามการประกาศล่าสุดของบริษัทฯ ที่จะเพิ่ม เป้าหมายด้านสภาพอากาศตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นสองเท่า โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบสัมบูรณ์ในห่วงโซ่คุณค่าให้ได้มากกว่า 40% ภายในปี .. 2573 เช่นเดียวกับการให้คำมั่นที่จะบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี .. 2583

[อ่าน 2,334]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักกับ “Jack Wey” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GWM WEY
AssetWise ยกระดับเมืองน่าอยู่ จัดประกวดออกแบบ “สุขา สุขี: THE HAPPY TOILET PROJECT”
Trip.com จับมือโรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เปิดประสบการณ์อาหารระดับโลก
เกาหลีรุก! ปล่อยหมัดเด็ด “Hyundai Deal SEOUL Good” กับข้อเสนอ Motor Expo 2025
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กวาดรางวัลต่อเนื่อง ติดอันดับ 60 โรงแรมยอดเยี่ยมของโลก
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พลิกโฉมแอป GEN 365 ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านประกันชีวิตครบวงจร
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved