ทำไม Amazon เจ้าอีคอมเมิร์ซ ต้องซื้อ MGM สตูดิโอเก่าแก่ของฮอลลีวูดด้วย
17 Jun 2021

นับเป็นข่าวที่สะเทือนวงการฮอลลีวูดอยู่ไม่น้อย เมื่อเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอย่าง Amazon ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 53 ล้านบาท ได้เข้าซื้อ MGM สตูดิโอหนังเก่าแก่ของฮอลลีวูดที่มีภาพคุ้นอย่างภาพสิงโตคำรามก่อนที่หนังจะเข้าฉาย

ดีลนี้มีมูลค่ากว่า 8.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งดีลนี้จะปิดได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎข้อบังคับและเงื่อนไขตามธรรมเนียมอื่นๆ แต่กระนั้นคำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซต้องเข้าซื้อสตูดิโอหนังเก่าแก่ของฮอลลีวูดด้วย?

 

ย้อนประวัติ MGM

"MGM เป็นเรื่องราวของฮอลลีวูดจริงๆ" โจนาธาน คุนซ์ ศาสตราจารย์ด้านภาพยนตร์ที่ UCLA School of Theatre, Film and TV กล่าวกับ CNN Business “สตูดิโอได้ผ่านทุกวงจรของธุรกิจภาพยนตร์ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา”

 “ในหลายๆ เรื่อง MGM เป็นแนวคิดของสตูดิโอคลาสสิกของฮอลลีวูด” เขากล่าว "และพยายามรักษาความคิดนั้นไว้นาน แต่หลังจากนั้นนี่ไม่ใช่กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ใช้ได้ผลอีกต่อไป"

สำหรับประวัติของ MGM เริ่มต้นเมื่อเกือบศตวรรษที่แล้วด้วยการควบรวมกิจการ โดยในปี 1924 Marcus Loew เจ้าพ่อโรงละครได้รวบรวม Metro Pictures และ Goldwyn Pictures รวมทั้ง Louis B.Mayer Productions เพื่อก่อตั้ง Metro-Goldwyn-Mayer โดย MGM ถูกกล่าวขานว่าเป็นสตูดิโอตัวอย่างยุคทองของฮอลลีวูดและเป็นจุดเริ่มต้นของเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตมาเป็นฮอลลีวูดยุคใหม่ และผลิตภาพยนตร์หลายเรื่องที่นับว่าเป็นตำนานของภาพยนตร์ด้วยกันเองทั้ง The Wizard of Oz, Singin 'In The Rain และ Ben Hur ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ 11 รางวัล เป็นสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคแรกๆ ของฮอลลีวูด

 

ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียง

"ครั้งหนึ่ง MGM เป็นสตูดิโอที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮอลลีวูด" Leonard Maltin นักวิจารณ์ภาพยนตร์และนักประวัติศาสตร์กล่าวกับ CNN Business "มันมีช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ"

เนื่องจาก MGM ทำธุรกิจแบบระบบสตูดิโอจึงมีนักแสดงภายในสังกัดหลายคนที่ถือเป็นซูเปอร์สตาร์ ของฮอลลีวูดไม่ว่าจะเป็น คลาร์ก เกเบิล หรือ โจแอน ครอว์ฟอร์ดแต่ในขณะที่ฮอลลีวูดเปลี่ยนไปตามการถือกำเนิดของทีวี MGM ก็ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงมากที่สุด โดย “MGM พยายามรักษาวิถีเดิมๆ ของฮอลลีวูด” นักวิจารณ์ภาพยนตร์กล่าว

เช่นเดียวกับช่วงเวลาปัจจุบันปลายทศวรรษที่ 1960 เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับฮอลลีวูด การเพิ่มขึ้นของโทรทัศน์และรสนิยมที่เปลี่ยนไปของผู้ชมทำให้ธุรกิจของฮอลลีวูดหยุดชะงัก MGM ก็เป็นเช่นเดียวกับสตูดิโออื่นๆ ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงและแม้พยายามปรับตัวแต่ก็ช้าเกินไป ในที่สุดจึงมีการขายกิจการหลายครั้งและล่าสุดก็ตกมาอยู่ในมือของ Amazon

           

เติมเต็ม Amazon Prime

การเข้าซื้อ MGM ของเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะต้องการกระโดดเข้าสู่วงการสร้างภาพยนตร์ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ Amazon จะได้จากดีลครั้งนี้คือ ภาพยนตร์มากกว่า 4,000 เรื่องและรายการทีวี 17,000 รายการ ซึ่งนี้คือขุมทรัพย์ที่แท้จริงสำหรับดีลนี้แม้ว่าธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่งจะเป็นส่วนเล็กๆ ของอาณาจักร Amazon แต่ตัว Amazon ก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด

ดังนั้นการได้คลังเนื้อหาจำนวนมากนี้จะเข้ามาเติมเต็มให้กับ Amazon Prime ที่กำลังเติบโต โดยมีสมาชิกแบบชำระเงินมากกว่า 200 ล้านราย ทิ้งห่างกับคู่แข่งอย่าง Netflix ไม่มาก ซึ่งฝ่ายนั้นมีผู้ติดตามอยู่ที่ราว 208 ล้านคนนอกจากนี้อีกขุมทรัพย์ที่ Amazon จะได้จากดีลครั้งนี้คือ ‘James Bond’ แฟรนไชส์สายลับซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอลลีวูด มีรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันการเข้าซื้อ MGM จะช่วยให้ Amazon Prime สามารถต่อกรกับคู่แข่งหลักอย่าง Netflix และ Disney+ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดที่ช่วยเพิ่มแต้มต่อคือการซื้อเนื้อหา เครือข่ายหรือสตูดิโอมาเป็นของตัวเองดังนั้นการซื้อนี้ทำให้ Amazon มีเนื้อหามากขึ้นสตูดิโอที่ได้รับการยอมรับในฮอลลีวูด และ James Bond มาอยู่ใต้ชายคามีพลังดึงดูดผู้บริโภคให้อยากเข้ามาเป็นลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญคือช่วยให้ Amazon Prime สามารถแข่งขันได้มากขึ้นในโลกแห่งการสตรีมที่โหดเหี้ยม  

[อ่าน 5,063]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สมการใหม่ของ Apple เบื้องหลัง iPhone ราคา 2,000 ดอลลาร์ และกลยุทธ์ในวันที่ตลาดอิ่มตัว
ปฏิบัติการ รีแบรนด์ Microsoft Office เมื่อ “AI” เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดการดีไซน์
ทำไม JW Anderson จึงโดดเด่นในการออกแบบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์
สี จิ้นผิง–เผิง ลี่หยวน เปิดงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำ SCO 2025 ที่เทียนจิน โชว์บทบาทเจ้าภาพผลักดันความร่วมมือภูมิภาค
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เดิมพันครั้งสุดท้าย? คว้า ‘อเล็กซานเดอร์ หวัง’ ขุนศึก AI ปั้นฝัน Superintelligence
AI ไม่ได้ฆ่า Google Search? เบื้องหลังปราการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าที่คิด
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved