แม้จะผ่านช่วงโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่วงการธุรกิจความงามในไทยมีอัตราการเติบโตขึ้น 2.5% นับจากปี 2563-2565 มีผลเนื่องจากการเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินำพาเม็ดเงินเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไทยก้าวหน้าไปได้อย่างดี
วงการธุรกิจความงามนอกจาก คลินิกศัลยกรรมความงามที่ถือว่าเป็นชิ้นเค้กก้อนใหญ่สุดในวงการนี้แล้ว ยังคงมีธุรกิจที่ทำสวยบนใบหน้าอย่างการออกแบบทรงคิ้ว หรือการสักคิ้ว เป็นธุรกิจที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากคิ้วเป็น ส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่ปรากฏให้เห็นได้ถึงแม้จะต้องใช้หน้ากากอนามัย
และอย่างที่ได้ยินกันเสมอว่า คิ้วคือมงกุฎบนใบหน้า อาจารย์บาส ผู้บริหารบริษัท Center cute Beaute & Artistic จำกัด ของสถาบันออกแบบทรงคิ้ว Cencute Eyebrows Academy ผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการออกแบบทรงคิ้ว ได้มาเผยถึงนวัตกรรมและเทคนิคในการออกแบบทรงคิ้ว ที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตใหม่
โดยมีการนำศาสตร์หลายแขนงมารวมกันเพื่อทำการออกแบบทรงคิ้ว ให้เป็นทรงเฉพาะบุคคล แบบกึ่งถาวร สลายได้เองภายใน 2 ปี ด้วยเทคนิคพิเศษไร้เลือดไร้แผล ไม่เจ็บ และไม่ต้องใช้ครีมชาในการทำอีกด้วย
ณัฐพล สร้อยสุวรรณ์ หรืออาจารย์บาส จาก Master Bazz Cencute ได้มาเล่าถึงเส้นทางการเดินทางของชีวิตที่กว่าจะมาเป็น อาจารย์สอนออกแบบทรงคิ้วคิวทองอย่างทุกวันนี้ว่า หลังจากเรียนจบก็เริ่มอาชีพเป็นนายแบบ และมีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นใหญ่หลายครั้ง ระหว่างการเดินแบบที่ต้องทำการเตรียมผิวหน้า หรือแต่งหน้าไปเอง เพราะช่างแต่งหน้ามีไม่พอทำให้ทุกคน ทำให้เป็นอีกจุดเปลี่ยนในชีวิตไปลงเรียนการแต่งหน้าอย่างจริงจัง
“จากนั้นไปทำงานกับแบรนด์เครื่องสำอาง M.A.C ประเทศไทย ได้รับตำแหน่ง Product Specialist และ Brows expert ระหว่างนั้นได้พบว่า คิ้วเป็นส่วนสำคัญของใบหน้าที่ทุกคนสามารถมีได้โดยไม่ต้องไปหาหมอศัลยกรรม เลยไปศึกษาเรื่องเกี่ยวกับคิ้วอย่างเจาะลึก แล้วพบว่าคนส่วนมากแม้ไม่แต่งหน้าก็ต้องเขียนคิ้ว
โดยสมัยก่อนหากไม่อยากเขียนคิ้วบ่อยๆ ก็จะไปทำการสักคิ้วแบบลงสีลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังชั้นหนังแท้ ผลที่ได้จึงออกมาเป็นคิ้วปลิงสีดำเป็นทรงเหมือนๆ กันทุกคน พอนานวันก็กลายเป็นสีเขียว บวกกับการหย่อนคล้อยและการทรุดของกระดูกใบหน้าคิ้วปลิงที่ทำมาก็จะหย่อนคล้อยตามลงมาอีกตามอายุ หากอยากแก้ไขก็ต้องไปเลเซอร์หลายสิบครั้งกว่าจะหมด”
เป็นเหตุให้อาจารย์บาสได้ไปศึกษากับสถาบันออกแบบคิ้วทั้งในไทยและต่างประเทศมากกว่า 10 สถาบัน และยังได้ศึกษาศาสตร์หลายแขนงที่เกี่ยวกับคิ้ว เช่น แพทยศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ศิลปศาสตร์, นรลักษณ์ศาสตร์ นำความรู้ทั้งหมดมาพัฒนามาเป็นเทคนิคการออกแบบคิ้วที่เรียกว่า “Fondle brows hair stroke”
เป็นการออกแบบคิ้วเฉพาะบุคคลที่ถนอมผิว โดยการเคล้าคลึงเม็ดสีไว้บนผิวชั้นบนผิวหนังกำพร้าความลึก 0.5 mm. เหมือนแค่ทำให้ผิวมีรอยขีดข่วนเป็นลวดลาย แต่ไม่ลงลึก ไม่ตกสะเก็ด หลังทำ 2-3 ชั่วโมงก็สามารถล้างหน้า ใช้ชีวิตได้ปกติ
“จากที่ได้ศึกษาและทดลองหลากหลายวิธี พบว่า การฝังสีในผิวชั้นหนังแท้ กับการฝังสีไว้แค่บนชั้นหนังกำพร้าโดยมีความตื้นเพียง 0.5 mm.นั้น ผลลัพธ์คือความคงทนของสีเท่ากันกับการฝังสีแบบลึก แต่สีที่ใช้จะสลายไปได้ภายใน 2 ปี เหมือนการไปฉีดฟิลเลอร์
จึงเรียกได้ว่าเป็นการออกแบบทรงคิ้วแบบกึ่งถาวร ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมากๆ เพราะเหมาะกับวิถีชีวิตแต่ละคนที่เปลี่ยนไป อีกทั้งโหงวเฮ้งของแต่ละคนที่มีการเปลี่ยนไปตามช่วงวัย เพราะฉะนั้นการสักแบบถาวรถือว่าไม่ตอบโจทย์กับคำว่าคิ้วโหงวเฮ้ง”
ขณะที่เครื่องมือกับสีที่ใช้จะเป็นผลิตภัณฑ์จากยุโรป เพราะมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ โดยสถาบันออกแบบทรงคิ้ว Cencute Eyebrows Academy จะแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ
“ธุรกิจความงามของไทย มีการพัฒนาไปไกลกว่าหลายๆ ประเทศ อยากให้คนไทยเชื่อมั่นในความสามารถของคนไทยด้วยกัน ผมพร้อมที่จะส่งต่อความรู้ในอาชีพนี้ให้คนที่สนใจไปเป็นอาชีพสร้างรายได้เพื่อดูแลครอบครัวมีความสุขได้ด้วยตนเอง เหมือนอย่างที่ผมมีความสุขจากการดูแลครอบครัวได้ด้วยตัวผมเอง” อาจารย์บาส กล่าวทิ้งท้าย