TNL เปิดแผนธุรกิจ ปี 2567 สยายปีกธุรกิจบริการการเงินเต็มศักยภาพ เพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 6,100 ล้านบาท พร้อมกำเงิน 1,200 ล้านซื้อหนี้ NPLs มาบริหาร ตั้งเป้ารายได้โต 10-12% รักษาอัตราการทำกำไรสุทธิที่มากกว่า 15% มั่นใจเดินมาถูกทาง
กิตติชัย ตรีรัชตพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี 2567 ว่าบริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าขยายธุรกิจ New Growth Engines ใน 3 ธุรกิจใหม่ ที่จะเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรให้บริษัทได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะธุรกิจปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Secured Lending Business) และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย (Management of NPLs/NPAs Business) หรือธุรกิจ AMC
โดยบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินงาน (Operating Revenue) ปี 2567 ไว้ที่ประมาณ 2,800 ล้านบาท เติบโต 10-12% จากปีก่อน พร้อมรักษาอัตราการทำกำไรสุทธิที่มากกว่า 15% สำหรับธุรกิจให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ที่ดำเนินการผ่านบริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (Oxygen Asset) ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 6,100 ล้านบาท โตขึ้นประมาณ 2-3% สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
ด้านธุรกิจ AMC ที่ดำเนินการผ่านบริษัท บริหารสินทรัพย์ ออกซิเจน จำกัด (Oxygen Asset Management หรือ OAM) ซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะเรียกเก็บหนี้ได้ 180 ล้านบาท และตั้งเป้าลงทุนซื้อหนี้ NPL เพิ่มที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีหนี้เสียจากสถาบันการเงินทยอยออกมาขายจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจ
สำหรับในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (Real Estate Development for Sales Business) ที่ดำเนินการโดยบริษัท ทีเอ็นแอน อัลไลแอนซ์ จำกัด (TNL Alliance หรือ TNLA) ซึ่งได้ร่วมลงทุนกับ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ผ่านบริษัทร่วมทุน (JV) ในสัดส่วน 50:50 ปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 20,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยก่อสร้างเสร็จ และพร้อมโอนในปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะมียอดโอนรวม 3,000 ล้านบาทในปีนี้
“ท่ามกลางความท้าทายทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน บริษัทยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่ออย่างรอบคอบ ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตลงทุน NPL อย่างมีคุณภาพและรัดกุม โดยให้ความสำคัญกับบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ และใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพของ AMC”
กิตติชัย กล่าวพร้อมเผยผลการดำเนินงาน ปี 2566 ว่าเป็นปีแรกที่ TNL ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงธุรกิจ โดยเข้าลงทุนใน 3 ธุรกิจใหม่ โดยมั่นใจว่าการแปลงโฉมธุรกิจครั้งนี้ จะสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน มั่นคง ในระยะยาว ให้แก่ TNL และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเห็นได้จากผลงานปี 2566 ที่บริษัทมีการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ อย่างมีนัยสำคัญ
โดยปี 2566 TNL มีรายได้รวมที่ 2,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 910 ล้านบาท คิดเป็น 46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 3 ธุรกิจใหม่ ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 411 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 403% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปี 2565 TNL ยังไม่มีรายได้จาก 3 ธุรกิจใหม่ และหลังจากเสริมทัพ 3 Growth Engine ใหม่ TNL สามารถเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 18% ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ 5% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเติบโตของ 3 ธุรกิจใหม่ ในปี 2566 ประกอบด้วย
ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อขออนุมัติจ่ายปันผลจากกำไรสะสมเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท
โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567