ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฉลองความสำเร็จกว่าครึ่งทศวรรษ ตอกย้ำการเป็น The World’s Luxury Magnitude ที่สมบูรณ์ที่สุดใจกลางเมืองชายทะเลระดับโลก รวบรวมแบรนด์หรูระดับโลก พร้อมมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งระดับเวิลด์คลาสให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้อย่างครบทุกมิติ โดยลักซูรีแบรนด์เปิดใหม่และเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ Luxury Zone อีก 4 เท่าภายในปี 2026 เพื่อรองรับการเปิดตัวของอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของเซ็นทรัลพัฒนาในการบุกเบิกสร้างเมืองใหม่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเซ็นทรัล ภูเก็ต อยู่คู่กับคนในจังหวัดและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งได้เห็นถึงศักยภาพของเมืองและกำลังซื้อมหาศาล จึงได้เปิดให้บริการเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้าในปี 2018 เพื่อรองรับ Luxury Lifestyle เทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ริเวียร่า, ซานโตรินี, ไมอามี่บีช และฮาวาย
“สะท้อนให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ที่เราวางไว้หลายปีก่อนที่จะทำให้เซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World’s Luxury Magnitude นั้น สอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง และตอบรับแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น “Top Destination for Global Jetsetter” ดึงดูดกำลังซื้อสูงทั่วโลก
โดย “เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า” ที่เป็น World-class luxury mall แห่งเดียวใจกลางภูเก็ตด้วยแบรนด์ลักซูรีระดับโลกมากมาย และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจาก “Quantity to Quality spending” ซึ่งเป็นนโยบายที่ทั้งภาครัฐ-เอกชนจะร่วมกันทำให้ภูเก็ต ไม่มีช่วงโลว์ซีซัน เที่ยวได้-จับจ่ายได้ตลอดทั้งปี โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่อง และมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิด 30%”
วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฎิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร โดยในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน ซึ่งยังคงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพมหานคร
“ภูเก็ตถือเป็น “บ้านหลังที่สอง” ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ หรือ Asia’s Richest Beach Residential ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งแผนขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, ท่าเรือยอร์ช, สนามกอล์ฟ และ Private Jet เป็นต้น และเซ็นทรัล ภูเก็ต จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มเมืองตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย”
3 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่ทำให้เซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World’s Luxury Magnitude
กลยุทธ์ที่ 1 : Exhibition of World-Class Luxury Brands
รวม 14 แบรนด์หรูชั้นนำ ครบที่สุดนอกกรุงเทพฯ ตอกย้ำเดสติเนชั่นสำคัญที่แบรนด์ดังเลือกปักหมุด ได้แก่ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, CHRISTIAN LOUBOUTIN, DIOR, GUCCI, HERMÈS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, SAINT LAURENT, VERSACE และ ZEGNA รวมถึง PRADA ที่เตรียมเปิดให้บริการในปีนี้
ทั้งนี้ฐานข้อมูล The1 ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต มียอดใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยลูกค้า Wealth Segment ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต มีการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้า Wealth ของสาขาอื่นๆ ถึง 45% สะท้อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักซูรีในไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยตลาด Luxury ไทยขยายตัวถึง 5.62% จนถึงปี 2028 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์
กลยุทธ์ที่ 2 : Experience the Exceptional
เซ็นทรัล ภูเก็ต มอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ที่ดีไซน์เฉพาะกลุ่มลูกค้า VVIP อาทิ Club ที่มี Luxury Services สำหรับ VVIP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกระดับ Tycoon & Millionaire กว่า 2,300 คน ที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ Butler แห่งแรกในไทย, บริการ Luxe Limo Service และ Excusive Dining ที่ Su Va Na Restaurant เป็นต้น
นอกจากนี้เซ็นทรัลภูเก็ต ยังรวมแบรนด์ Lifestyle ระดับโลกที่ขยายสาขาออกนอกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เช่น COACH, KATE SPADE, KENZO, MICHAEL KORS, SAMSONITE, LUSH เป็นต้น
กลยุทธ์ที่ 3 : Excite the World
สร้างสรรค์อีเวนต์และเทศกาลระดับโลกจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์, Pride Month, Countdown และยังรวมไปถึง Art exhibition ที่รวบรวมศิลปินแถวหน้าจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเพิ่มสีสันทุกเดือน ให้ภูเก็ตเป็น Art Destination Landmarks
ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายด้าน อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย
ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น และเซ็นทรัลพัฒนามีศูนย์การค้าในภาคใต้ รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่