"Groom Grant Growth" กลไกสร้าง “นวัตกรรมชาติ”
24 Jul 2023

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ (NIA) เร่งเครื่องผลักดันดัชนีนวัตกรรมประเทศไทยให้ขึ้นสู่อันดับที่ 30 ภายในปี 2573 บนบทบาท Focal Conductor ที่จะต้องเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในการส่งเสริมผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมในทุกมิติ สู่การสร้างผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างยั่งยืน 

 

‘Groom Grant Growth’ กลไกสร้าง “นวัตกรรมไทย” โตยั่งยืน

 ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ภายในระยะ 1 ปี NIA ได้ตั้งเป้าหมายสร้างความก้าวหน้าทางนวัตกรรมไทยทั้งในเชิงมูลค่าและเชิงภาพลักษณ์และจะสร้างเครือข่ายการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ร่วมกับหน่วยงานภายในกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) การจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและผลักดันกฎหมายที่ส่งเสริมระบบนวัตกรรมไทยให้เข้มแข็ง เนื่องจากมองว่าปีนี้นโยบายการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศได้ถูกพูดถึงและกำหนดบทบาทอย่างชัดเจน เพื่อนำประเทศไปสู่การแข่งขันระดับมหาภาคได้อีกครั้ง 

ทั้งนี้ NIA มีเป้าหมายสำคัญที่จะเร่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ 1 ใน 30 ของประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมโลกภายในปี 2573 เพื่อยกระดับทิศทางการขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศไทยให้สอดรับเทรนด์ของโลก NIA ได้ปรับ
กลยุทธ์ใหม่ ภายใต้แนวคิด Create the Dot - Connect the Dot - Value Creation ผ่านกลไก Groom Grant Growth และแนวทาง ‘2 ลด 3 เพิ่ม’ ได้แก่ ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการมุ่งเน้นนวัตกรรมแบบเปิดผ่านการเปิดรับแนวคิดใหม่จาก Startup และSME เพื่อเติมเต็มจุดอ่อนหรือปัญหาด้านสังคมและเศรษฐกิจให้มากขึ้น ลดอุปสรรคการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมให้กับทุกภาคส่วน และแก้ไขกฎระเบียบที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต 

อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพิ่มจำนวนนวัตกรและผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการจ้างงาน การเพิ่มขึ้นของ GDP และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ ‘ชาตินวัตกรรม’ รวมถึงเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม ให้มีโอกาสขยายตลาด และสร้างแบรนด์นวัตกรรมสัญชาติไทยที่พร้อมแข่งขันกับนวัตกรรมจากต่างประเทศ

7 กลยุทธ์สร้าง ‘ชาตินวัตกรรม’

ผู้อำนวยการ NIA กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2566 – 2570 นั้น NIA ได้เปลี่ยนบทบาทจากสะพานเชื่อมสู่การเป็นผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม หรือFocal Conductor ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งบทบาทใหม่ที่จะดำเนินงานภายใต้ 7 กลยุทธ์ ได้แก่ 1.สร้างและยกระดับผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (IBEs) ในอุตสาหกรรมเป้าหมายร่วมกับเครือข่ายตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อพัฒนาและขยายผลโครงการสำคัญใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ Food Tech & Ag Tech ,Travel Tech ,Med Tech ,Climate Tech และ Soft power โดยส่งเสริม IBEs ให้คุ้มครองและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาในสินค้าและบริการนวัตกรรม 

ทั้งนี้รวมถึงใช้ NIA Academy เป็นกลไกหลักในการพัฒนา IBEs ผ่านหลักสูตรที่เข้มข้น และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ จำนวนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม 10,000 ราย บุคลากรและกำลังคนด้านนวัตกรรม 15,000 ราย และมูลค่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเป้าหมายและพื้นที่ 20,000 ล้านบาท

2.ส่งเสริมนวัตกรรมแบบเปิดและทำให้ระบบนวัตกรรมไทยเปิดกว้างมากขึ้น โดยเน้นการให้ทุนที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกับแหล่งเงินทุนอื่นๆ การให้ทุนรายสาขาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับภูมิภาค การเสริมสร้างสมรรถนะการขอทุนและการจัดทำข้อเสนอโครงการร่วมกับเครือข่ายนวัตกรรม เช่น มหาวิทยาลัย อุทยานวิทยาศาสตร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นต้น เพื่อกระจายโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนในภูมิภาค การลดกระบวนการและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินในโครงการให้ทุน 

 

 

ทั้งนี้รวมถึงการใช้คูปองนวัตกรรมเพื่อให้ทุนได้รวดเร็วขึ้นเพื่อเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนไม่ว่าจากธนาคารของรัฐหรือแหล่งทุนอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ เงินทุนและกองทุนสนับสนุนนวัตกรรมที่ NIA บริหารจัดการ 2,000 ล้านบาท โครงการและธุรกิจนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุน 1,500 โครงการ มูลค่าการลงทุนที่เกิดขึ้นในธุรกิจนวัตกรรม 2,000 ล้านบาท ความคุ้มค่าและผลกระทบของเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรม 5 เท่า และสร้างกลไกสนับสนุนรูปแบบใหม่ 3 กลไก

3.ส่งเสริมการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยและอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค การพัฒนาย่านนวัตกรรม เมืองนวัตกรรมและระเบียงนวัตกรรมในภูมิภาค โดยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคและผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการด้านนวัตกรรมเหมือนที่ดำเนินการสำเร็จแล้วในจังหวัดพัทลุงและเชียงใหม่ และการสร้างเครือข่ายนวัตกรรมในพื้นที่ชายแดนโดยร่วมมือกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  เช่น กรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานวิจัยและมหาวิทยาลัย 

อีกทั้งรวมถึง DEPA CEA เพื่อเพิ่มพื้นที่จังหวัดนวัตกรรมให้ครอบคลุมและเพียงพอต่อการสร้างผลลัพธ์และผลกระทบในแต่ละภูมิภาค โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ IBEs เข้ามามีส่วนร่วมกว่า 3,000 ราย ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมใน 40 มหาวิทยาลัย และ 16 อุทยานฯ เกิดการลงทุนนวัตกรรมในภูมิภาค 20,000 ล้านบาท อันดับดัชนีนวัตกรรมเมืองปรับขึ้น 5 อันดับ จังหวัดศูนย์กลางพัฒนานวัตกรรม 12 จังหวัด ย่านนวัตกรรม 12 ย่าน และสำนักงานภูมิภาค 3 แห่ง

4.เป็นศูนย์กลางการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เชื่อมโยงการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสนับสนุน IBEs ทั้งทางด้านการเงินและมิติอื่น โดยเน้นการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม สร้างเครือข่ายการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ การสร้างพื้นที่สนับสนุนสตาร์ทอัพเหมือนกับ Station F ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส การจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับระบบนวัตกรรมไทย 

ทั้งนี้มีกการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและผลักดันกฎหมายที่ส่งเสริมระบบนวัตกรรมไทยให้เข้มแข็ง เช่น นโยบายด้านการเงินและภาษีที่สนับสนุนธุรกิจนวัตกรรม IP Tax Redeem หรือนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย การขยายสิทธิประโยชน์ในย่านนวัตกรรมร่วมกับ BOI ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น การสร้างระบบ Certified IBEs เป็นต้น 

อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการติดตาม เชื่อมโยง และประสานงานทั้งในประเทศและต่างประเทศในการยกระดับนวัตกรรมของประเทศไทย โดยอาศัยกลไกการทูตนวัตกรรม (Innovation Diplomacy) ที่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน การยกอันดับประเทศไทยในดัชนีนวัตกรรมโลก GII ของ WIPO จากอันดับที่ 43 ในปี 2565 เป็นอันดับที่ 30 ในปี 2573 โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ เครือข่ายข้อมูลนวัตกรรมที่เชื่อมโยงสู่ระบบ 15 เครือข่าย จำนวนผู้ใช้บริการ 50,000 ราย ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 5 ข้อ และนวัตกรรมเชิงนโยบาย/ภาครัฐ 30 นวัตกรรม

5.ส่งเสริมการตลาดนวัตกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมในลักษณะของ Business Brotherhood ให้บริษัทขนาดใหญ่มาสนับสนุนการขยายธุรกิจของ IBEs เช่น การส่งเสริมการตลาดของสินค้านวัตกรรมร่วมกับซีพีออลล์ แม็คโคร สยามพิวรรธน์ และกลุ่มบริษัทในเครือเซ็นทรัล รวมทั้งการส่งเสริม IBEs ให้รู้จักการสร้างแบรนด์ การตลาดผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 

ทั้งนี้ได้ขยายความร่วมมือในลักษณะที่มีกับ Shopee ในโครงการ InnoMall กับแพลตฟอร์มอื่น เช่น TikTok และ Line เป็นต้น รวมถึงจัดทำแคตตาล็อกสินค้านวัตกรรมในรูปแบบภาษาไทยและอังกฤษ การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ จำนวน IBEs ที่เข้าร่วมโครงการ 1,000 ราย และมูลค่าเติบโตจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท

6.สร้างความตระหนักและการรับรู้ความสำคัญของนวัตกรรมในทุกภาคส่วน ผ่านโครงการ Innovation Thailand การจัดประกวดรางวัลนวัตกรรม งาน SITE งาน Ubon Art Fest เพื่อสร้างแนวร่วมในการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมไทย โดยมีเป้าหมายใน 4 ปี คือ จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง online และ onsite ไม่น้อยกว่า 50,000 ราย จำนวนผู้เข้าชม Content Online ไม่น้อยกว่า 2,000,000 ครั้ง

และ7.พัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรที่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นทำงานแบบ Cross Functional ลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อน สนับสนุนการปรับหมุนเวียนงาน (Job Rotation) ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีการใช้ Project-based Management และกำหนดเป้าหมายเพื่อวัดผลสำเร็จ (OKR) ที่ชัดเจนและสอดคล้องกันทั้งองค์กร การบริหารงานบุคลากรที่เป็นระบบ โปร่งใส และเป็นธรรม เน้นการทำงานเป็นทีมเพื่อมุ่งสู่พันธกิจขององค์กร พร้อมทั้งน้อมนำแนวความคิดเศรษฐกิจพอเพียงและหลัก ESG มาใช้ในการดำเนินงาน

[อ่าน 1,211]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บีโอไอชู Thailand FastPass เร่ง “บราสเคม สยาม” เดินหน้าเอทิลีนชีวภาพรายแรกในเอเชีย ตั้งเป้าเสร็จปี 2571
ACSC ผนึก Meta–หน่วยงานต่างประเทศ เปิดปฏิบัติการ “Joint Disruption Week” กวาดล้างแก๊งสแกมข้ามชาติในอาเซียน
สเปอร์ส–ลิเวอร์พูล ดวลเดือดนัดพิเศษ ชูพลังฟุตบอลระดมทุนช่วยผู้ป่วยมะเร็งเด็ก วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคมนี้
เดอะมอลล์ ผนึก เอกชนสุขุมวิท ทุ่ม 200 ล้าน สร้าง “EXTRAVAGANZA SUKHUMVIT COUNTDOWN 2026” ดันสุขุมวิทสู่แลนด์มาร์กเคานต์ดาวน์โลก
WELOVEGOLF Tournament 2025 ผสานพลังสมาชิกและพันธมิตร ส่งมอบความรักและความสุข ให้น้องๆ
กสิกรไทยเดินหน้าเศรษฐกิจสีเขียว จับมือกรมลดโลกร้อน หนุนผู้ประกอบการเข้าโครงการ G-Green
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved