กรณีศึกษา ‘บาหลี’ ออกมาตรการเข้ม เนรเทศนักท่องเที่ยวเกเร
17 Aug 2023

enlightened Respectful Tourism เที่ยวแบบให้เกียรติและรับผิดชอบต่อชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

 

‘บาหลี’ ประเทศอินโดนีเซีย เป็นตัวอย่างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ที่ต้องทบทวนว่าจะมีการปรับใช้มาตรการใดบ้างเพื่อรับมือ หรือกระทั่งอัปเปหินักท่องเที่ยวที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์นี้

 

ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินโดนีเซีย บาหลีได้กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยภาคการท่องเที่ยวในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

เนื่องจากค่าครองชีพที่ไม่แพงและการเสนอวีซ่าสำหรับ Digital Nomad ในปี 2566 ผู้คนจำนวนมากกำลังพิจารณาที่จะย้ายไปที่สวรรค์เขตร้อนแห่งนี้ และคาดว่าประชากรของบาหลีคจะสูงถึง 4.47 ล้านคน ในปี 2566

แต่ด้วยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเกเรที่เพิ่มขึ้น ทางการจึงออกคำแนะนำอย่างเป็นทางการรวมถึงออกคำสั่งห้ามประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสม

 

แม้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างยาวนาน แต่ผู้คนในบาหลีก็ยึดมั่นในศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง

ในขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ชาวบาหลีมากกว่า 80% นับถือศาสนาฮินดู


อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูของบาหลีได้บดบังภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจ โดยมีผลกระทบด้านลบบางประการ เช่น ดัชนีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยของบาหลีเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้

ดีเวลลอปเปอร์และผู้อยู่อาศัยจำนวนมากที่ย้ายมาปักหลักที่นี่ สร้างบ้านส่วนตัวและโรงแรมพร้อมสระว่ายน้ำกลางพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้ที่นาหรือที่ดินสำหรับระบบชลประทานในปัจจุบันกำลังถูกรุกล้ำในอัตราที่น่าตกใจ โดยมีพื้นที่เฉลี่ยประมาณ 3,437.5 ไร่ในแต่ละปี

ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการปกป้องพื้นที่เกษตรกรรมยังตามไม่ทันกับการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วของบาหลี

 

นอกจากนี้ การไม่ได้รับเงินอุดหนุนและภาษีที่ดินที่สูงทำให้เกษตรกรไม่สามารถปกป้องที่ดินของตนเองไว้ได้

ประเด็นเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของกฎระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนาการท่องเที่ยวไม่ได้มาจากต้นทุนของภาคเกษตรกรรมที่ต้องสูญเสียไป

 

 

ในขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการในบาหลีเฟื่องฟูต่อเนื่องเป็นลำดับ

แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าแทบไม่มีวันใดผ่านไปโดยไม่มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวรายละเมิดประเพณีและวัตนธรรมท้องถิ่นบนเกาะบาหลี

ที่พบเห็นจนชินตาคือ นักท่องเที่ยวสาวในชุดบิกินี่เล่นโยคะด้วยท่าด๊อกกี้และท่าร่วมเพศอื่นๆ บริเวณประตูวัด

และนักท่องเที่ยวหนุ่มอันธพาลที่เปลือยครึ่งท่อนยืนโต้เถียงกับตำรวจจราจรเรื่องไม่สวมหมวกกันน๊อก แต่กระนั้นความเคยชินเหล่านั้น ไม่ใช่ความถูกต้อง

และนับจากนี้ บาหลีจะไม่ทนอีกต่อไป

 

ทั้งนี้บาหลีในมุมมองของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตก ส่วนหนึ่งถูกถ่ายทอดผ่าน Morning of the Earth (1972) ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นกระดานโต้คลื่นอันโด่งดัง แสดงให้เห็นฮิปปี้เปลือยกายกำลังสอนชาวประมงสูงอายุซึ่งเป็นชาวบาหลีถึงวิธีการสูบกัญชา

และหลังจากที่ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวดัตช์เมื่อกว่าสี่ศตวรรษที่ผ่านมา บาหลีไม่ได้มีชื่อเสียงในแง่ของวัฒนธรรมอันรุ่มรวยเท่านั้น

แต่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางเพศ ตรอกซอกซอยรอบหาด Kuta เป็นที่โปรดปรานของกลุ่มนักเลงขี้เมา เดินด้อมๆ มองๆ หาเห็ดวิเศษ (เห็ดขี้ควาย เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง) และโสเภณีสาวชาวอินโดนีเซียมาบำเรอกาม

 

 

ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวในเกาะแห่งนี้ กล่าวว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ประชากรส่วนใหญ่ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู (ตั้งอยู่ใจกลางประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก)

เป็นหนึ่งในผู้คนที่เป็นมิตรและเป็นมิตรที่สุดในโลก ขณะเดียวกันกลับไม่เคยอินังขังขอบกับความเสื่อมเสียดังกล่าว

แต่ในที่สุดด้วยความอดทนที่ดูเหมือนจะถึงจุดแตกหัก กฎหมายจึงถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมพฤติกรรมที่ไม่ดีบนเกาะแห่งเทพเจ้า

 

ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์รายงานว่า ชาวต่างชาติ 101 คน ถูกเนรเทศในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งรวมถึงชาวรัสเซีย 27 คน ชาวอังกฤษ 8 คน และชาวอเมริกัน 7 คน

โดย I Wayan Koster ผู้ว่าการเกาะบาหลี ได้ออกกฎให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามคำสั่ง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตือนให้แต่งกายและประพฤติตนสุภาพเรียบร้อยในสถานที่ทางศาสนา และการปฏิบัติตามกฎจราจร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ที่เช่าและการใช้หมวกนิรภัย) จะถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากขึ้น

 

 

นอกจากนี้ ยังมีการหารือกำลังดำเนินการเกี่ยวกับการออกมาตรการเรียกเก็บ ‘ภาษีนักท่องเที่ยว’ (อาจมากถึง 1,522,690 รูเปียหรือราว 3,165 บาท)

ซึ่ง Ida Bagus Agung Partha Adnyana ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวบาหลี อ้างว่า

"จะช่วยสนับสนุนมาตรการต่างๆ ของทางการ และป้องกันไม่ให้บาหลีกลายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางราคาถูกเท่านั้น”

 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อพยายามลบล้างการรับรู้ของนานาชาติที่มีต่อบาหลีว่าเป็น ‘เกาะแห่งปาร์ตี้’

ในปี 2558 มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในช่วงเวลาสั้นๆ

และในปี 2561 ประกาศห้ามสวมบิกินี จนกลายเป็นพาดหัวข่าวในต่างประเทศ แต่เพียงไม่กี่วันก็ถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากเกิดโรคระบาดใหญ่ บาหลีกลายเป็นสวรรค์ที่ดึงดูดบรรดา Digital Nomad และไม่นานมานี้ ชาวรัสเซียหลายหมื่นคนจะแห่กันไปที่เกาะนี้

ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจทำให้ชาวบาหลีไม่พอใจมากขึ้น เมื่อรับรู้ว่าผู้อยู่อาศัยใหม่เหล่านี้กำลังแย่งงานในท้องถิ่น รวมถึงมีความกังวลว่าอาจมีบางส่วนที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ

 


“เราเชื่อว่านักท่องเที่ยวที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมเหล่านั้นเป็นชนกลุ่มน้อย ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนอายุน้อยที่ไม่รู้จักวัฒนธรรมที่แท้จริงของบาหลี ยกเว้นภาพเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ขึ้นมาบนฟีดอินสตาแกรมของพวกเขา”

Lucienne Anhar เจ้าของโรงแรม Hotel Tugu Bali ใน Canggu กล่าว 


 

ในปีที่แล้ว ผู้คนในเมือง Canggu ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการโต้คลื่น และเมือง Ubud ศูนย์กลางแห่งโยคะ รู้สึกโกรธระคนสังเวชใจ เมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์ โพสท่าเปลือยกายข้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นนักเที่ยวที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญทางจิตวิญญาณของบาหลี คิดเพียงแค่ว่าเป็นฉากหลังที่เซ็กซี่สำหรับภาพในอินสตาแกรมของพวกเขาเท่านั้น

ทั้งยังละเลยความจริงที่ว่า ภาพถ่ายนั้นเป็นสื่อลามกภายใต้กฎหมายของอินโดนีเซีย

 

 

พฤติกรรมที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่เมื่อภาพบัดสีเหล่านี้ปรากฏแก่สายตาผู้ติดตามหลายพัน หลายหมื่น หรือหลายแสนคนบนโซเชียลมีเดียในทันที

ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจร้ายแรง และไม่แปลกที่จะนำไปสู่การเนรเทศในที่สุด

 

ทั้งนี้ ‘การเนรเทศ’ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการลงโทษที่ผู้กระทำความผิดต้องเผชิญ พึงทราบว่าอินโดนีเซียมีกฎหมายต่อต้านภาพอนาจารที่เข้มงวดอย่างยิ่ง

และกรณีชาวต่างชาติที่เปิดเผยตัวเองผ่านกล้องที่มีการบันทึกไว้ บางกรณีอาจถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 10 ปี 

 

 

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามหลักการของ Respectful Tourism ทำให้ชาวฮินดูในบาหลีรู้สึกหวาดกลัว เช่น เมื่อยอดภูเขาไฟอากุงและบาตูร์ (ภูเขาไฟที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด 2 ลูกของเกาะ) ถูกใช้เป็นฉากหลังในการเซลฟี่ของชาวต่างชาติที่เปลือยกายอล่างฉ่าง

ซึ่งซีเอ็นเอ็นรายงานในเวลาต่อมาว่า ณ สิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ว่าการเกาะบาหลีได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าห้ามกิจกรรมสันทนาการทั้งหมดบนภูเขาทั้ง 22 ลูก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าวอีก

 

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะเป็นแรงจูงใจทางวัฒนธรรม หลายคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการในบาหลีเชื่อว่าการห้ามปีนเขา (รวมถึงข้อจำกัดที่เข้มงวดในการเช่ามอเตอร์ไซค์) เป็นเพียงวิธีการจำกัด นักท่องเที่ยวที่มีรายได้น้อยให้หมดไปจากบาหลี

โดยแนวคิดนี้ พวกเขาเชื่อว่าอาจเป็นไปได้ว่านักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ มีโอกาสน้อยที่จะปีนภูเขาไฟหรือจ้างสกู๊ตเตอร์

 


“พูดตามตรง ส่วนตัวไม่คิดว่าเราทำได้ดีมากในการกำหนดว่านักท่องเที่ยวควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับรัฐบาลในการจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้ เพราะการสื่อสารคือกุญแจสำคัญ และคิดว่าปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ในอนาคตด้วยการสื่อสารและการออกกฎระเบียบที่ชัดเจน รวมถึงกำหนดค่าปรับและบทลงโทษหากจำเป็น”

Lucienne Anhar เจ้าของโรงแรมในบาหลีกล่าว


 

กระนั้นชาวบาหลีส่วนใหญ่ และชาวต่างชาติที่ทำงานหรือพำนักในบาหลี  ตลอดจนนักท่องเที่ยว ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า

เกาะแห่งเทพเจ้าจะเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้ หากผู้มาเยือนส่วนน้อยที่ไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ้น จะถูกเนรเทศออกปากเกาะในชั่วข้ามคืน

 

จากการรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ เจ้าของโรงแรมชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มาเกือบ 30 ปี แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ อธิบายเรื่องอื้อฉาวล่าสุดนี้และผลที่ตามมาของการจับกุมว่า

 


“une tempête dans un verre d'eau” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า "นี่เป็นสถานการณ์ที่ผู้คนกำลังโกรธ เอะอะหรือไม่พอใจกับสิ่งที่ไม่สำคัญ"


 

ขณะที่อีกรายหนึ่งเป็นชาวออสเตรเลียที่ทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการเป็นเวลาสองทศวรรษในพื้นที่ห่างไกลของบาหลี สะท้อนความรู้สึกของเขาว่า มันก็แค่ พายุในถ้วยชา!

ทุกอย่างจะจบลง และบาหลีจะกลับมาเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็หวังว่าจะกำจัดนักท่องเที่ยวที่ไม่สนใจและไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นออกไปสักสองสามคน

ซึ่งในโลกอุดมคติพวกเขาเหล่านั้นไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำตัววุ่นวายตั้งแต่แรก

 

 

ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวบาหลีกำลังส่งเสริมแคมเปญโฆษณาที่ขอให้นักท่องเที่ยวแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นและกฎระเบียบต่างๆ มากขึ้น ในลักษณะที่คล้ายกับป้ายโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ขอให้ชาวต่างชาติละเว้นจากการปฏิบัติที่เป็นการดูหมิ่นพุทธศาสนา

โดยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ใกล้กับสนามบินนานาชาติกรุงเทพฯ มีข้อความเตือนว่า ‘พระพุทธเจ้าไม่ได้มีไว้ประดับตกแต่ง’

 

หากชาวบาหลีโดยรวมต้องการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติงดการปีนภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา แน่นอนว่าความปรารถนานั้นควรได้รับการเคารพโดยไม่มีคำถาม

 


บทความจากนิตยสาร MarketPlus Issue 158 July 2023

 

[อ่าน 713]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยูนิโคล่ สนับสนุนทัวร์นิทรรศการ KAWS + Warhol พร้อมจัดแสดงครั้งแรกที่พิตต์สเบิร์ก
คาร์เทียร์จัดนิทรรศการ Crystallization of Time พร้อมการเรียบเรียงใหม่บนพื้นที่ใหม่
SiteMinder สานต่อความร่วมมือกับ Trip.com ตอบรับการฟื้นตัวของตลาดการท่องเที่ยวของจีน
มงต้องลงแล้ว Miss AI เวทีประกวดนางงามจาก AI ครั้งแรกของโลก!
‘Digital Art Toy’ ภาคต่อที่เพิ่มมูลค่าให้กับ ‘ของเล่นศิลปะ’
พบความเชื่อมโยง แพลตฟอร์มท่องเที่ยวระดับโลก
กับเหตุสังหารหมู่โลมา เมืองไทจิ ประเทศญี่ปุ่น
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved