แนวคิดการผสาน ”ชาเลนเจอร์แบงก์” เสริมแกร่ง K BANK เป็นธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 เมืองไทย
ช่วงที่ผ่านมา KBank ถือเป็นธนาคารที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอย่างเข้มข้น จนปัจจุบันกลายเป็นธนาคารดิจิทัลตัวเลือกอันดับหนึ่งของคนไทย
เพราะนับตั้งแต่ธนาคารประกาศแผนผสานความเป็น “ชาเลนเจอร์แบงก์” เข้ามาในองค์กร ที่ใช้เทคโนโลยีมาทำลายข้อจำกัด การทำงาน และการบริการลูกค้า KBank ได้สร้างการเติบโตอย่างเกินคาด
โดยในเวลาเพียงแค่ 6 เดือนมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธนาคารมียอดผู้ใช้แอป K PLUS เพิ่มขึ้น 2 ล้านคน
โดย 1 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยใช้บริการของธนาคาร จนถึงมียอดเงินการทำธุรกรรมผ่าน K PLUS สูงถึง 10 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
นางสาว ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า
“ตั้งแต่ปรับโมเดลมาเป็น ชาเลนเจอร์แบงก์ ที่ใช้เทคโนโลยีมาเปิดประตูแห่งโอกาสให้คนจำนวนมากเเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารง่ายขึ้น K BANK ก็สร้างการเติบโตก้าวกระโดด
ทำให้ปัจจุบัน KBank มีธุรกรรมที่ทำผ่านระบบออนไลน์ถึง 98%
ที่น่าสนใจคือ เวลานี้ ยอดเงินโอนผ่านแอป K PLUS ได้มากกว่ายอดเงินโอนผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้งหมดของธนาคารรวมกัน และในแต่ละชั่วโมงมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องประมาณ 1 ล้านรายการ ต่อชั่วโมง
คุณขัตติยา กล่าวว่า “ความนิยมที่เพิ่มขึ้น มันมาพร้อมความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ KBank ต้องก้าวล้ำไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีการเงิน
เพื่อสร้างบริการใหม่ๆ และระบบที่มีเสถียรภาพสูง เพราะเป้าหมายเรามองไปไกลเกินกว่าขอบเขตประเทศไทย แต่ KBank ต้องการเป็นผู้นำธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดระดับภูมิภาค”
นอกจากนี้ ธนาคารยังให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการใช้บริการ K PLUS โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการป้องกัน และตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติควบคู่ไปกับการใช้งานที่สะดวกและเหมาะสมกับลูกค้าทุกกลุ่มของธนาคาร
ไม่ใช่แค่ในภาคบริการลูกค้าทั่วไปแต่ KBank ยังเป็นธนาคารที่ช่วยเหลือระบบเศรษฐกิจไทย
ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ มอบต้นทุนทางด้านการเงินที่ต่ำกว่า
และยังเป็นธนาคารเดียวในประเทศไทย ที่ไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนจากธนาคารตัวกลาง สำหรับการโอนเงินจากประเทศไทย ไปยัง 32 ประเทศคู่ค้า
ขณะเดียวกันในช่วงปี 2565 K Bank ได้ประกาศความร่วมมือกับ LINE เปิดบริการ LINE BK บริการธนาคารออนไลน์บนแอปฯ โซเชียลมีเดีย โดยมี 2 บริการหลัก
1. โอน- จ่ายผ่านไลน์ โอนให้เพื่อนผ่านแชท ช่วยให้ธุรกรรมสะดวกขึ้น
2. สินเชื่อ เข้าถึงง่าย เข้าถึงได้กว้าง สมัครโดยไม่ต้องใช้เอกสารอะไร
โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1,400,000 ราย เมื่อสิ้นปี 2565 และมียอดสินเชื่อปล่อยกู้ผ่าน LINE BK กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
โดยส่วนใหญ่เป็นการให้กู้ยืม แก่ลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำ เช่น คนทำงานอิสระ และผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอื่น ๆ
ต้องบอกว่า LINE BK ช่วยให้คนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารหรือเข้าถึงได้ยาก สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม
โดยคุณขัตติยาให้เหตุผลไว้อย่างน่าสนใจ โดยเธอบอกว่า คนที่ใช้บริการ LINE BK มักจะไม่มีรายได้ประจำ หรือไม่มีสลิปเงินเดือน ทำให้พวกเขามีความยากลำบากในการได้รับอนุมัติเงินกู้จากธนาคาร
เพื่อจะเอามาช่วยเหลือตัวเองในช่วงที่ยากลำบาก ทำให้ต้องหันไปหาเงินกู้นอกระบบ โดย LINE BK ถือว่า มาช่วยปิดช่องว่างตรงนี้ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนไทย
โดย LINE BK ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนอาชีพอิสระ เจ้าของแผงค้าขายขนาดเล็ก ที่ช่วยคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบธนาคาร ทำให้มีประวัติเครดิตและนำเงินไปขยายธุรกิจ
ขณะเดียวกัน LINE BK ใช้ระบบเอไอวิเคราะห์ข้อมูลผู้ขอสินเชื่อ
เช่น พฤติกรรมจากบริการที่เกี่ยวข้องของ LINE ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากผู้สมัครขอสินเชื่อก่อน เพื่อประเมินความสามารถและความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้กับทางธนาคาร
ซึ่งหากให้สรุปโมเดล ชาเลนเจอร์แบงก์ ที่ทาง KBank ประกาศใช้ขับเคลื่อนองค์กร เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้า 2 เรื่องหลัก ๆ
1. ขยายการเข้าถึงเงินกู้ และบริการต่างๆ ของธนาคารให้กับคนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 ล้านคน
2. การเป็นธนาคารดิจิทัล นอกจากดึงดูดลูกค้ายังสร้างความประทับใจด้วยกระบวนการทำงาน และมีบริการที่คล่องตัว และยังทำให้ลูกค้าใช้งานง่ายขึ้น เข้าถึงบริการการเงินได้ทุกที่ตลอดเวลา
คุณขัตติยา อธิบายเพิ่มเติมว่า มันเป็นการหลอมรวม DNA ของความเป็น ชาเลนเจอร์แบงก์ เข้าไปในแก่นของธนาคารกสิกรไทย จากที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ให้ได้รับการยอมรับเชื่อถือในความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้นไปอีก
โดยภายใต้โครงการดังกล่าวนี้ K BANK ได้จัดสรรงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยี ในช่วงปี 2565 - 2567