เสถียร เสถียรธรรมะ พร้อมดันเบียร์คาราบาว ขึ้นเป็นขั้วที่ 3 ในตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้าน
18 Dec 2023

การเข้าตลาดเบียร์ของ ‘คาราบาว’ ที่ส่งเบียร์ 2 แบรนด์ เข้ามาแข่งขันทั้งในตลาดอีโคโนมี และพรีเมียมเบียร์ โดยส่งเบียร์คาราบาว ลงลุยตลาดเบียร์อีโคโนมีและสแตนดาร์ด ด้วยเบียร์ 2 รสชาติคือ Lager Beer (เบียร์ลาเกอร์) และ Dunkel Beer (เบียร์ดุงเกล) และแบรนด์ตะวันแดง 3 รสชาติประกอบด้วย Weizen Beer (เบียร์ไวเซ่น) Rose Beer (เบียร์โรเซ่) และ IPA Beer (เบียร์ไอพีเอ)

 

ถือเป็นครั้งแรกของวงการเบียร์ในประเทศไทยที่มีการเข้าตลาดเบียร์ด้วยการเปิดตัวเบียร์ในหลากหลายรสชาติ โดยมองถึงการเข้ามาตอบรับไลฟ์สไตล์การดื่มเบียร์ของคอเบียร์ไทยที่ยกระดับไปค่อนข้างมาก

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับคนไทยสามารถเข้าถึงเบียร์มาตรฐานระดับโลก อีกทั้งยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการผลิตของโรงงานผลิตเบียร์ระดับโลกของเรา ณ จังหวัดชัยนาท ที่พร้อมด้วยเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด เพื่อตอกย้ำความเป็น สินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก (World Class Product, World Class Brand) และด้วยศักยภาพการผลิตนี้เอง ทำให้เราสามารถผลิตเบียร์ได้หลากหลายประเภท

ทั้งนี้ เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘กลุ่มคาราบาว’ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มทุกสรรพกำลังครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์ คือ ‘คาราบาว’ และ ‘ตะวันแดง’ พร้อมบุกตลาดเบียร์มูลค่า 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนถึง 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท ด้วยเทคโนโลยีการผลิตมาตรฐานโลกจากเครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ช่วงแรกนำร่องการผลิตที่ 200 ล้านลิตร ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุด

 

เสถียร ยังบอกอีกว่า การรุกครั้งนี้ จะมีการปูพรมการตลาดแบบครบวงจร เพื่อให้แบรนด์เข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคทั่วประเทศให้เร็วที่สุด ในด้านตำแหน่งทางการตลาด ทั้ง 2 แบรนด์จะลงเล่นในเซ็กเมนต์อีโคโนมี และสแตนดาร์ด ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดเบียร์มากกว่า 90% โดย ‘คาราบาว’ วางในเซ็กเมนต์อีโคโนมีถึงสแตนดาร์ด ส่วน ‘ตะวันแดง’ วางในเซ็กเมนต์สแตนดาร์ดถึงพรีเมียม เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมในทุกกลุ่ม

 


“เราตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้เล่นหลัก 1 ใน 3 ของตลาดเบียร์ หรือมียอดขายในช่วงปีแรกประมาณ 26,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% จากตลาดรวมเบียร์”


 

การเข้าตลาดเบียร์ในครั้งนี้ ถือว่าน่าจับตามองไม่น้อย เพราะเป็นการเข้าตลาดในจังหวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของการมีขนาดตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ และพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่เปลี่ยนไปจากอดีตค่อนข้างมาก โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการดื่ม และมีความหลากหลายตลอดจนเข้าใจในเรื่องของผลิตภัณฑ์เบียร์ค่อนข้างดี

ขณะที่คาราบาว กรุ๊ป เอง ก็มีการเรียนรู้ตลาดเบียร์มานาน พร้อมกับเซ็ตระบบสนับสนุนการทำตลาดขึ้นมา โดยมองออกว่า ระบบจัดจำหน่าย กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาดไม่แพ้ตัวผลิตภัณฑ์ จึงมีการพัฒนาระบบการจัดจำหน่ายขึ้นมาเพื่อรองรับกับการเข้าตลาดในครั้งนี้

 

ในแง่การจัดจำหน่ายสินค้า จะมีบริษัทในเครือคาราบาว กรุ๊ป คือ บริษัท ตะวันแดง ดีซีเอ็ม จำกัด เป็นคนจัดจำหน่ายให้ โดยมีเครือข่ายเอเยนต์ที่กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ กว่า 790 รายเข้ามาทำหน้าที่ในการกระจายสินค้าเข้าร้านค้าทั่วประเทศ

ก่อนหน้าที่จะเปิดตัว คาราบาว ได้มีการประกาศรับสมัครเอเยนต์ใหม่ เพื่อเข้ามาช่วยในการขายสินค้า โดยเน้นไปที่ตัวแทนในระดับอำเภอ เพื่อเข้ามาเป็นตัวช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าย่อย ไม่ให้สินค้าขาดตลาดหรือค้างในสต๊อกนาน ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมคุณภาพของสินค้า

ขณะเดียวกัน ยังมีการลงทุนทำเครือข่ายร้านค้าปลีกของตัวเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ร้านซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ปัจจุบันมีตัวเลขสาขาอยู่กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงมี ร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่เป็นเครือข่ายร้านโชห่วยที่มีร้านค้าอยู่มากกว่า 5,000 ร้านทั่วประเทศ ซึ่งหน่วยรถในศูนย์กระจายสินค้าทั้ง 31 แห่ง สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางของโมเดิร์นเทรด และเทรดดิชันนอลเทรดได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงทั้งประเทศ

 

 

อีกจุดแข็งสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่า เบียร์ทั้ง 2 แบรนด์จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี คือความแข็งแกร่งของแบรนด์ โดยเฉพาะ ‘คาราบาว’ ซึ่งได้รับการยอมรับไม่เพียงประเทศไทยแต่ในระดับโลก ปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปยัง 42 ประเทศ ครอบคลุมทุกทวีป รวมทั้งเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอล EFL ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ‘คาราบาว คัพ’ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 ซึ่งทำให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ขณะที่ ‘ตะวันแดง’ ก็ได้รับการยอมรับในฐานะโรงเบียร์ไมโครบริวเวอรี่ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย ที่ยืนอยู่ได้มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ซึ่งกลุ่มคาราบาวตั้งเป้าว่าจะส่งออกสินค้าเบียร์ไปยังตลาดต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ และประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีร้านอาหารไทยจำนวนมากอันดับต้นๆ ของโลก

อย่างไรก็ตาม จากการมีผู้เล่นหลักในตลาดเบียร์ ซึ่งครองส่วนแบ่งกว่า 80% ถือเป็นความท้าทายของกลุ่มคาราบาว โดยกลยุทธ์หลักในช่วงแรกจะมุ่งเอ็ดดูเคทตลาดถึงมาตรฐานใหม่ของเบียร์ขั้วที่ 3 พร้อมทำให้ผู้บริโภคเข้าใจและเปิดใจว่าเบียร์ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก และเบียร์ที่คนนิยมดื่มกันในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องของรสชาติ ความเข้มข้นที่แตกต่างจากเบียร์เดิมที่อยู่ในตลาด

โดยทุ่มงบการตลาดมากที่สุดในรอบ 20 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง ‘คาราบาวแดง’ เตรียมกิจกรรมการตลาดอย่างครบเครื่องในทุกช่องทาง หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญคือ การตัดสินใจต่อสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันฟุตบอล Carabao Cup ต่อไปอีก 3 ปี กับ English Football League (EFL) จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2024 ซึ่งจะทำให้คาราบาวเป็นสปอนเซอร์หลักฟุตบอล Carabao Cup ไปจนถึงปี 2027 ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ EFL

ในการนี้ จะมีการสานต่อกลยุทธ์ Sport Marketing ระดับโลก จึงเปิดตัวแคมเปญใหญ่ เครื่องดื่มคาราบาวพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ‘เชียร์บอล เชียร์บาว’ กับการชมฟุตบอลระดับโลกติดขอบสนาม ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีบินลัดฟ้าสู่ประเทศอังกฤษ ชมศึก Carabao Cup ฤดูกาล 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งมั่นใจว่าจะเข้ามาสร้างกระแสและดึงให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ตอกย้ำความเป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก ให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

 

ปัจจุบันตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัว การเข้ามาในตลาดของกลุ่มคาราบาวในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้เห็น Movement ของตลาดที่เปลี่ยนไป จากมาตรฐานใหม่ของเบียร์ที่บริษัทกำลังจะสร้างขึ้น และมาพร้อมตัวเลือกที่หลากหลาย และจากมูลค่ารวมของตลาดแอลกอฮอล์ รวมกว่า 5 แสนล้านบาทนั้น บริษัทตั้งเป้าว่า ‘เบียร์’ จะเป็นหัวรถจักรที่สำคัญ ที่จะพาสินค้ากลุ่มแอลกอฮอล์ให้เติบโตไปด้วย พร้อมเป็นแกนนำให้ธุรกิจอื่นๆ ในเครือคาราบาวเติบโตมากขึ้นไปอีก

 

“เบียร์เป็นสิ่งที่เรามั่นใจในองค์ความรู้ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมประสบการณ์และเก็บข้อมูลมานานกว่า 20 ปี จากการทำโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ผมเชื่อว่าเบียร์ของเราจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ให้กับตลาด และเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภคชาวไทยทุกคนได้” ผู้บริหารของคาราบาว กรุ๊ป กล่าวสรุปทิ้งท้าย

[อ่าน 7,096]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ด้วยการตลาดแบบยั่งยืน (Sustainability Marketing)
“สะสม” แค่กระแส หรือจงรักภักดี
ฉากทัศน์แห่งความรุ่งเรืองของธุรกิจ Art Toy ในประเทศไทย
The Charming Business of Art Toy
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เสริมแกร่งธุรกิจครอบครัวสู่การเติบโตยั่งยืน
Soft Power เอาจริงหรือ?
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved