แม้ทุกวันนี้เราจะพบเห็นร้านของ Uniqlo แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอันเลื่องชื่อจากดินแดนซากุระอยู่ทั่วทุกหัวระแหงแล้วก็ตาม แต่กระนั้นดูเหมือนว่าการขยายตัวจะช้าเกินจะทันใจ ทำให้เป้าหมายต่อไปของ Uniqlo คือ การเปิดร้านในเอเชียปีละ 100 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวเลยทีเดียว
นายใหญ่สั่ง
ทิศทางดังกล่าวเกิดขึ้นจากคำสั่งของ ‘ทาดาชิ ยานาอิ’ ชายที่นอกจากจะร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว เขายังรั้งตำแหน่งเป็นประธานและผู้บริหารระดับสูงของ Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo ได้ประกาศว่า “เอเชียจะเป็นศูนย์กลางการเติบโตของโลก”
ยานาอิขยายความต่อว่า ด้วยเหตุนี้ Uniqlo จึงจะเร่งขยายตัวในภูมิภาคแห่งนี้เพื่อให้ตัวเองนั้นกลายเป็นบริษัทที่ขึ้นเบอร์ 1 ของเอเชีย จึงกลายเป็นที่มาของการขยายร้านเพิ่มอีก 1 เท่าตัว จากปกติที่ขยายปีละ 40-50 สาขาอยู่แล้วในเอเชีย แม่ทัพของ Uniqlo ยังพูดต่อหน้าผู้สื่อข่าวอีกว่า ไม่ช้าก็เร็วการระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลง ซึ่งหลังจากนั้นช่วงเวลาที่ลูกค้าจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์จะกลับมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันยานาอิยังกล่าวอีกว่า ‘ช่องทางออนไลน์’ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตต่อไป และเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ Fast Retailing จึงจะสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติไปในทุกพื้นที่ทั่วโลก
กำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 23%
ความเคลื่อนไหวของยักษ์ฟาสต์แฟชั่นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Fast Retailing ออกมารายงานผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2021 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน 2020 ถึงกุมภาพันธ์ 2021 ที่แม้รายได้รวมจะลดลง 0.5% เป็น 1.2 ล้านล้านเยนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เมื่อมองเข้าไปในผลกำไรจากการดำเนินงานจะพบว่า เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาอยู่ที่ 167.9 พันล้านเยน การเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ผลลัพธ์จากผลงานที่แข็งแกร่งในญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเข้ามาช่วยให้ Fast Retailing สามารถเอาชนะผลกระทบจากการระบาดของโควิด -19
Uniqlo สร้างผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายในบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่นโดยรายรับเพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 492.5 พันล้านเยน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 36.6% เป็น 97.8 พันล้านเยน ส่วนยอดขายออนไลน์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 40% ด้านธุรกิจต่างประเทศถึงยอดขายจะลดลง 3.6% มาอยู่ที่ 521.8 พันล้านเยน ทว่ากำไรจากการดำเนินงานกลับส่วนทาง เพราะเพิ่มขึ้น 25.9% เป็น 67 พันล้านเยน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นในพื้นที่เอเชียตะวันออก จึงไม่ต้องแปลกใจหากนายใหญ่จะสั่งให้เร่งเครื่องธุรกิจในเอเชีย
ภาพรวมของธุรกิจที่ดีขึ้นทำให้ Fast Retailing ตัดสินใจ ปรับเพิ่มการคาดการณ์ของปีงบประมาณ 2021 ที่จะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม 2021 ขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่ารายรับจะเพิ่มขึ้น 10% จากปีงบประมาณก่อนเป็น 2.21 ล้านล้านเยนและกำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 70% เป็น 255 พันล้านเยน ก่อนหน้านี้คาดการณ์ไว้ว่าจะมีรายรับอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านเยนและกำไรจากการดำเนินงาน 245 พันล้านเยน
การเมืองกำลังจะพ่นพิษธุรกิจ
ถึงภาพรวมของธุรกิจจะดีขึ้น แต่กระนั้น ‘ทาดาชิ ยานาอิ’ กลับกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองกำลังทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจยากขึ้น คำพูดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Uniqlo ถูกโยงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการขอให้คว่ำบาตการใช้ฝ้ายจากซินเจียงของจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีการบังคับใช้แรงงานชาวชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์
Fast Retailing ออกแถลงการณ์เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า “ไม่มีผลิตภัณฑ์ Uniqlo ที่ผลิตในภูมิภาคซินเจียงนอกจากนี้ยังไม่มีพันธมิตรด้านการผลิตของ Uniqlo รับช่วงการผลิตจากโรงงานผลิตผ้าหรือโรงปั่นด้ายในภูมิภาคนี้” เมื่อถูกนักข่าวถามถึงเรื่องนี้ยานาอิ กล่าวว่า “แน่นอนถ้าเราพบปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในโรงงานหรือการผลิตฝ้ายของเรา เราจะหยุดทำธุรกิจทันที”
ขณะเดียวกันเขาก็ย้ำอีกว่า “เราเป็นกลางทางการเมืองถ้าฉันพูดอีกต่อไปมันจะกลายเป็นเรื่องการเมืองดังนั้นฉันจะ ‘ไม่แสดงความคิดเห็น’ อีก” ส่วนในแง่ของการมีส่วนร่วมจากการใช้วัสดุดิบที่อาจมาจากการบังคับใช้แรงงานนั้น Fast Retailing ได้ยืนยันว่า สินค้าของบริษัทใช้เฉพาะ ‘ผ้าฝ้ายจากแหล่งที่ยั่งยืน’ ไม่มีการใช้เด็กหรือแรงงานที่ถูกบังคับ
“สิทธิมนุษยชนมีความสำคัญและเราได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำแล้ว” ยานาอิกล่าว แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้