KBank Private Banking วิเคราะห์เจาะลึกกองทุนหุ้นจีน กับโอกาสการรีบาวด์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
16 Aug 2023

KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) มองเศรษฐกิจจีนยังคงดูดี จากแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยอัตราการออมของภาคครัวเรือนที่สูงมาก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางจีน (PBoC) ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

พร้อมโอกาสการเติบโตของธุรกิจจีนในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการตัวช่วยใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนแทนการส่งออก และภาคอสังหาฯ ชี้ 4 กลุ่มธุรกิจที่น่าจับตา คือ สินค้าอุปโภคเกรดพรีเมี่ยม เฮลธ์แคร์ เทคโนโลยี และธุรกิจที่ลดการปล่อยคาร์บอน จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แนะนำให้ลงทุนผ่านกองทุนหุ้นระยะยาว ควบคู่กับสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดโอกาสขาดทุน

 

ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2564 ตลาดหุ้นจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงที่สุดตลาดหนึ่งในโลก เพราะเป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่สามารถฟื้นคืนหลังจากวิกฤต COVID-19 การลงทุนในหุ้นจีน ณ เวลานั้นทำให้นักลงทุนต่างยินดีกับผลตอบแทนที่ได้รับ

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่าน เชื่อว่านักลงทุนหลายคนคงได้รับผลกระทบจากการลงทุนในหุ้นจีน โดยในช่วงปลายปี 2565 เป็นช่วงที่ดัชนีหุ้นจีน (MSCI China) อยู่ที่จุดขาดทุนสูงสุดที่กว่า 60% จากการได้รับผลกระทบจากหลายเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น การที่ทางการจีนเข้าแทรกแซงบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba และ Tencent เป็นต้น ต่อเนื่องไปจนถึงการผิดนัดชำระหนี้ในภาคอสังหาฯ แต่ ณ ปัจจุบัน แนวโน้มตลาดหุ้นจีนดูสดใสมากขึ้นโดยมีผลตอบแทนบวกกลับขึ้นมาเกือบ 40% จากจุดต่ำสุด

 

 

แม้นักลงทุนหลายคนจะยังคงกังวลและยังไม่กล้าตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับกองทุนหุ้นจีนที่ยังคงอยู่ในพอร์ต KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุน มองว่าปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีนยังคงดูดี โดยหนุนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ

1) การบริโภคในประเทศ จากกำลังซื้อในภาคครัวเรือนจีนที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยกระสุนจากอัตราการออมของภาคครัวเรือนที่สูงมาก

2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางจีน (PBoC) ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

ประกอบกับรัฐบาลจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายภาคอสังหาฯ และภาคเอกชนเพิ่มเติม ทำให้เชื่อว่าได้หุ้นจีนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว

 

นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจจีนในหลากหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการหนุนกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนแทนการส่งออก และภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี และด้านสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยังคงมีอยู่ ก็จะช่วยผลักดันให้จีนต้องเร่งพัฒนานวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรมเพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก จากเป้าหมายเรื่องการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

 

นอกเหนือจากปัจจัยสนับสนุนที่กล่าวมาแล้ว ในแง่การลงทุน KBank Private Banking มองว่าตลาดหุ้นจีนยังน่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นจีน (Valuation) ยังไม่แพง เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในประเทศอื่นๆ และเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงปลายปี 2565

ซึ่งจากข้อมูลในอดีตพบว่าตลาดหุ้นจีนมักจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาจากจุดต่ำสุด นอกจากนี้ยังมองว่าตลาดหุ้นจีนมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวก หากเริ่มต้นปีด้วยราคา หรือ P/E Ratio ที่ต่ำ ประกอบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ หรือ EPS growth ของที่สูงกว่า 10%

 

โดย KBank Private Banking สรุป 4 กลุ่มธุรกิจที่จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว  ได้แก่

  • กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเกรดพรีเมี่ยม จากการที่คนจีนที่มีฐานะดีขึ้น จำนวนชนชั้นกลางที่สูงขึ้น ส่งผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ รวมถึงได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ ที่เน้นการพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ
  • กลุ่ม Healthcare จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก รวมไปถึงได้ประโยชน์จากเทรนด์การดูแลสุขภาพ
  • กลุ่มเทคโนโลยี เช่น ผู้พัฒนาและผลิต Software ที่ได้รับแรงหนุนจากการใช้ Cloud และ A.I. มากขึ้น ประกอบกับการที่จีนเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
  • กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาดต่างๆ เป็นต้น

 

ดังนั้น คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากตลาดหุ้นจีน คือ ลงทุนผ่านกองทุน K-CCTV ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares (ตลาดหลักทรัพย์เชี่ยงไฮ้และเชินเจิ้น) พร้อมบริหารความเสี่ยง ด้วยการปรับสัดส่วนอย่างเป็นระบบเพื่อลดความผันผวนแม้ในช่วงที่ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนสูง และ K-CHINA ที่ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ (All China)

โดยทั้ง 2 กองทุนนี้ลงทุนในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ มีคุณภาพดี มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ กลุ่มธุรกิจสุขภาพ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยแนะนำให้ลงทุนในระยะยาว และลงทุนควบคู่กับสินทรัพย์อื่น โดยเฉพาะสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดโอกาสขาดทุน

[อ่าน 1,071]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ออร์บิกซ์เปิดตัวแคมเปญ “Power Up Your Life” ทุกการเทรดสะสม OBX Point แลกรับสูงสุด 100,000 คะแนน
AIS ยืนหยัดต้านคอร์รัปชัน ตอกย้ำองค์กรโปร่งใส เดินหน้ายกระดับมาตรฐานธุรกิจ
Primal เปิดตัวโซลูชัน SEO ยุคใหม่ “ElevateSEO” หนุนธุรกิจรับมือการเปลี่ยนแปลงจาก AI Search
เปิดแล้ววันนี้! AIS Shop สาขาใหม่ เซ็นทรัล พาร์ค พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัลเหนือระดับ ใจกลางกรุงเทพฯ
ไม่โกง…. ตรวจสอบได้! ทรูย้ำจุดยืนในวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2568 ภายใต้แนวคิด “ไม่โกง ไม่เกิด…จริงหรือ?”
Chivas Regal ร่วมสดุดีพลังแห่งการขับเคลื่อนเบื้องหลังทีม Scuderia Ferrari HP

MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved