บลจ.อีสท์สปริง เปิดทิศทางการลงทุนไตรมาส 2 มองตลาดหุ้นจีน เอเชีย สหรัฐฯ เริ่มเป็นบวก
03 Apr 2023

ดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า

"ตามที่บลจ.อีสท์สปริงได้มีการประเมินไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า อาจเห็นการสับเปลี่ยนของผลการดำเนินงานการลงทุนทั้งในระดับกลุ่มประเทศและกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน ยุโรป ที่ทำผลตอบแทนค่อนข้างน่าผิดหวังในปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าเป็นไปตามคาด

 

โดยหลังจบไตรมาส 1 ของปี 2566 กลุ่มประเทศเหล่านี้กลับสามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างโดดเด่น โดย S&P500 ทำได้ 7.03%, STOXX600 ทำได้ 7.75% ,CSI300 ทำได้ 4.63%

 

ขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทย อินเดีย อินโดนีเซีย ซึ่งปีที่แล้วสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ต่างพากันติดลบ SET -3.57% , SENSEX -3.04% และ JCI -0.66% (ข้อมูล  Bloomberg : ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)"

 

ทั้งนี้ ดัชนีรายอุตสาหกรรมของ S&P500 ค่อนข้างกลับทิศจากปีที่แล้วอย่างชัดเจน ซึ่งในปีที่ผ่านมากลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่สร้างความผิดหวังและติดลบค่อนข้างมาก

 

แต่หลังจบไตรมาสแรกของปีนี้กลุ่มเทคฯ สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ถือเป็นกลุ่มที่ทำผลตอบแทนดีที่สุดในกลุ่มเติบโต (Growth Theme)

 

โดย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดคือ กลุ่มเทคโนโลยี ทำได้ถึง 21.49% รองลงมาเป็นกลุ่มสื่อสารทำได้ 20.18% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยทำได้ 15.76%

 

และ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำผลตอบแทนได้น้อยสุดหลังจบไตรมาสแรกได้แก่ กลุ่มการเงิน -6.05% กลุ่มพลังงาน -5.57% กลุ่มสุขภาพ -4.72% (ข้อมูล  Bloomberg : ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)

 

ดารบุษป์ กล่าวว่า "สำหรับมุมมองในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บลจ.อีสท์สปริง ยังเชื่อว่าจะยังเป็นภาพเดียวกันกับไตรมาสแรก ที่กลุ่มเทคฯและกลุ่มเติบโตจะสามารถทำผลตอบแทนได้น่าสนใจต่อเนื่อง

 

ขณะที่ความผันผวนและความเปราะบางของตลาดการเงินยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลแก่การลงทุนอยู่ โดยประเมินว่าเรื่องของเงินเฟ้อจะค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้เป็นผลจากความไม่มั่นใจของประชาชนต่อเสถียรภาพของระบบการเงินที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้ง SVB และ Credit Suisse ส่งผลให้ทางการต้องเข้ามาช่วยเหลือ และเริ่มเกิดปรากฎการณ์แห่ถอนเงินฝากเข้าไปลงทุนในกองทุนตลาดเงินมากขึ้น

 

ซึ่งปัจจุบันกองทุนตลาดเงินในสหรัฐฯมีขนาดล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566  (ข้อมูล Bloomberg) อยู่ที่ 5.19 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าช่วงโควิด ซึ่งอยู่ที่ 4.78 ล้านล้านดอลลาร์"

 

จากประเด็นความไม่มั่นใจของประชาชน ซึ่งอาจส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงความเปราะบางของสถานการณ์ตลาดเงินอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

 

ซึ่งจาก Dot Plot ล่าสุด Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง แต่สิ่งที่นักลงทุนมองต่างจาก Fed คือ สถานการณ์มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรือ อาจถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย

 

ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งการใช้จ่ายที่อาจลดลง และ การตึงตัวของตลาดเงินที่ความไม่มั่นใจสูงขึ้น การระดมทุนยากขึ้นส่งผลให้นักลงทุนมองว่า Fed อาจจะต้องกลับลำแล้วมาลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

 

“เราประเมินว่าความผันผวนจากตลาดเงินจะยังคงอยู่แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เริ่มเห็นทางการของแต่ละประเทศเข้ามาแก้ปัญหาค่อนข้างรวดเร็วและไม่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย

 

ทำให้เราคาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจยังไม่เกิดในปีนี้ จากการเข้ามาช่วยเหลือของทางการและการเปลี่ยนท่าทีของ Fed ที่อาจมีการกลับลำในการลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เพื่อเป็นการประคองเศรษฐกิจ” ดารบุษป์ กล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า

 

ในมิติของการลงทุนจะเห็นกลุ่มของ Value Theme ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร พลังงาน กลุ่มอุตสาหกรรม

 

ในไตรมาสที่ 2 อาจเริ่มเห็นผลกระทบที่ชัดเจนขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว เงินเฟ้ออาจจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) จะลดลงตาม ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนรวมถึง Fed เริ่มมองถึงการลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

 

ในมิตินี้กลุ่มที่จะได้ประโยชน์จาก Yield ที่ลดลงคือกลุ่มเทคฯ และกลุ่มเติบโต ขณะที่สินทรัพย์อย่างตราสารหนี้โลกที่เป็นกลุ่มของพันธบัตรรัฐบาลและกลุ่มของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีคุณภาพในระดับ Investment Grade (IG) ก็เป็นอีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงที่ Yield ปรับตัวลดลง

 

แต่ยังคงต้องระวังกลุ่มของ High Yield (HY) ที่อาจมีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระรวมถึงการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ

 

ขณะที่ภาพรวมของประเทศจีนและภูมิภาคอย่างเอเชียอาจได้รับประโยชน์จากพัฒนาการทางเศรษฐกิจของจีนที่ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ทำให้โดยภาพรวมในไตรมาสที่ 2 ธีมการลงทุนที่เราชื่นชอบ คือ ตลาดหุ้นจีน เอเชีย สหรัฐฯ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่เรายังชอบต่อเนื่องและได้รับประโยชน์จาก Yield ที่ลดลงคือ กลุ่มเทคฯ และกลุ่มเติบโต

 

ในส่วนของตราสารหนี้แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศภาครัฐฯ และเอกชนในระดับ Investment Grade (IG) และสินทรัพย์ที่ต้องระมัดระวังในช่วงไตรมาส 2 คือ กลุ่มที่เน้นภาคการผลิตและอ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ กลุ่มธนาคาร พลังงาน อุตสาหกรรม และตราสารหนี้ที่เป็น High Yield (HY)

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่กำลังต้องการเก็งกำไรในทองคำอาจต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น ถึงแม้ความไม่แน่นอนการลงทุนจะสูงในช่วงนี้ การลงทุนในทองคำถือเป็นตัวช่วยป้องกันความผันผวนที่อาจจะเกิด

 

แต่ราคาทองคำในระดับปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่สูงซึ่งจุดสูงสุดของทองคำตลาดโลกคือ 2,051 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ 1,969 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ (ข้อมูล  Bloomberg : ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)

 

ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมประมาณ 4% และหากในอนาคตทาง Fed มีการลดดอกเบี้ย หรือ กรณีเกิดเหตุความไม่แน่นอนและทางการเข้ามาช่วยเหลือเหตุการณ์ทันที

 

ทองคำอาจมีการย่อตัวลง ดังนั้นสัดส่วนการลงทุนที่ทางเราแนะนำคือ ไม่เกิน 5% เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน

[อ่าน 1,241]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอเซอร์ เปิดตัวแล็ปท็อป TravelMate X14 AI พร้อมโปรเจ็กเตอร์รักษ์โลก Vero
แฟชั่นนิสต้าห้ามพลาด! เซ็นทรัลพัฒนา จับมือ บัตรเครดิต ttb เสิร์ฟแคมเปญ “ช้อปตัวแม่”
New Balance เปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ใหญ่สุดในไทยที่ CENTRAL PARK ประเดิมขายรุ่น 1906L สีใหม่ 10 ก.ย. นี้
Lee ปลุกตำนานยีนส์ ดึง Zhang Linghe นั่ง Brand Ambassador APAC
มาสเตอร์การ์ด–Beam เปิดตัว “Beam Bolt” พลิกโฉม SME ไทยสู่ดิจิทัลเพย์เมนต์
MJets ผู้นำการบินส่วนบุคคลจากไทย ยกระดับสู่เวทีโลกด้วยบริการครบวงจร
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved