‘เอลนีโญ’ รุนแรงรอบใหม่ดันสินค้าเกษตรขาขึ้น 
แนะเพิ่มพอร์ตกองทุนอีทีเอฟ – หุ้นโภคภัณฑ์

15 Aug 2023

 

นักลงทุนรุ่นใหม่เผยราคาสินค้าเกษตรมีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จากปรากฎการณ์เอลนีโญ รวมถึงราคาน้ำมันดิบกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้น สบโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องทั้งกองทุนอีทีเอฟ-หุ้นรายตัว ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ ต้องจับตาหลังประกาศงบไตรมาสสอง อาจเกิดแรงเทขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แนะรอจังหวะเก็บสะสมระยะยาว ส่วนตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกง ภาพรวมยังไม่น่าสนใจ แต่สามารถลงทุนเซกเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าได้

 

ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ เปิดเผยว่า

หนึ่งในปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนหลังจากนี้ คือ การมาของปรากฎการณ์เอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะภัยแล้งทั่วโลก และจะมีผลกระทบต่อผลผลิต (ซัพพลาย) ของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร หรือ Soft Commodities ปรับลดลง หรือ อาจจะขาดแคลนได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้ราคาสินค้าทางการเกษตรมีโอกาสปรับตัวแพงขึ้นได้

 

“ขณะนี้ ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 5 ปี ปัจจัยหลักมาจากการขาดน้ำในประเทศที่เป็นแหล่งผลิตข้าวสำคัญของโลก รวมถึงราคาข้าวสาลีที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้จากการที่รัสเซียเตรียมปิดช่องทางการขนส่งข้าวสาลีจากยูเครน โดยการมาของเอลนีโญอาจจะมีส่วนในการผลักดันราคากลุ่มสินค้าเกษตรให้เป็นขาขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้”

 

อีกหนึ่งสัญญาณที่ระบุว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสปรับตัวขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ ทั้ง WTI และ Brent เกิดสัญญาณขาขึ้นจากเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ตัดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเป็นขาขึ้น และราคาน้ำมันดิบสามารถผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้ จะมีส่วนผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

 

“สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สามารถทำได้ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ กองทุน ETF รวมถึงหุ้นรายตัวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ แต่การลงทุนหุ้นรายตัวอาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุน เนื่องจากมีปัจจัยเฉพาะกิจการมาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นรายตัว สามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่สามารถรับได้”

 

 

ณพวีร์ กล่าวว่า ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ ต้องจับตาตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ NASDAQ หลังจากประกาศงบไตรมาสสองของปีนี้ หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่าง Apple, Microsoft, Alphabet, Meta, Amazon และ Tesla แม้ว่าส่วนใหญ่จะรายงานผลประกอบการที่เติบโตและดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แต่นักลงทุนเลือกที่จะขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่อาจเป็นเพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ประกอบกับต้องการลดความเสี่ยงที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากภาวะหนี้ภาครัฐที่สูงเกินเพดาน

 

อย่างไรก็ตามการปรับตัวลงยังมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าทยอย “ซื้อ” ลงทุนระยะยาว เนื่องจากรายละเอียดของงบการเงินที่ออกมาถือว่าเติบโตในรูปแบบ Organic ทั้งหมด โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ได้แก่ Microsoft และ Alphabet ที่เริ่มรายงานรายได้จริงที่เกิดขึ้นจากเอไอ บ่งชี้ว่าเอไอไม่ใช่แค่สตอรี่ปั่นราคาแต่เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงของผลประกอบการอย่างแท้จริง

 

สำหรับตลาดหุ้นเวียดนาม สามารถปรับตัวขึ้นในระดับ 10% ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน หลังจากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา โดยภาพรวมของดัชนีขณะนี้เริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น จึงสามารถอาศัยจังหวะที่ดัชนีย่อตัว เข้าทยอยลงทุนได้ เช่นเดียวกันกับ ตลาดหุ้นเกาหลีที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเอไอก็มีแนวโน้มปรับตัวเป็นขาขึ้น นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนได้ผ่านกองทุนรวม หรือ กองทุน ETF ได้เช่นกัน

 

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นที่ยังมีความเสี่ยงอยู่มากและไม่แนะนำในช่วงนี้ คือ ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง แม้ว่ารัฐบาลจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่ในมุมมองของตลาดยังมองว่ายังไม่แรงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงภาคธุรกิจทั่วไปยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาจากภาวะโควิดได้เต็มที่ จึงอาจจะยังไม่ใช่จังหวะที่จะลงทุนระยะสั้น แต่ยังสามารถทยอยสะสมระยะยาวได้

 

“เซกเตอร์ที่น่าสนใจในตลาดหุ้นจีน คือ กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมไม่ดีนัก แต่การรายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนทุกค่ายต่างรายงานยอดขายและยอดส่งมอบที่เติบโตทุกราย ประกอบกับผู้ประกอบการทุกค่ายสัญญาที่จะไม่แข่งกันตัดราคาทำให้อัตรากำไรของหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าทุกค่ายมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว เป็นเซกเตอร์ที่น่าสนใจที่จะทะยอยลงทุนได้”

[อ่าน 1,021]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ออร์บิกซ์เปิดตัวแคมเปญ “Power Up Your Life” ทุกการเทรดสะสม OBX Point แลกรับสูงสุด 100,000 คะแนน
AIS ยืนหยัดต้านคอร์รัปชัน ตอกย้ำองค์กรโปร่งใส เดินหน้ายกระดับมาตรฐานธุรกิจ
Primal เปิดตัวโซลูชัน SEO ยุคใหม่ “ElevateSEO” หนุนธุรกิจรับมือการเปลี่ยนแปลงจาก AI Search
เปิดแล้ววันนี้! AIS Shop สาขาใหม่ เซ็นทรัล พาร์ค พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัลเหนือระดับ ใจกลางกรุงเทพฯ
ไม่โกง…. ตรวจสอบได้! ทรูย้ำจุดยืนในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2568 ภายใต้แนวคิด “ไม่โกง ไม่เกิด…จริงหรือ?”
Chivas Regal ร่วมสดุดีพลังแห่งการขับเคลื่อนเบื้องหลังทีม Scuderia Ferrari HP

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved