‘MGC-ASIA’ เผยปี 2566 ทำรายได้ 25,133 ล้านบาท เติบโต 9% เดินหน้าขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
28 Feb 2024

 

บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้ 25,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทำได้ 711 ล้านบาท วางเป้าหมายปี 2567 สร้างการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ MGC-ASIA Ecosystem อย่างต่อเนื่อง  เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร

 

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 ว่า 

บริษัทฯ มีรายได้รวม 25,133 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ และรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย ขณะที่กำไร จากการดำเนินงานทำได้ 711 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ใหม่ รวมถึงการชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อที่น้อยลง กลุ่มบริษัทฯ จึงจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออย่างต่อเนื่อง

 

โดยสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ยังเติบโตขึ้น รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ในปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายการที่เกิดขึ้น เพียงครั้งเดียวทั้งหมด 3 รายการ คือ

  • 1) กำไรจากการขายรถยนต์ และให้เช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับ จากงานประชุม APEC
  • 2) รายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้
  • 3) ดอกเบี้ยที่เกิดจากการเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระยะยาว เพื่อใช้เป็น ศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ ดังนั้นหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานสำหรับปี 2565 และ 2566 อยู่ที่ 751 ล้านบาท และ 722 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลง 4%

 

สำหรับปี 2567 MGC-ASIA มุ่งสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจครบวงจรภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem ที่สมบูรณ์และแข็งแกร่ง ผ่านการขับเคลื่อนการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ ประกอบด้วย

  • 1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Retail Business) กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้างการเติบโตผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีแผนร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตร ขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ครบวงจร รองรับเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต

 

  • 2) ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่องจากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตรถยนต์ไฟฟ้า

 

  • 3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Servicesปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ ‘SIXT’ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก. มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565

 

นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุม ทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น 4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) บริษัทฯ ร่วมทุนกับพันธมิตรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

  • บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า โดยในปีงบประมาณ ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 มีรายได้331 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8% และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตรา การต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

  • บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตจากปีก่อนหน้า 84% โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (High Net Worth) เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมาย และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financing และ Wealth Lending ให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด
[อ่าน 287]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรภายหลังการปรับปรุง 802 ล้านบาท พร้อม EBITDA เพิ่มขึ้น 5 ไตรมาสติดต่อกัน
อาริกาโตะ ชวน “คาลพิสแลคโตะ” มารังสรรค์เครื่องดื่มใหม่แสนอร่อย กับ “Arigato Drinking Yogurt”
KBank Private Banking เผยกลยุทธ์ปี 67 ชู ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ ปลดล็อกทางเลือกลงทุน
เรดบูล เอเนอร์จี้โซดา จัด Esports ทัวร์นาเมนต์ RoV พร้อมหนุนจัดเทศกาลกีฬากรุงเทพ และ Bangkok Esports 2024

TOA โชว์วิชั่นผู้นำนวัตกรรมรักษ์โลก ชูแนวคิดความยั่งยืน “Future Tree” ในงานสถาปนิก’67
Taiwan Excellence โชว์เคสนวัตกรรมสีเขียว ในมหกรรมสถาปนิก' 67
MAGAZINE UPDATE
Owner
DOUBLE D CREATION Co.,Ltd.
เอเวอร์กรีนวิว ทาวเวอร์ ชั้น 4
เลขที่ 22/43 ซอยบางนา-ตราด 56 ถนนบางนา-ตราด
แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260
Tel : 0-2751-4995-6
Mobile : 062-194-4561
Advertising
ติดต่อโฆษณา และ การตลาด
คุณศุภากร ยาตพงศ์ (บู)
Mobile : 08-1355-3636
Tel : 0-2751-4995-6
E-mail : market-plus@hotmail.com
info@marketplus.in.th
PR News
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์
E-mail : info@marketplus.in.th,
market-plus@hotmail.com,
marketplus@hotmail.co.th
Copyright © 2016 DOUBLE D CREATION Co.,Ltd. All rights Reserved