“เอสซีจี” ยก “Bubble & Seal” ปิดจุดเสี่ยง ชู “นวัตกรรม” เปิดโอกาสธุรกิจใหม่ รับมือโควิด 19
11 Aug 2021

 

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังต้องรับมือ โดยเฉพาะการระบาดอย่างหนักในภูมิภาคอาเซียนรวมถึงไทยไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนแต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างหนักทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคท้าทายภาคธุรกิจให้ต้องปรับตัว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที ไม่เพียงให้รอดพ้นจากวิกฤตแต่รวมถึง การพลิกวิกฤตเป็นโอกาส จับกระแส (Trend) ให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน 

 

ยกระดับความปลอดภัย สู่มาตรการ “Bubble & Seal” เดินเครื่องธุรกิจไม่ชะงัก

“โควิด 19 รอบใหม่นี้ กระทบทั้งอาเซียน แต่ยังมีอีกหลายตลาดในต่างประเทศ ที่ยังมีความต้องการสินค้าอยู่ อยู่ที่เราจะเดินโรงงานให้ต่อเนื่องได้อย่างไร”

 

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เริ่มมีการระบาด เอสซีจีใช้มาตรการ ไข่ขาว-ไข่แดง” ในโรงงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแยกพนักงานในสายการผลิตไม่ให้สัมผัสกับพนักงานทั่วไป ให้โรงงานสามารถเดินเครื่องผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดโลกได้ แต่จากการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เอสซีจีเร่งยกระดับความเข้มข้นจากมาตรการ “ไข่ขาว-ไข่แดง” สู่การทำ “Bubble & Seal” มีการตรวจเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมพื้นที่เสี่ยง พร้อมจัดที่พักให้ภายในโรงงาน ควบคู่กับแนะนำให้พนักงานที่มีอาการป่วยสีเหลืองและสีเขียวกักตัวที่บ้านหรือที่ทำงานตามคำแนะนำของแพทย์ (Home / Company Isolation)โดยมียาและอุปกรณ์การแพทย์ให้ รวมถึงมีการประสานงานกับโรงพยาบาล เพื่อให้คำแนะนำและตรวจติดตามอาการ อีกทั้งจัดเตรียมหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) สำหรับพนักงานที่ป่วย ให้เข้าถึงการรักษาที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็วที่สุด

 

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี

 

ขณะเดียวกัน ก็มุ่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยการปรับสัดส่วนการขายกระจายสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ไปยังตลาดที่ได้รับผลกระทบน้อยทั้งใน และต่างประเทศ เน้นการขายผ่าน ช่องทางออนไลน์” และการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล” มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจตลอดซัพพลายเชน

 

มาตรการ BubbleSeal ของเอสซีจี ที่ปรับใช้ในโรงงานทั้งในเเละต่างประเทศ

รุกตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียน เทรนด์โลกที่เติบโตสูง

กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี มองว่า แม้จะเกิดการระบาดของโควิด 19 อย่างหนัก ส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่ “ทุกวิกฤตถือเป็นโอกาส” โดยเฉพาะสินค้าด้านสุขอนามัยและสินค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ที่เอสซีจีกำลังมุ่งไปโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ควบคู่กับการเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้ามูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) เพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ความร่วมมือเปลี่ยนขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือน หมุนเวียนกลับมาเป็นนวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) เพื่อใช้ผลิตเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย เร่งธุรกิจเข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เติบโตสูง พร้อมการขยายตลาดในต่างประเทศ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง

 

นวัตกรรมเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR)

 

วางแผนการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว

จากที่ครึ่งปีแรกของปี 2564 เอสซีจีมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) คิดเป็น 34% ของรายได้จากการขายรวม หรือ 86,861 ล้านบาท รุ่งโรจน์ระบุว่า เอสซีจีตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่วนนี้เป็น 50% ภายใน 3-5 ปีจากนี้ เช่นเดียวกับการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย เป็น 50% ในระยะ 3-4 ปีจากนี้ จากในครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่มีรายได้คิดเป็น 44% ของยอดขายรวม หรือ 112,272 ล้านบาท

“ภายใน 1-2 ปี โครงการ Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ของเอสซีจีที่เวียดนามจะเริ่มดำเนินการได้ รวมถึงการขยายธุรกิจของแพคเกจจิ้งในภูมิภาค เริ่มเห็นผล มียอดขาย และหากธุรกิจก่อสร้างและซีเมนต์ในต่างประเทศสามารถเข้าสู่ตลาดออนไลน์ได้ จะทำให้สัดส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศสูงขึ้น”

 

SCG รุกตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียน เทรนด์โลกที่เติบโตสูง สินค้า บริการ เเละโซลูชัน ตามแนวคิด ESG

 

นอกจากนี้ เอสซีจียังลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด หรือ “เอสซีจี เคมิคอลส์” ซึ่งเอสซีจีถือหุ้นทั้งหมด เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน PT. Chandra Asri Petrochemical Tbk หรือ “CAP ประเทศอินโดนีเซีย เป็นจำนวนเงิน 434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 14,260 ล้านบาท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน CAP ที่ 30.57% โดยจะนำไปลงทุนในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ แห่งที่ 2 (CAP2) ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากตลาดปิโตรเคมีในอินโดนีเซียถือว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียนและมีอัตราเติบโตสูง

 

“ลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ต้องอาศัยระยะเวลาดำเนินการ 4-5 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ จึงต้องวางแผนล่วงหน้า เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ต่อจากโครงการ LSP ที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2566”

 

MOCD Project วางแผนการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว

 

แม้การระบาดหนักของโควิด 19 ยังมีท่าทีว่าจะยืดเยื้อไปถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่สิ่งที่ภาคธุรกิจอย่างเอสซีจีดำเนินการคือ “เร่งปิดจุดเสี่ยง” ลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 มายังพนักงานและคู่ค้า เพื่อรักษาฐานการผลิตสินค้าไว้ ขณะเดียวกันยัง “เปิดโอกาส” แสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลมาพัฒนา “นวัตกรรม” เพื่อนำทางธุรกิจในวิกฤตนี้

 

 

ผู้สนใจสามารถติติดตามข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจีได้ที่ https://scgnewschannel.com / Facebookscgnewschannel Twitter@scgnewschannel หรือ Line@@scgnewschannel
[อ่าน 2,074]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน
นีเวีย จับมือ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ สานต่อพันธกิจ NIVEA CONNECT
“วิกฤติคือโอกาส” ศุภลักษณ์ อัมพุช โชว์พลังสตรีสร้างศูนย์การค้าไทยสู่ระดับโลก
CASETiFY ปักหมุดทำเลทอง ICONSIAM และ MEGABANGNA

ซีพีแรม (ลาดกระบัง) เดินหน้าฟื้นฟูป่าชายเลน สร้างสมดุลธรรมชาติ สอดคล้องการพัฒนายั่งยืนองค์การสหประชาชาติ (SDGs)
กรุงไทยขนโปรร่วม “Money Expo เชียงใหม่” 7-9 พ.ย.นี้ หนุนอิสระทางการเงิน ยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved