ซิซซ์เล่อร์ - ซานตาเฟ่ เปิดเกม ชิงตลาดสเต๊ก 9,000 ล้าน
10 May 2023

ภาพรวมตลาดสเต๊กในไทย มีมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัว 3.5% สิ่งที่น่าสนใจก็คือ พฤติกรรมการบริโภคสเต๊กของคนไทยมีการยกระดับต้องการบริโภคสเต็กระดับพรีเมียมมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่คนไทยมีประสบการณ์การบริโภคอาหารประเภทนี้จากการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ

 

การขยายตัวของตลาดโดยรวมสอดคล้องสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทย ที่จีดีพีของประเทศ จะขยายตัวได้ดีที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จีดีพี มีการขยายตัว 3% ส่วนตลาดรวมร้านอาหารในไทยมีมูลค่ามากกว่า 1.5 แสนล้านบาท

 

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เทรนด์ของการบริโภคสเต๊กพรีเมียม กำลังมีทิศทางการเติบโตที่ดีในย่านเอเซีย รวมถึงประเทศไทย

โดย ซิซซ์เล่อร์ ในเครือ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ออกมาให้ข้อมูลว่า ตลาดพรีเมียมสเต๊ก ในเอเซีย มีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อเนื่องมาตลอด สวนทางกับตลาดอเมริกาที่โดนผลกระทบจากการขยายตัวของร้านอาหารแนว QSR ซึ่งการเติบโตที่น่าสนใจนี้ ลามมาถึงบ้านเรา โดยคนไทยเอง หลายๆ คนเริ่มมีประสบการณ์ในการบริโภคสเต๊กระดับพรีเมียมจากการเดินทางท่องเที่ยวในหลายประเทศ จึงมองหาประสบการณ์ในการบริโภคสเต๊กพรีเมียมมากขึ้น

 

ทำให้ซิซซ์เล่อร์ ต้องมีการปรับเกมรุก ด้วยการหันมาให้น้ำหนักในการเพิ่มเมนูสเต๊กระดับพรีเมียมมากขึ้น

 

ล่าสุด เปิดตัวสเต๊กพรีเมียมนำเข้าจากต่างประเทศเสิร์ฟพร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น อย่างสเต๊กริบอายจานร้อน ที่ทำจากเนื้อวัวส่วนที่อยู่ติดซี่โครงเกรดนำเข้าจากออสเตรเลีย สเต๊กปลาแซลมอนซูวีสไตล์นอร์ดิก ที่พิถีพิถันในการทำ หรือจะเป็นซิซซ์เล่อร์ ซิกเนเจอร์คัต ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ที่ทำจากวัตถุดิบคุณภาพเฉพาะที่ซิซซ์เล่อร์เท่านั้น รวมทั้งเมนูเรียกน้ำย่อยโฉมใหม่หลากหลายที่รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เป็นต้น

 

 

อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

ซิซซ์เล่อร์ อยู่ในตลาดเมืองไทยมา 30 ปี สิ่งที่เป็นจุดแข็งก็คือ การมี Positioning ที่ค่อนข้าง Unique นั่นคือ จะอยู่ตรงกลางระหว่างสเต๊กกับสลัดบาร์ ที่มีทั้งสเต๊ก และสลัดบาร์ให้เลือกตักได้แบบไม่อั้น เป็นจุดยืนที่ค่อนข้างแตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่นๆในตลาด

 

“เรามองเห็นเทรนด์ของการเติบโตของอาหารประเภทสเต๊กในภูมิภาคเอเซีย ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 5% สวนทางกับที่อเมริกาที่ร้านอาหารประเภทนี้โดนผลกระทบจากการรุกตลาดของ QSR

ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเอง ก็มีการยกระดับการบริโภคต้องการสเต๊กที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมมากขึ้น ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์ หันมาเพิ่มเมนูสเต๊กพรีเมียมคุณภาพ

ในราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยากนัก หลังจากที่ไม่ได้เทน้ำหนักมาที่เรื่องดังกล่าวนี้มาระยะเวลาหนึ่ง”

 

 

ส่วนการรุกตลาดในสเตปนี้ จะมาพร้อมกับการให้น้ำหนักไปที่การทำในเรื่องของ Branding ที่จะมีการสื่อสารถึงการเป็นเฮอริเทจ แบรนด์ ที่อยู่ในตลาดมากว่า 80 ปี และเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยครบ 30 ปี โดยจะสื่อสารให้เห็นถึงการเป็นสเต๊กคุณภาพระดับพรีเมียม แต่สามารถเข้าถึงด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก

 

“ซิซซ์เล่อร์ ยังคงมุ่งมั่นในการส่งมอบประสบการณ์มื้ออาหารสุดพิเศษพร้อมกับการเป็นเดสติเนชันแห่งความสุขทุกช่วงเวลาเพื่อผู้บริโภคทุกกลุ่ม พร้อมก้าวสู่บทใหม่แห่งความอร่อยด้วยการไม่หยุดรังสรรค์เมนูอาหารใหม่ๆ และการพัฒนามาตรฐานการให้บริการ ตลอดจนคัดสรรโปรโมชันที่โดนใจลูกค้าตลอดทั้งปี เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่หยุดนิ่ง ทั้งนี้คาดว่าจากการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้จะส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 นี้ มียอดขายที่เติบโต” อนิรุทธิ์ กล่าวและเสริมว่า

 

ขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา มีการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา ทำให้ล่าสุดมีสาขารวมกันประมาณ 63 สาขา เป็นสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ 70% และอีก 30% เป็นสาขาในต่างจังหวัด

 

ส่วนในปีนี้ จะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยๆ 3-4 สาขา มีบางส่วนเป็นการขยายสาขาเข้าไปในหัวเมืองรองที่มีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างดี โดยซิซซ์เล่อร์ ประสบความสำเร็จมาแล้วจากการขยายสาขาเข้าไปในจังหวัดระยองและจันทบุรีในช่วงที่ผ่านมา


 

 

ปิติ ภิรมย์ภักดี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด

 

ในส่วนของ ซานตาเฟ่ ก็มีการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นนี้ กำลังเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์สเต๊กในบ้านเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างกรณีของ ซานตาเฟ่ ที่ในปี 2566 วางแผนขยายสาขาใหม่ รวม 20 สาขา ทั้งสาขาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ 130 ตร.ม. และสาขาขนาดเล็ก พื้นที่ 50 ตร.ม.ที่เรียกว่า “ซานตา เฟ่ อีซี่” (SANTA FE' EASY) เน้นให้บริการในแบบ QSR (Quick Service Restaurant) เพื่อสามารถเลือกรับประทานได้สะดวกและใช้เวลารวดเร็ว รวมถึงเน้นให้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน

 

สาขาในรูปแบบดังกล่าว เป็นการรุกขยายสาขาที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการให้บริการของซานตาเฟ่ได้ง่ายมากขึ้น โดยมีการใช้กลยุทธ์ราคาให้สอดคล้องกับการขยายสาขาในรูปแบบดังกล่าว ด้วยการตั้งราราเริ่มต้นไว้ที่ 140 บาท เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถเลือกเข้ามารับประทานได้สะดวกและรวดเร็ว สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

สำหรับสาขาขนาดใหญ่ จะมีราคาสินค้าเริ่มต้นที่ 180 บาท เป็นการให้บริการแบบฟูลเซอร์วิสที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย โดยเป้าหมายระยะยาว 5 ปีข้างหน้า จะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 300 สาขา แบ่งเป็น ซานตา เฟ่ อีซี่ 200 สาขา และสาขาขนาดใหญ่ 100 สาขา

 

ส่วนภาพรวมในปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งหมดเปิดให้บริการรวม 120 สาขา ทั้งสาขาขนาดใหญ่และสาขาแบบอีซี่ ที่มี 10 สาขา

 

 

สำหรับแผนการขยายในต่างประเทศ ในปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 4 สาขาในประเทศกัมพูชา โดยในปีนี้ สนใจจะขยายสาขาเพิ่มไปในประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเห็นจำนวน 1 สาขาในปีนี้

 

ขณะเดียวกันก็กำลังมีการศึกษาแผนเข้าไปเปิดสาขาใหม่ในฟิลิปปินส์ ซึ่งการขยายสาขาในต่างประเทศจะวางรูปแบบที่เป็นแฟรนไชส์ ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีสาขาในเวียดนามรวม 5 สาขา จากแนวโน้มตลาดที่กำลังเติบโต

 

เป็นอีกก้าวของการรุกตลาดที่น่าจับตามองไม่น้อย....

 

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus Issue 156 May 2023


 

[อ่าน 12,665]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วยการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainability Marketing)
“สะสม” แค่กระแส หรือจงรักภักดี
ฉากทัศน์แห่งความรุ่งเรืองของธุรกิจ Art Toy ในประเทศไทย
The Charming Business of Art Toy
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เสริมแกร่งธุรกิจครอบครัวสู่การเติบโตยั่งยืน
Soft Power เอาจริงหรือ?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved