“ซอฟต์พาวเวอร์” เป็นคำที่ติดหูในประเทศไทยเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลไทยในการส่งเสริม และนำเสนอวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยชุดปัจจุบันได้ตั้งเป้าหมายที่แน่วแน่เพื่อเร่งความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของประเทศไทยโดยการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลทางวัฒนธรรมหรือซอฟต์พาวเวอร์ โดยปีที่แล้ว รัฐบาลเพื่อไทยได้ประการนโยบายริเริ่ม 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ (The One Family One Soft Power หรือ OFOS) และหน่วยงานที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ (Thailand Creative Content Agency หรือ THACCA) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industries) ของไทยได้เติบโตทั้งในและต่างประเทศ
โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างงานได้มากถึง 20 ล้านตำแหน่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านการอบรมทักษะและส่งเสริมการจ้างงานด้วยเงินทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเงินทุนบางส่วนจะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมระดับนานาชาติที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ตามโมเดลอย่าง ‘Cool Japan’ ของประเทศญี่ปุ่น และ ‘Hallyu Wave’ หรือ Korean Wave ของเกาหลีใต้ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างงานและอาชีพ
รัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์โดยมีคณะอนุกรรมการ 12 คณะ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 11 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ การท่องเที่ยว เทศกาลประเพณี กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ (แบ่งเป็นประเภทภาพยนตร์ยาวและซีรี่ย์) ดนตรี ศิลปะ หนังสือ เกม การออกแบบและแฟชั่น
การจัดตั้งคณะกรรมการในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในประเทศไทยมีโอกาสทำงานร่วมมือและโน้มน้าวให้รัฐสนับสนุนและร่วมกันส่งเสริมให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เหล่านี้เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมไทย
ช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าดารา นักแสดง และอินฟลูเอนเซอร์ของไทยได้รับความนิยมมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น T-wave หรือ Thai Wave ที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถผลักดันไทยสู่เวทีโลก และนี่ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
สำหรับผู้ที่อยู่ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และอยากร่วมเติบโตไปพร้อมกับกระแสซอฟพาวเวอร์ที่เติบโตขึ้นของประเทศไทย ณัฐพร บัวมหะกุล หุ้นส่วนผู้จัดการของ Vero Advocacy หน่วยงานที่ให้คำปรึกษาด้านนโยบายสาธารณะ และความสัมพันธ์กับภาครัฐ แนะแนวทางดังนี้
มองคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์เปรียบเสมือนตัวกลางในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย (Change Agent)
ด้วยการมาของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ทำให้ตอนนี้อุตสาหกรรมมีช่องทางในผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายและปลดล็อคข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น นโยบายการเซ็นเซอร์มักเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยจากข้อจำกัดของการนำเสนอเนื้อหาละเอียดอ่อน ในอดีตมีการยื่นข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และเกมให้มีการแก้ไขข้อบังคับที่จะกำหนดควบคุมบริการสตรีมมิ่งให้มาอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่เข้มงวดประเภทเดียวที่ใช้กับผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย ให้มีการถูกแทนที่ด้วย การเสนอ ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ ซึ่งสนับสนุนการกำหนดระบบจัดอันดับเนื้อหาของอุตสาหกรรมเพื่อลดข้อจำกัดในการแสดงความคิดเห็น และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระมากขึ้น
ทูตทางวัฒนธรรม
รัฐบาลไทยอาจเปิดรับต่อกิจกรรมที่สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านการร่วมมือผ่าน งานเทศกาลและกิจกรรมที่โปรโมตอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าไว้ แบรนด์ควรสำรวจโอกาสในการเป็นพัธมิตรกับรัฐบาลในกิจกรรมทูตทางวัฒนธรรมนอกประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเปิดตลาดและการเข้าไปมีส่วนร่วมในกลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์โดยรวม
สนับสนุนการท่องเที่ยวประเทศไทย
แบรนด์สามารถสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมากขึ้น THACCA ได้พูดคุยถึงกิจกรรมสำคัญๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ รวมไปถึงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีการเฉลิมฉลองกันตลอดทั้งเดือนเมษายน ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สัมผัสประสบการณ์ที่คึกคักมากขึ้น ในขณะเดียวกัน วีซ่ามวยไทย 90 วันที่ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ คือการรีแบรนด์วีซ่านักท่องเที่ยวประเภทขยายเวลาได้ และยังเชิดชูแนวคิดว่าศิลปะการต่อสู้ของไทยยินดีต้อนรับนักมวยฝึกหัดต่างชาติ
ให้การสนับสนุนงานอีเวนต์ต่างๆ
แบรนด์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมบันเทิงและความงาม ควรให้การสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระแส 'T-WAVE' หรือ Thai Wave ซึ่งสนับสนุนเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และอุตสาหกรรมของตนกับเหล่าดารา นักแสดง และศิลปิน T-pop ได้ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากเหล่าแฟนคลับในต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่อุตสาหกรรม K-Beauty ได้ผลักดันธุรกิจความงามเกาหลีใต้สู่ระดับโลก
สร้างความเชื่อใจผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิด
แบรนด์ควรค้นหาผู้มีอิทธิพล อาทิ ดารา นักแสดง และศิลปิน T-pop ที่สามารถช่วยโปรโมทแคมเปญส่งเสริมการขายที่สร้างสรรค์และสร้างการรับรู้และยอมรับให้กับผลิตภัณฑ์ โดยคนดังเหล่านี้จะกลายเป็นทูตทางวัฒนธรรมที่สามารถช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงฐานแฟน ๆ ในระดับนานาชาติที่กำลังเติบโต และมีส่วนช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปทั่วโลก
ขยายขอบเขตของกระแส T-Wave
แพลตฟอร์มออนไลน์ บริการสตรีมมิ่ง และธุรกิจสื่อสามารถเพิ่มการเผยแพร่เนื้อหาภาษาไทยไปทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ซึ่งภาครัฐบาลอาจมองว่าการทำเช่นนี้เป็นการดำเนินการที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายผลักดันชอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดี อี มย็อง-บัก (Lee Myung-bak) ประเทศเกาหลีใต้ได้สร้างกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ระดับประเทศที่เรียกว่า “Global Korea” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “ตอบโจทย์อนาคต รองรับพหุวัฒนธรรม และมีวิสัยทัศน์” โดย KOCCA (Korea Creative Content Agency) ก็ถูกสร้างขึ้นบนจุดมุ่งหมายดังกล่าว
ถึงแม้ว่าประเทศไทยยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นของนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ตัวอย่างจากประเทศเกาหลีใต้นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่ให้ทั้งแรงจูงใจและเป็นโมเดลสำหรับรัฐบาลไทยและผู้นำในอุตสาหกรรมในการนำมาใช้เพื่อผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ด้วยแรงผลักดันที่ได้รับจากกระแส T-Wave ทำให้ผู้นำธุรกิจจำนวนมากในปัจจุบันเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลไทย
ผู้นำธุรกิจและแบรนด์มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของไทย หากแบรนด์สามารถหาจุดยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายของนโยบาย
ในอดีตคนในวงการบันเทิง และศิลปินชาวเกาหลีใต้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์ และเอาชนะความท้าทายต่างๆ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในระดับโลกของ K-Wave และ เราเชื่อว่า ครีเอเตอร์ชาวไทยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน